เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1904 วิญญาณอาณาเขต

บทที่ 1904 วิญญาณอาณาเขต

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1904 วิญญาณอาณาเขต

ผู้อมตะหลายคนอยู่ที่ทะเลปีศาจร่ําไห้

เสี่ยวหมิงเฉินและอีกสามคนอยู่ในค่ายกลเสริม พวกเขาใช้ค่ายกลเสริมของตนเองแทรกซึมเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเล

ฟางหยวนกําลังสร้างค่ายกลเสริมอยู่ในเวลานี้

เขาโบกมือส่งวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากออกไปราวกับฝูงผึ้ง จากนั้นเขาก็นําทรัพยากรอมตะออกมา และใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อเติมเต็มค่ายกลนี้

เหรินซิ่วผิงและคนอื่นๆที่พึ่งมาถึงมองฟางหยวนด้วยดวงตาส่องประกาย

ทุกคนรู้สึกซับซ้อน กระทั่งเฉินกงเจิ้งก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 ความสามารถในการใช้ทรัพยากรอมตะสร้างค่ายกล เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล 

 ชูวิ่งบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาบ่มเพาะเส้นทางสองสายถึงระดับนี้ได้อย่างไร? 

 บางที่เขาอาจพบวิธีการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงควบคู่กับเส้นทางแห่งค่ายกลโดยไม่มีปัญญาเรื่องความขัดแย้ง มันเหมือนจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าของวังสวรรค์ที่สามารถบ่มเพาะเส้นทางแห่งจิตวิญญาณควบคู่กับเส้นทางแห่งสายฟ้าหรือเทพธิดาเก่าวิญญาณที่บ่มเพาะเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ควบคู่กับเส้นทางแห่งทาส 

 มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของชองสูงมาก สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือเขาไม่ขาดแคลนท่าไม้ตายอมตะที่มีประสิทธิภาพ

กลุ่มผู้อมตะที่มาใหม่เฝ้ามองฟางหยวนด้วยความอัศจรรย์ใจ

 ด้วยความสาเร็จนี้ เขาสามารถรับภารกิจมากมายบนหอคอยเกียรติยศ

 ภารกิจส่วนใหญ่ของหอคอยเกียรติยศเกี่ยวข้องกับการจัดการระบบนิเวศ มันเอื้อประโยชน์ต่อชูอิงเป็นอย่างมาก 

 ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถสร้างค่ายกลมากมาย 

 ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลทั่วไปต้องใช้วิญญาณอมตะจํานวนมากเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ แต่ชูอิงเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาสามารถใช้ทรัพยากรอมตะแทนวิญญาณอมตะ สิ่งนี้น่ากลัวเกินไป 

ทุกคนรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกลุ่มของเมียวหมิงเฉินที่สามารถร่วมมือกับฟางหยวนก่อนพวกเขา

เหรินซิ่วผิงเริ่มพิจารณาเกี่ยวกับการละทิ้งกลุ่มของตระกูลเฉินและต้องการเข้าร่วมกับฟางหยวนหลังจากนี้

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ฟางหยวนดูเป็นคนใจกว้าง แม้เหรินซิ่วผิงจะเป็นศัตรูกับเขามาก่อนหน้านี้ แต่เขายังสามารถเพิกเฉยต่อมันอย่างสมบูรณ์ในเวลานี้

ความกังวลของเหรินซิ่วผิงคือฟางหยวนมีกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินอยู่แล้ว กระทั่งถูเทาเทาและเพิ่งล้วซื้อก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฟางหยวนมากกว่าเขา

 ในมุมมองของชูอิง เขาสามารถร่วมมือกับพันธมิตรที่ใกล้ชิด เหตุใดเขาต้องร่วมมือกับศัตรูเช่นข้า

เหรินซิ่วผิงคิด อย่างไรก็ตามแม้เขาจะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่เขายังต้องใช้ทรัพยากรอมตะในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ ข้อจํากัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือทรัพยากรอมตะ หากเขาขาดทรัพยากรอมตะ ข้าสามารถบริจาคให้เขาเพื่อกระชับความสัมพันธ์

เหรินซิ่วผิงตัดสินใจสละผลประโยชน์บางส่วนเพื่อสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน

 ค่ายกลเสรมิถูกสร้างขึ้นแล้ว เหรินซิ่วผิง โปรดไปปกป้องมัน  ฟางหยวนกล่าว

 แน่นอน  เหรินซิ่วผิงยิ้มและบินเข้าไปในค่ายกลเสริม

เหรินซิ่วผิงไม่สามารถทําความเข้าใจค่ายกลเสริมของฟางหยวน แต่เขาเชื่อว่าการจัดเตรียมของเทพอมตะ สวรรค์พิภพจะทําให้ฟางหยวนไม่สามารถทําร้ายเขา

ฟางหยวนยังสร้างค่ายกลเสริมต่อไป

ผู้อมตะเข้าสู่ค่ายกลเสริมที่ละคนและท่าให้มันแข็งแกร่งขึ้น

การแสดงออกของเหรินซิ่วผิงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเห็นฟางหยวนนําทรัพยากรอมตะออกมาอย่างไม่รู้จบ

ความมั่งคั่งของฟางหยวนทําให้ทุกคนต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ด้วยความมั่งคั่งเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถแข่งขันได้อย่างไร

สิ่งที่ทําให้เหรินซิ่วผิงหดหูใจมากขึ้นคือทัศนคติของฟางหยวน

เขาใช้ทรัพยากรอมตะจานวนมากสร้างค่ายกลได้โดยไม่กระพริบตาหรือลังเล

หลังจากใช้เวลาและความพยายามไปบ้างแล้ว ค่ายกลเสริมทั้งหมดก็ถูกจัดตั้งขึ้น

เฉินกงเจิ้งและคนอื่นๆเข้าไปประจําการอยู่ในค่ายกลเสริมของตนเองที่กระจายอยู่รอบๆราวกับหางนกยูง

ค่ายกลเสริมแต่ละแห่งแตกต่างกันแต่พวกมันต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ฟางหยวนสร้างค่ายกลเสริมสําหรับตนเองเช่นกัน

ภายในค่ายกลเสริม ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของเขา ฝนหลอมรวม!

ทันใดนั้นสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

ฝนแทรกซึมเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเลและเริ่มปรับแต่งวิญญาณอมตะของมันทีละดวง

หลังจากไม่นานเฉินกงเจิ้งและคนอื่นๆก็เบิกตากว่างด้วยความตกตะลึง

ในเวลาสั้นๆ ฟางหยวนสามารถปรับแต่งชั้นนอกสุดของค่ายกลวิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว

 นี่เป็นท่าไม้ตายใด? มันส่งผลกระทบต่อค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลได้อย่างไม่น่าเชื่อ! 

 ดูเหมือนมันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม?  บางคนไม่แน่ใจ

 เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่ทรงพลังนัก ชองบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมด้วยงั้นหรือ?  บางคนรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ

 นี่ควรเป็นพลังอานาจของค่ายกลเสริม! 

กลุ่มผู้อมตะคิดเกี่ยวกับมันและตัดสินว่ามันเป็นพลังอานาจของค่ายกล

หากชูอิงมีความสามารถนี้ มันไม่ได้หมายความว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางสามสายเช่นนั้นหรือ?

อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นพลังอํานาจของค่ายกลแต่ผู้อมตะทั้งหมดยังรู้สึกตกใจมาก

รูม่านตาของเฉินกงเจิ้งหดเล็กลง เปรียบเทียบกับพลังอานาจของค่ายกล เขารู้สึกตกใจกับความทะเยอทะยานของฟางหยวนมากกว่า

เขาเข้าใจมันแล้ว

ค่ายกลเสริมเหมือนชะแลงขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลเหมือนกล่องไม้ที่ปิดสนิท

ตอนนี้พวกเขากําลังพยายามใช้ชะแลงเปิดฝากล่องโดยมีฟางหยวนเป็นผู้ควบคุม

 ความทะเยอทะยานเช่นนี้…เขาต้องการยึดครองค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งหมด!

ชูอิง… เฉินกงเจิ้งแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาลอบจารึกชื่อนี้ไว้ในใจอย่างลับๆ

ท่าไม้ตายอมตะฝนหลอมรวมเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด

อย่างไรก็ตามฟางหยวนใช้ค่ายกลเสริมของเขาปกปิดกลิ่นอายของมันเอาไว้ นี่ทําให้เฉินกงเจิ้งไม่ตระหนักถึงพลังอํานาจระดับแปดที่ฟางหยวนปลดปล่อยออกมา

ด้วยพลังอํานาจของท่าไม้ตายอมตะระดับแปด ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลค่อยๆถูกปรับแต่งที่ละเล็กที่ ละน้อย

ยิ่งเขาปรับแต่งมันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งควบคุมมันได้มากเท่านั้น ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลเสริม กระบวนการต่างๆจึงดําเนินไปได้อย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาปรับแต่งค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลไปถึงสามสิบส่วน ประสิทธิภาพของฝนหลอมรวมเริ่มลดลงอย่างมีนัยสําคัญ ความคืบหน้าของเขาช้าลงมาก

 ฝนหลอมรวมเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะ ผลลัพธ์ของมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจของข้าที่มีต่อค่ายกลวิญญาณอมตะที่เป็นเป้าหมาย  ฟางหยวนไม่แปลกใจ

เขาตัดสินใจใช้เวลาอยู่ที่นี่เพื่อรับวิญญาณความเสียใจ

เดิมที่เขายังกังวลเกี่ยวกับคนอื่นๆ

แต่ตอนนี้เฉินกงเจิ้งอยู่ที่นี่ ฟางหยวนไม่กลัวผู้อมตะคนอื่นๆจะเข้าแทรกแซง

ความเร็วในการปรับแต่งของเขาช้าลงเรื่อยๆ ในที่สุดฟางหยวนก็รู้สึกราวกับขุดพบก้อนอิฐ

มันคือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่มีรูปร่างเหมือนจานสีน้ําตาลแดง

นี่คือวิญญาณอาณาเขต เมื่อผู้อมตะฝังมันไว้ใต้ดิน มันจะปล่อยพลังงานลึกลับออกไปปกคลุมพื้นที่ที่อยู่รอบๆ ทุกสิ่งที่อยู่ภายในรัศมีหนึ่งพันลี้จะถูกควบคุมโดยผู้ใช้งานวิญญาณดวงนี้  ฟางหยวนรู้จักวิญญาณอมตะดวงนี้

วิญญาณอาณาเขตระดับมนุษย์พบเห็นได้ทั่วไปโดยเฉพาะภาคใต้

หมู่บ้านในภาคใต้นิยมใช้วิญญาณอาณาเขตระดับสามหรือระดับสีสร้างอาณาเขตของหมู่บ้าน

วิญญาณอาณาเขตมีประโยชน์มากแต่มันก็แพงมากเช่นกัน มันมักถูกใช้โดยกองกําลัง ผู้ใช้วิญญาณทั่วไปไม่นิยมใช้สิ่งนี้

วิญญาณอมตะอาณาเขตมีประโยชน์ต่อฟางหยวนเช่นกัน

ฟางหยวนสามารถใช้วิญญาณอมตะดวงนี้เพื่อจัดการมิดช่องว่างของเขา เขาสามารถเปลี่ยนภูมิประเทศโดยการพึ่งพาวิญญาณอมตะดวงนี้

อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกําลังเป็นอุปสรรคสําคัญของฟางหยวน

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท