เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1901 ทะเลสงบ

บทที่ 1901 ทะเลสงบ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1901 ทะเลสงบ

แสงสีขาวนําฟางหยวน เมียวหมิงเฉิน และคนอื่นๆเดินทางออกจากหอคอยเกียรติยศ

พวกเขามาถึงจุดหมายและเริ่มตรวจสอบสภาพแวดล้อมทันที

มันเป็นทะเลที่กว้างใหญ่

ทะเลแห่งนี้มีเกาะเล็กๆห้าเกาะ

เกาะแรกคือเกาะหยก มันเต็มไปด้วยเสาหยกจํานวนนับไม่ถ้วน

เกาะที่สองคือเกาะกระดูกขาว มันเป็นสีขาดซีดและมีซากศพของสัตว์อสูรกระจัดกระจายอยู่รอบๆ

เกาะที่สามคือเกาะมิติเร้น มันดูเหมือนภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง

เกาะที่สี่คือเกาะพายุดาบ มีพายุหมุนสามลูกที่ไม่เคยหยุดหมุนเคลื่อนที่อยู่บนเกาะ

เกาะที่ห้าคือเกาะจันทรา มันมีรูปร่างเหมือนจันทร์เสี้ยวและถูกปกคลุมด้วยท้องฟ้าที่มืดมิดตลอดเวลาทราย บนเกาะแห่งนี้เรืองแสงออกมาทําให้มันดูเหมือนดวงจันทร์ในยามค่ําคืน

ตอนนี้สามในห้าเกาะเริ่มลอยไปตามกระแสน้ําท่ามกลางพวกมัน เกาะพายุดาบเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ไม่แน่นอนด้วยความเร็วสูง เกาะหยกกําลังตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน เสาหยกบนเกาะแตกหักและอยู่ในสภาพทรุดโทรม

สาเหตุหลักของเรื่องนี้คือกระแสน้ําใต้ทะเล

กระแสน้ําเกิดการเปลี่ยนทิศและขยายใหญ่ขึ้นจนก่อให้เกิดอันตรายต่อสภาพแวดล้อม การหยุดกระแสน้ําใต้ทะเลและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้คือภารกิจระดับสุดยอดในครั้งนี้

ฟางหยวนเริ่มอนุมาน

ขณะเดียวกันกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินก็พยายามตรวจสอบพื้นที่ด้วยวิธีการทั้งหมดของพวกเขา

ทุกคนขมวดคิ้วและแสดงออกอย่างจริงจัง

 นี่คือภารกิจระดับสุดยอดงั้นหรือ? ความยากของมันสูงกว่าภารกิจระดับกลางหลายเท่า!  หัวใจของฮวาตี้จมดิ่งลง

ใบหน้าของเฟิงเจียงกลายเป็นน่าเกลียด  ก่อนหน้านี้ข้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงระบบนิเวศของเกาะ รวงผึ้งแต่มันยังไม่สมบูรณ์ ภารกิจระดับสุดยอดนี้ไม่ใช่เรื่องของการแก้ไขระบบนิเวศเท่านั้นแต่มันเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เกาะเหล่านี้อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเกาะรวงผึ้ง เกาะทั้งห้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจ มันยังมีพื้นที่ทะเลขนาดใหญ่และกระแสน้ําใต้ทะเลที่ต้องได้รับการแก้ไข 

 ภารกิจนี้ซับซ้อนมาก การปรับโครงสร้างทะเลแห่งนี้ต้องคํานึงถึงรายละเอียดทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน หากปราศจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เราต้องทําการทดลองหลายครั้งและลองผิดลองถูกไปทีละขั้นตอน ระหว่างกระบวนการนี้เราจะทําเรื่องผิดพลาดมากมาย  กุ้ยฉีเยถอนหายใจ

เสี่ยวหมิงเฉินคํานวณก่าไรขาดทุน  ภารกิจระดับกลางที่ข้าพึ่งทําใช้ทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดของข้าไปเป็นจํานวนมาก เพื่อปรับโครงสร้างของสถานที่แห่งนี้ เราต้องใช้พลังงานและทรัพยากรจํานวนมหาศาล! 

ยิ่งเสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆ ตรวจสอบมากเท่าใด กําลังใจของพวกเขาก็ยิ่งลดลงเท่านั้น

ความยากลําบากของภารกิจระดับสุดยอดทําให้พวกเขาต้องการยอมแพ้

พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าการติดตามฟางหยวนมาทําภารกิจนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาด

 น้องชู เรามาวางแผนกันเถอะ  เมื่อถึงจุดนี้เดี๋ยวหมิงเฉินก็ทําได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขึ้นและต้องการหารือกับฟางหยวน

เป็นเพียงเวลานี้ที่ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น ร่างแยกกาลเวลาและร่างหลักของเขาร่วมมือกัน วางแผนที่สมบูรณ์แบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เขาป้องหมัดกล่าว  พี่เมียว ข้าวางแผนไว้แล้ว เพียงทําตามคําแนะนําของข้า เราจะทําภารกิจนี้สําเร็จอย่าง แน่นอน 

เสี่ยวหมิงเฉินตกตะลึง แม้เขาจะรู้สึกไม่อยากจะเชื่อแต่เขายังต้องพยักหน้า  ตกลง น้องชูโปรดชี้แนะ พวกเราจะทําอย่างดีที่สุด! 

ฟางหยวนหัวเราะ  พี่เบี้ยวไม่จําเป็นต้องสุภาพมากนัก มันจะดีสําหรับทุกคนหากพวกเราทํางานร่วมกัน ยิ่งเราทําภารกิจระดับสุดยอดสําเร็จมากเท่าใด ผลตอบแทนก็ยิ่งมากเท่านั้น มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับภารกิจระดับกลาง! 

 ข้าเกรงว่าเราอาจทําได้ไม่ดีนัก เมี่ยวหมิงเฉินลอบถอนหายใจอยู่ภายในแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา เขาสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปแล้ว ตอนนี้เขาทําได้เพียงคาดหวังกับฟางหยวนเท่านั้น

อย่างไรก็ตามคํากล่าวของฟางหยวนทําให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย

ฟางหยวนไม่ได้แสดงท่าที่ยโส ทัศนคติในการร่วมมือของเขาแสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียม สิ่งนี้แตกต่างจากเฉินกงเจิ้งอย่างชัดเจน

 พี่เยี่ยว ข้าต้องการให้ท่านดูแลเกาะหยกและป้องกันกระแสน้ําที่กระแทกมัน โปรดให้กุ้ยฉีเย่ไปประจําการที่เกาะพายุดาบและทําให้แน่ใจว่ามันจะไม่ออกนอกเส้นทาง ข้าขอให้เฟิงเจียงและฮวาตี้ปกป้องเกาะจันทราและเกาะกระดูกขาวตามลําดับ ข้าจะไปจัดการเกาะมิติเร้น 

ฟางหยวนแบ่งงานให้กับทุกคน

ด้วยการจัดการของผู้อมตะทั้งสี่ เกาะเหล่านั้นจึงหยุดเคลื่อนที่ไปตามกระแสน้ํา ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกมันลดลงถึงระดับที่สามารถควบคุมได้

ฟางหยวนเลือกดูแลเกาะมิติเร้น นี่ทําให้มีผู้อมตะรู้สึกสงสัยอยู่ภายใน

 เกาะมิติเร้นเสถียรที่สุด มันจัดการได้ง่ายที่สุด

เหตุใดชูอิงถึงเลือกจัดการเกาะนี้ก่อน? เขาควรแก้ไขเกาะอื่นก่อน หากเขาจัดการมันก่อน เขาจะพบความยากล่าบากในการจัดการเกาะอื่นๆในภายหลัง

 ในความคิดเห็นของข้า เขาควรจัดการเกาะพายุดาบเป็นอันดับแรก มันเป็นสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เราควรจัดการที่ต้นหตุตั้งแต่เริ่มต้น

ฟางหยวนบินลงบนเกาะมิติเร้นก่อนจะบินออกมาอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาทําให้เมียวหมิงเฉินและคนอื่นๆตกตะลึง

ฟางหยวนเดินทางต่อไปยังเกาะกระดูกขาว

ภายใต้การเฝ้ามองของฮวาตี้ ฟางหยวนน่าทรัพยากรอมตะออกมาจากมิติช่องว่างของเขาและโยนมันออก ไปรอบๆ

 เขากําลังจัดตั้งค่ายกล!  ฮวาตี้ตระหนักถึงสิ่งนี้

ฟางหยวนมีทั้งทักษะและประสบการณ์ การจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะของเขาเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว มันทําให้ฮวาตี้รู้สึกชื่นชมและประหลาดใจมาก

ในไม่ช้าฟางหยวนก็สร้างค่ายกลสําเร็จ

ปากของฮวาตี้อ่าค้างด้วยความตกใจและไม่สามารถปิดมันลงได้เป็นเวลานาน

 ชูยิ่งใช้ทรัพยากรอมตะสร้างค่ายกล! นี่หมายความว่าเขามีความสําเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลงั้นหรือ?

 ดังนั้นเขาก็ไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่เป็นเส้นทางแห่งค่ายกล! 

ไม่ เป็นไปไม่ได้ ย้อนกลับไปเขาเอาชนะเกอเหวินและช่วยพวกเรา เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

 อย่าบอกว่าเขาบ่มเพาะสองเส้นทาง? 

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้อมตะจะบ่มเพาะสองเส้นทาง แต่สําหรับฟางหยวนที่เชี่ยวชาญทั้งสองเส้นทางด้วย ความสําเร็จระดับนี้ มันหาได้ยาก

การจัดเตรียมบนเกาะกระดูกขาวเสร็จสิ้น ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานค่ายกลย่อยนี้และเชื่อมต่อมันกับค่ายกล ย่อยที่อยู่บนเกาะมิติเร้น

เกาะกระดูกขาวเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นมันก็ยึดติดกับทะเลและไม่ส่งสัญญาณของการเคลื่อนไหวอีกต่อไป

ในที่สุดสวาตี้ก็เข้าใจเจตนาของฟางหยวน เขาใช้เกาะมิติเร้นเป็นฐานเพื่อทําให้เกาะอื่นเกิดเสถียรภาพ

เกาะมิติเร้นเป็นรากฐานที่ดีที่สุดสําหรับห่วงโซ่นี้เพราะกระแสน้ําไม่สามารถโจมตีมัน แต่…

ในไม่ช้าฮวาตี้ก็ตระหนักถึงข้อบกพร่องบางอย่าง แต่มันเกิดจากพลังอํานาจของค่ายกล กระแสน้ํายังส่งผลกระทบต่อเกาะเหล่านี้ เมื่อเวลาผ่านไปค่ายกลจะพังทลายลงในที่สุด เกาะเหล่านี้จะยังลอยไปตามกระแสน้ําเช่นเดิม

ฟางหยวนไม่ได้ขจัดความสงสัยของนาง หลังจากไม่นานเขาก็ไปยังเกาะที่เหลือและจัดตั้งค่ายกลย่อยขึ้นบนเกาะเหล่านั้น

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเฝ้ามองฟางหยวนด้วยสายตาซับซ้อน

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนทําให้พวกเขาตกตะลึง

ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลหายากมาก!

ก่อนหน้านี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนเคยทําให้พวกเขารู้สึกชื่นชมมาแล้ว

ด้วยความสามารถดังกล่าว ความลึกลับของฟางหยวนในหัวใจของพวกเขายิ่งมากขึ้นไปอีก

 อย่างไรก็ตามการรักษาเสถียรภาพของเกาะทั้งห้าถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี 

 แต่ปัญหาที่แท้จริงของมันคือกระแสน้ํารอบเกาะ 

 หากไม่มีวิธีบนเส้นทางแห่งวารีที่เหมาะสม เราจะจัดการปัญหานี้ได้อย่างไร? 

เมียวหมิงเฉินและคนอื่นๆพูดคุยกัน พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงออกมาแต่ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

กระแสน้ําใต้ทะเลรุนแรงเกินไป เดี๋ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆคิดได้เพียงการใช้ท่าไม้ตายอมตะโจมตีและทําลายมันที่ละน้อยทีละน้อยเท่านั้น

แต่นั้นเป็นวิธีที่ตื้นเขิน มันจะทําให้พวกเขาเสียทั้งเวลาและพลังงานอมตะ ข้อบกพร่องร้ายแรงที่สุดของวิธีดังกล่าว คือมันจะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้แก่พื้นที่รอบๆ

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีความคิดที่ดีกว่านี้

 ครื้น… 

เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนกระตุ้นใช้ค่ายกลทั้งหมด

เกาะทั้งห้าปลดปล่อยเสาแสงสีต่างๆขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะพุ่งสูงขึ้นทันที

 นี่คือพลังที่แท้จริงของค่ายกลนี้!  เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นตกตะลึง

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของเกาะทั้งห้าหนาแน่นมาก จนสามารถถูกพิจารณาว่าเป็นทรัพยากรอมตะขนาดใหญ่ชิ้นเดียวกัน

 ตอนนี้ข้าจะดึงกระแสน้ํา ทุกคน ปกป้องเกาะของตนเองต่อไป หากมีสัตว์อสูรโจมตีหรือเกิดคลื่นยักษ์ที่เป็นอันตรายต่อเกาะ ข้าต้องการให้พวกเจ้าหยุดมัน!  ฟางหยวนตะโกนเสียงดัง

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเร่งตอบรับ

เสาแสงทั้งห้ค่อยๆเลือนหายไปและกลายเป็นละอองแสงสีขาวกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้า

ละอองแสงสีขาวร่วงหล่นลงสู่ทะเล

กระแสน้ําราวกับปลาวาฬสีน้ําเงินที่พุ่งเข้าโจมตีเกาะหยกที่อยู่ใกล้ที่สุด

เสี่ยวหมิงเฉินที่อยู่บนเกาะหยกกัดฟันและรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล

หากการป้องกันของค่ายกลวิญญาณอมตะไม่แข็งแกร่งพอ เกาะหยกอาจถูกทําลายล้าง

 บีม! 

คลื่นยักษ์สูงสิบเมตรพุ่งเข้าโจมตีเกาะหยกอย่างรุนแรง

เสี่ยวหมิงเฉินคํารามและใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อต่อต้านมัน

กระแสน้ําค่อยๆเปลี่ยนทิศทางและเคลื่อนที่ไปทางซ้ายของเกาะหยก มันถูกชักนําให้เคลื่อนที่ไปยังเกาะกระ ดูกขาว

เกาะกระดูกขาวอยู่ภายใต้การดูแลของฮวาตี้ นางแทบกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นคลื่นยักษ์พุ่งเข้าไปหา

จากการหารือภายในกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉิน พวกเขาจะค่อยๆทําให้กระแสน้ําอ่อนแอลง หากทําได้พวกเขาจะทําลายมันทิ้งไป

แต่ฟางหยวนยังดึงดูดกระแสน้ําเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

 ชองบ้าไปแล้ว!  ฮวาที่เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว

นอกจากนี้มันยังมีสัตว์อสูรจํานวนมากที่ติดอยู่ในคลื่นน้ําเคลื่อนที่เข้ามาพร้อมกัน ฮวาตี้ต้องทุ่มเทกําลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านพวกมัน

ด้วยวิธีนี้คลื่นน้ําจึงพุ่งเข้าปะทะเกาะทั้งห้าที่ละเกาะ

ทุกครั้งที่เกิดการปะทะ คลืนน้ําจะอ่อนกําลังลงระดับหนึ่งก่อนที่มันจะถูกดึงดูดไปยังเกาะถัดไป

หลังจากห้ารอบ คลื่นน้ําก็เกือบจะกลายเป็นคลื่นธรรมดา มันสงบลงมาก

ในทางตรงข้าม หัวใจของกลุ่มผู้อมตะกลับสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกใจอย่างที่สุด

พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะสามารถแก้ปัญหาด้วยวิธีการนี้

กระแสที่เหลืออยู่กลายเป็นปราการป้องกันเกาะทั้งห้าและช่วยรักษาค่ายกลวิญญาณอมตะเอาไว้

หากพวกเขาทําตามแผนการของเสี่ยวหมิงเฉิน พื้นที่ทะเลแห่งนี้จะถูกทําลายทั้งหมด

อย่างไรก็ตามวิธีของฟางหยวนสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้อย่างชาญฉลาด เขายังสามารถใช้กระแสน้ําให้เป็นประโยชน์และเสริมสร้างรากฐานให้กับทะเลแห่งนี้

นี่คือความสําเร็จที่น่าเหลือเชื่อ!

กลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินรู้สึกประทับใจมาก

มันเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุความสําเร็จนี้

ยังไม่ต้องกล่าวถึงการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ เพียงการจัดการกระแสน้ําอย่างเดียว กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารีก็ยังไม่สามารถทําได้ถึงระดับนี้ การทําให้กระแสน้ําอ่อนกําลังลงถึงจุดที่เหมาะสมจําเป็นต้องคิดคํานวณอย่างรอบคอบและแม่นย่า หากมากหรือน้อยเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมและไม่สามารถรักษาสมดุล

 ปัญหาใหญ่ที่สุดได้รับการแก้ไขแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างระบบนิเวศของเกาะ สําหรับเรื่องในอนาคตอันห่างไหล พวกเราไม่จําเป็นต้องคิดถึงมัน  ฟางหยวนยิ้ม

เขาค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์นี้

ฟางหยวนทิ้งเจตจํานงของเขาและพลังงานอมตะจํานวนหนึ่งไว้ที่นี่ ตราบเท่าที่พวกมันยังอยู่ เกาะทั้งห้าจะปลอดภัยมาก

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท