เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1903 วิญญาณตอบสนอง

บทที่ 1903 วิญญาณตอบสนอง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1903 วิญญาณตอบสนอง

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆ คลื่นลมแรง ทะเลปั่นป่วน

นี่คือทะเลปีศาจร่ําไห้ ฟางหยวนและกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินอยู่ที่นี่แล้ว

 ข้าเสียใจ ข้าไม่ควรฆ่าผู้คนมากมายเช่นนั้น 

 ข้าเจ็บปวด ข้าไม่ควรไล่ล่าอํานาจ มันจะดีกว่านี้มากหากข้าอยู่บ้านดูแลท่านพ่อท่านแม่ในฐานะลูกกตัญญ 

 ข้าสํานึกผิดแล้ว ข้าหลอกทุกคนและซ่อนวิญญาณอมตะ ข้าปล่อยให้สหายที่ดีที่สุดของข้ารับความผิดทั้งหมดขณะที่ข้าได้รับผลประโยชน์

คลื่นเสียงดังเข้าหูของกลุ่มผู้อมตะราวกับท่าไม้ตายอมตะที่ทําให้จิตใจของพวกเขาปั่นป่วน

นี่คือจุดศูนย์กลางของทะเลปีศาจร่ําไห้

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆลอยอยู่บนท้องฟ้าและเฝ้ามองฟางหยวนที่กําลังครุ่นคิดอยู่อย่างอดทน

แม้พวกเขาจะไม่มีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลแต่พวกเขายังค้นพบค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเล

เห็นได้ชัดว่านี้เป็นผลงานของเทพอมตะสวรรค์พิภพ

กลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินมองมันและรู้สึกถึงความไร้นัยสาคัญของตนเอง

ฟางหยวนรู้สึกเช่นเดียวกันในชีวิตก่อนหน้า เขาต้องถอนหายใจกับความยิ่งใหญ่ของมัน เขาคิดว่าตนเองต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปีเพื่อทําความเข้าใจค่ายกลวิญญาณอมตะที่ยิ่งใหญ่นี้

อย่างไรก็ตามตอนนี้เวลาที่เขาใช้ทําความเข้าใจมันลดลงอย่างมาก

 ข้าต้องใช้เวลาแปดปีในการทําความเข้าใจมันอย่างสมบูรณ์  ฟางหยวนคิด

สาเหตุของความก้าวหน้าดังกล่าว ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากการเติบโตขึ้นของความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปฐพี

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนไม่ได้เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปฐพขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลเป็นค่ายกลบนเส้นทางแห่งปฐพี

ไม่มีการเคลื่อนไหวของวิญญาณความเสียใจ ฟางหยวนมองไปยังทะเลด้านล่าง

เขาไม่แปลกใจกับสถานการณ์นี้

ก่อนเข้ามาในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า ฟางหยวนทําลายเกาะบัวหินไปแล้ว เมื่อปราศจากเกาะบัวหิน การจัดเดรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพจึงไม่ทํางาน

ตามข้อมูลที่ฟางหยวนได้รับจากเกาะบัวหิน เทพอมตะสวรรค์พิภพเคยไปที่นั้นและขอยืมวิญญาณความเสียใจ

แม้เจตจํานงของเทพปีศาจบัวแดงจะอยู่ที่นั้นแต่มันจะต่อต้านเทพอมตะที่มีชีวิตได้อย่างไร

เทพอมตะสวรรค์พิภพขอยืมวิญญาณความเสียใจและต้องการฉกชิงผู้สืบทอดของเทพปีศาจบัวแดง

แน่นอนว่าผู้สืบทอดผู้นี้ก็คือฟางหยวน

ชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนต้องการเกาะบัวหิน แต่ชีวิตนี้เขาได้รับทุกสิ่งจากเกาะบัวหินเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเป้าหมายที่เขามายังถ่าสวรรค์วาฬมังกรฟ้าครั้งนี้ก็คือรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ

 ครั้งก่อนวิญญาณความเสียใจนําข้าออกไปแต่ครั้งนี้มันไม่เคลื่อนไหว ดูเหมือนข้าต้องลงมือด้วยตนเอง

ฟางหยวนค่อนข้างพอใจที่วิญญาณความเสียใจไม่ทํางาน

หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลาหลายชั่วโมง ฟางหยวนก็รวบรวมความคิดที่กระจัดกระจาย

เขากล่าวกับเดี่ยวหมิงเฉิน  เราต้องใช้ค่ายกลนี้กําจัดปีศาจอมตะ อย่างไรก็ตามนี้เป็นค่ายกลที่เทพอมตะสวรรค์พิภพสร้างขึ้น แม้มันจะทรงพลังอย่างที่สุด แต่มันมีไว้เพื่อกักขังปีศาจเท่านั้น มันไม่มีพลังโจมตีความคิดของ ข้าก็คือเราต้องสร้างค่ายกลเสริมเพื่อฆ่าปีศาจที่อยู่ภายใน 

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆพยักหน้าเมื่อได้ยินความคิดนี้ พวกเขาเห็นด้วยกับมัน

มันจะอันตรายมากหากพวกเขาพยายามทําลายค่ายกลและปล่อยปีศาจอมตะออกมา

เห็นได้ชัดว่าปีศาจอมตะผู้นี้เป็นคนรุ่นเดียวกับเทพอมตะสวรรค์พิภพ

เขามีชีวิตอยู่มานานนับแสนปีแล้ว

กล่าวถึงเรื่องอายุขัย กระทั่งเทพอมตะที่มีอายุขัยยืนยาวที่สุดก็ยังมีอายุเพียงสองหมื่นห้าพันปีเท่านั้น

เพียงจุดนี้มันก็ทําให้ปีศาจอมตะผู้นี้น่ากลัวมากแล้ว

 ทุกคน ไม่จําเป็นต้องประเมินค่าปีศาจอมตะผู้นี้สูงเกินไป  ฟางหยวนยิ้ม  ค่ายกลนี้มีวิธียืดอายุขัยอยู่ด้วย ปีศาจอมตะผู้นี้อยู่ในสภาพจําศีลมาตลอด นี่คือเหตุผลที่เขายังมีชีวิตอยู่ 

เสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆรู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินค่ากล่าวของฟางหยวน

 เทพอมตะสวรรค์พิภพช่างมีเมตตานัก ไม่เพียงเขาจะไม่สังหารปีศาจตนนี้แต่เขายังยึดอายุขัยให้มันอีกด้วย 

 มันเป็นวิธียืดอายุขัยของวังสวรรค์หรือไม่? วิธีของวังสวรรค์ทําให้ผู้อมตะจ่าศีลได้นานถึงหลายล้านปี 

 เห้อ…เราจะเข้าใจวิธีการของเทพอมตะได้อย่างไร? 

ฟางหยวนมองเมี่ยวหมิงเฉินและกล่าว  แต่การจัดตั้งค่ายกลเสริมของข้าจําเป็นต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะ เมื่อค่ายกลถูกกระตุ้นใช้งาน ยิ่งมีผู้อมตะมากเท่าใด พลังของค่ายกลก็จะยิ่งมากเท่านั้น ตามแผนการของข้า ข้าต้องการผู้อมตะอย่างน้อยแปดคนเพื่อดูแลมัน 

ความรู้สึกดีของเสี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆจางหายไปทันที

กลุ่มของพวกเขารวมฟางหยวนมีผู้อมตะเพียงห้าคน ตามคํากล่าวของฟางหยวน มันหมายความว่าพวกเขาต้องเชิญผู้อมตะอีกอย่างน้อยสามคน

นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจ

แม้พวกเขาจะเพิ่มเจิ้งลั่วซือและถูเทาเทาที่เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเข้ามา มันก็ยังขาดอีกหนึ่งคน

นอกจากผู้อมตะตระกูลเฉินก็เหลือเพียงเหรินซิ่วผิงกับตงฮัว

นี้เป็นสิ่งที่กลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินไม่สามารถยอมรับ ตระกูลเฉินข่มเหงพวกเขาขณะที่เห็นชั่วผิงเป็นศัตรูและตงฮัวเป็นคนทรยศ

แล้วพวกเขาจะเชิญผู้ใด

กุ้ยฉีเย่ ฮวาตี้ และเฟิงเจียงแสดงออกด้วยความรู้สึกล่าบากใจ

อย่างไรก็ตามเมี่ยวหมิงเฉินกลับตอบด้วยรอยยิ้ม  น้องชู สิ่งสําคัญที่สุดในเวลานี้คือมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ดังนั้นเราควรคว่ามันไว้ นี่อาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตของพวกเรา เราควรวางความเกลียดชังลงชั่วคราว ในความคิดเห็นของข้า เจิ้งลั่วซือและถูเทาเทาสามารถเชิญได้ เหรินซิ่วผิง และตงฮัวสามารถเชิญได้เช่นกัน มันจะดีกว่านี้หากผู้อมตะตระกูลเฉินเข้าร่วมด้วย 

เสี่ยวหมิงเฉินหยุดก่อนกล่าวต่อ  แน่นอนว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องช 

การแสดงออกของกุ้ยฉีเยีและคนอื่นๆเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาต้องการกล่าวบางคําแต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ สามารถพูดสิ่งใดออกมา

ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง เสี่ยวหมิงเฉินยังเป็นเสี่ยวหมิงเฉินน

ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ําเสียงที่อบอุ่น  พี่เมียวช่างใจกว้างนัก ข้ารู้สึกชื่นชมอย่างสุดซึ่ง มาทํามันกันเถอะ ข้าจะสร้างค่ายกลเสริมและให้พวกท่านใช้มันแทรกซึมเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่ใต้ทะเล หลังจากนั้นข้าจะไปเชิญผู้อมตะคนอื่นๆเข้ามา 

เสี่ยวหมิงเฉินกล่าวอีกครั้ง  ข้าเป็นสหายของถูเทาเทากับเจิ้งลั่วซือ ข้าสามารถเขียนจดหมายถึงพวกเขา เพื่อทําให้พวกเขารู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไร 

ฟางหยวนพยักหน้า  นั่นเป็นสิ่งที่ดี 

หลังจากนั้นฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากเมียวหมิงเฉิน

เสี่ยวหมิงเฉินไม่เพียงเขียนจดหมายถึงเจิ้งลั่วซือกับถูเทาเทาแต่เขายังเขียนจดหมายถึงเหรินซิ่วผิง ตงชั่วและผู้อมตะตระกูลเฉินเพื่อเชิญพวกเขาให้เข้าร่วมในภารกิจนี้

ฟางหยวนตรวจสอบเนื้อหาเล็กน้อยและไม่พบปัญหา เมี่ยวหมิงเฉินแสดงความตั้งใจที่จะทํางานร่วมกันในจดหมาย เขากล่าวว่าความแค้นต่างๆระหว่างพวกเขาสามารถวางลงชั่วคราว เขายังยกย่องวิธีการของฟางหยวน และกระตุ้นให้คนเหล่านั้นให้ความร่วมมือ

ในความเป็นจริงฟางหยวนมั่นใจมากในการเชิญชวนคนเหล่านี้แม้จะไม่มีจดหมายของเสี่ยวหมิงเฉินก็ตาม

กระทั่งเมี่ยวหมิงเฉินจะคัดค้าน ฟางหยวนก็ยังจะเชิญผู้อมตะคนอื่นๆให้เข้าร่วม

กระบวนการเชิญชวนเพิ่งลัวซื้อและถูเทาเทาเป็นไปอย่างราบรื่น

ฟางหยวนกล่าวเพียงประโยคเดียว พวกเขาก็เข้าร่วมทันที

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนทําให้อันดับบนหอคอยเกียรติยศของกลุ่มเสี่ยวหมิงเฉินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนเชิญตงฮัวเป็นคนต่อมา นางลังเลและบอกว่านางต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากนั้นฟางหยวนก็เชิญเหรินซิ่วผิง เขาตกลงโดยไม่ต้องคิด เขากระทั่งตัดสินใจเร็วกว่ากูเทาเทาและเพิ่งลั่วซื้อ

เหรินซิ่วผิงยังนําข่าวที่น่าประหลาดใจมาสู่ฟางหยวน นั่นคือผู้อมตะตระกูลเฉินต้องการเข้าร่วมด้วย

ดังนั้นฟางหยวนจึงได้พบกับเฉินกงเจิ้งหลังจากไม่นาน

 ชูอิง  คราวนี้เฉินกงเจิ้งมีทัศนคติที่อบอุ่น เขาแสดงออกราวกับชูอิงเป็นผู้อมตะระดับแปดที่เท่าเทียมกัน

 เหตุผลที่ข้ามาที่นี่เพราะข้อมูลที่วังสวรรค์มอบให้ข้าระหว่างการต่อสู้ของราชันมังกรกับบรรพชนทะเลปราณ ข้าแน่ใจว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้ ในการต่อสู้ครั้งนั้นขาสามารถจับฟางเจิ้ง เพื่อนําตัวเขากลับไป วังสวรรค์จึงให้ข้อมูลสําคัญแก่ข้า 

 ปรากฎว่าถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้ามีวิญญาณอมตะตอบสนองระดับแปด มันมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อข้าและตระกูลเฉินของข้า ข้าตามหามันมานานหลายปีแล้ว 

 ตระกูลเฉินยินดีร่วมมือกับเจ้า หากเจ้าพบเห็นวิญญาณอมตะดวงนี้ในรายการสมบัติ ข้าหวังว่าเจ้าจะแลกเปลี่ยนมันมาให้พวกเรา หากเจ้าพบวิญญาณอมตะดวงนี้ในภารกิจ ตระกูลเฉินต้องการให้เจ้าจับมันมาให้พวกเรา จากนั้นเราจะมอบรางวัลใหญ่ให้กับเจ้า! 

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป  วิญญาณตอบสนอง? วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นหนึ่งในสิบวิญญาณที่ลึกลับที่สุด มันจะส่งเสียงออกมา หากผู้ใดตอบสนองมัน ผู้นั้นจะตกเป็นทาสของมันทันที่วิญญาณอมตะตอบสนองระดับแปดสามารถกดขี่ผู้อมตะระดับแปด นี่เป็นวิญญาณที่มีประโยชน์มาก หากข้าทําธุรกรรมนี้ พวกท่านจะมอบรางวัลใดให้ข้า ในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เราไม่สามารถทําข้อตกลง

เฉินกงเจิ้งหัวเราะเสียงดัง  ข้าเตรียมพร้อมไว้แล้ว ความร่วมมือนี้จะใช้ชื่อเสียงของตระกูลเฉินเป็นประกัน ข้าสามารถบันทึกกระบวนการทั้งหมด นอกจากนี้ข้ายังมีบางสิ่งให้เจ้า นี่คือส่วนหนึ่งของความจริงใจจากเรา โปรครับมันไว้ 

หลังกล่าวจบค่ เฉินกงเจิ้งก็นาทรัพยากรอมตะออกมามอบให้ฟางหยวน

มันเป็นทรัพยากรอมตะที่ล้ําค่ามาก กระทั่งฟางหยวนก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งนี้

เพื่อยกระดับวิญญาณอมตะ เขาต้องการทรัพยากรจํานวนมาก ทรัพยากรอมตะของเฉินกงเจ๋งสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์ มันเป็นสิ่งที่ฟางหยวนต้องการอย่างแท้จริง

ฟางหยวนพยักหน้าและยอมรับมัน

เฉินกงเจ๋งกล่าวเสริม  ข้าได้ยินว่าภารกิจปัจจุบันของเจ้าเกี่ยวข้องกับค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพ ข้าต้องการเข้าร่วมในภารกิจนี้ บางทีวิญญาณตอบสนองอาจอยู่ที่นั้น แม้มันจะไม่อยู่ ผู้อมตะตระกูลเฉินของข้าก็จะช่วยเจ้าทําภารกิจนี้ 

ฟางหยวนครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า  เป็นเกียรติของข้าที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านเฉินกงเจิ้ง 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท