เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1907 ถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางมนุษย์

บทที่ 1907 ถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางมนุษย์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1907 ถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางมนุษย์

ณ จุดนี้ ฟางหยวนไม่เหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

วังสวรรค์ทําให้เขามีชื่อเสียง แม้เขาจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาสามารถสังหารผู้อมตะระดับแปดส่วนใหญ่บนโลกใบนี้

 บรรพชน  เฉินกงเจิ้งส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่บันทึกทุกสิ่งเกี่ยวกับฟางหยวนให้กับเฉินซาน

 ฟางหยวน กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถทําสิ่งใดกับเข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจ!  ดวงตาของเฉินซานส่องประกายขึ้น เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  ผู้ใดจะคิดว่าคนเช่นเจ้าจะปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้ ช่างวิเศษนัก ตอนนี้ข้าไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไป 

หลังกล่าวจบคํา เขาก็ระเบิดกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา

เมื่อสัมผัสถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเฉินซาน เฉินกงเจิ้งก็กลับมามั่นใจอีกครั้ง  ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน แต่บรรพชนเฉินซานอยู่ที่นี่ เขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดทั่วไป ผลลัพธ์ยังไม่แน่ชัด! 

ขณะที่เขากําลังคิดเรื่องนี้ แสงสีเงินก็ส่องประกายขึ้นเติมเต็มวิสัยทัศน์ของเขา

 บัดซบ!  เฉินกงเพิ่งรู้สึกถึงอันตราย เขาเร่งล่าถอย

วินาทีต่อมาเรือรบหมื่นปีก็พุ่งเข้ามายังตําแหน่งเดิมของเขา หากเขาไม่หลบ เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออาจเสียชีวิตไปแล้ว

นี่คือข้อได้เปรียบของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

เรือรบหมื่นปีพุ่งต่อไปหาเฉินซานโดยไม่สนใจเฉินกงเจิ้ง

เฉินซานไม่กล้าทดสอบพลังอํานาจของเรือรบหมื่นปีด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า เขาถูกบังคับให้ล่าถอยเช่นกัน

เฉินกงเจิ้งและสมาชิกตระกูลเฉินต้องการช่วยแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใด

 บัดซบ!  เฉินกงเจิ้งกัดฟันแน่น ในสถานการณ์นี้ความเหนือกว่าด้านจานวนคนของตระกูลเฉินกลายเป็นได้ประโยชน์ พวกเขาทําได้เพียงเฝ้ามองฟางหยวนต่อสู้กับเฉินซานเท่านั้น

สําหรับเลี้ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆ พวกเขาไม่กล้าเข้าร่วมในการต่อสู้ พวกเขาเร่งล่าถอยและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของสนามรบ

 เฉินซาน ในฐานะบรรพชนของตระกูลเฉิน สิ่งที่เจ้าทําได้มีเพียงการวิ่งหนีไปรอบๆงั้นหรือ?  ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ในเรือรบหมื่นปี

แม้เขาจะสามารถนําเรือรบหมื่นปีออกมาแต่เขาไม่สามารถนําผู้ใต้บังคับบัญชาออกมา เขาต้องควบคุมเรือรบหมื่นปีด้วยตัวเขาเพียงลําพัง

หากเขาสามารถนําผู้ใต้บังคับบัญชาออกมา เขาจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบด้านจํานวนคน

 ฮีม เด็กน้อย ช่างหยิ่งยโสนัก!  เฉินซานหยุดอยู่กลางอากาศและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะด้วยความโกรธ

ความสําเร็จด้านการบินของเฉินซานสูงมาก เขาสามารถบินหนีเรือรบหมื่นปีได้อย่างคล่องแคล่ว

ระหว่างการหลบหนี เขาเริ่มเตรียมท่าไม้ตายอมตะและสามารถปลดปล่อยมันออกมาในที่สุด

ท่าไม้ตายอมตะเพลงกลางคืน!

บทเพลงที่โศกเศร้าดังไปทั่วสนามรบ คลื่นแห่งความเศร้าพุ่งเข้าสู่หัวใจของผู้คนตลอดเวลา

ฮวาตี้และเฟิงเจียงเริ่มร้องไห้

เสี่ยวหมิงเฉิน เหรินซิ่วผิง และคนอื่นๆต่างแสดงออกด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก

ฟางหยวนกันเสียงเย็น เรือรบหมื่นปีส่องประกายสดใสและช่วยปิดกั้นพลังอํานาจของเพลงกลางคืนเอาไว้

แต่เฉินซานบรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว

เป้าหมายของเขาไม่ใช่การกําจัดผู้อมตะแต่เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในสนามรบ

เพลงกลางคืนทําให้ท้องฟ้ากลายเป็นมืดครื้ม หมอกหนาทึบลอยเข้ามาปกคลุมพื้นที่เอาไว้ทั้งหมด ทะเลปีศาจร่ําไห้กลายเป็นมืดมิด

กลุ่มผู้อมตะถูกขังอยู่ในสนามรบที่มืดมิดและไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด สิ่งที่พวกเขาได้ยินมีเพียงเสียงเพลงที่ทําให้ขวัญกําลังใจของพวกเขาตกต่ําลงเท่านั้น

แม้ฟางหยวนแทบไม่ได้รับผลกระทบจากมันแต่ความมืดที่อยู่รอบๆก็ยังปิดบังวิสัยทัศน์ของเขา

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิธีตรวจสอบของเขาเพื่อค้นหาตําแหน่งของเฉินซาน

แต่เฉินซานกลับหัวเราะ  ฟางหยวน เจ้าตกลงสู่หลุมพรางของข้าแล้ว 

หลังกล่าวจบคำ เขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง

ท่าไม้ตายอมตะ บาดเจ็บเล็กน้อย!

ฟางหยวนถูกโจมตีโดยตรง

เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นท่าไม้ตายอมตบนเส้นทางมนุษย์! ไม่แปลกใจเลยที่เรือรบหมื่นปีไม่สามารถป้องกันมัน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะมีทั้งความสามารถในการโจมตีและป้องกัน โดยปกติแล้วผู้อมตะจะปลอดภัยมากหากอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

แต่การป้องกันดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์แบบ

ฟางหยวนออกแบบเรือรบหมื่นปีโดยพิจารณาถึงการโจมตีของเส้นทางส่วนใหญ่ แต่เส้นทางมนุษย์เป็นจุดอ่อนของเขา ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของเขายังไม่สูงนัก

สิ่งสําคัญที่สุดคือฟางหยวนขาดวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์

เฉินซานมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์!  ฟางหยวนเข้าใจรากฐานของศัตรูมากขึ้นเล็กน้อย

ในแง่ของข้อมูล ฟางหยวนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

เขาไม่รู้จักเฉินซานมากนักแต่เฉินซานรู้เรื่องของเขา

ฟางหยวนมีไพ่ตายมากมายที่เก็บซ่อนไว้แต่เขาไม่ต้องการเปิดเผยพวกมันออกมาในเวลานี้

ในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า ฟางหยวนไม่สามารถโจมตีเฉินกงเจิ้ง เสี่ยวหมิงเฉิน และคนอื่นๆ หลังจากออกไปข้อมูลของเขาจะถูกเผยแพร่

ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจใช้วิธีที่เขาเคยใช้ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้

ท่าไม้ตายอมตะดาบรุ่งอรุณ!

ดาบเงินจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปหาเฉินซาน

แต่เฉินซานกลับหัวเราะเสียงดังโดยไม่หลบเลี่ยง

เขาถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่หลังจากนั้นบาดแผลทั่วร่างของเขากลับหายไปและกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

 อัศจรรย์นัก! บันทึกของตระกูลกล่าวได้ถูกต้องจริงๆ บรรพชนเฉินซานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา! เฉินกงเจิ้งอุทานอยู่ในใจ

เมื่อเฉินซานยังเด็ก เขาเป็นหมอที่เก่งกาจ เขาเดินทางไปทั่วทะเลตะวันออกและมีชื่อเสียงโด่งดังจากการักษาผู้คนมากมายโดยไม่เก็บค่ารักษา ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ใด เขาจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเสมอ

อย่างไรก็ตามเขากลับก้าวเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจในภายหลัง เขากระทําความชั่วทุกประเภท แต่ผู้คนไม่สามารถเชื่อมโยงอาชญากรรมเหล่านั้นกับเขา

ในเรือรบหมื่นปี ฟางหยวนรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ วิธีรักษาของเขาเป็นวิธีบนเส้นทางมนุษย์! 

ดาบรุ่งอรุณยังพุ่งเข้าโจมตีเฉินซานอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บของเขากลับหายสนิทแทบจะในทันที

ท่าไม้ตายอมตะ บาดเจ็บร่วมกัน!

เฉินซานใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมไว้

ในเรือรบหมื่นปี บาดแผลจํานวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนร่างของฟางหยวน

บาดแผลเหล่านั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางมนุษย์ นทําให้ฟางหยวนตระหนักถึงอันตรายร้ายแรง

ในช่วงเวลาสําคัญฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ความคิดจํานวนนับไม่ถ้วนปะทุขึ้นในใจของเขาและพุ่งชนกันด้วยความเร็วสูง

 วิธีของเฉินซานแปลกประหลาดมาก เขาสามารถโจมตีข้าได้โดยตรง

 นี่เป็นท่าไม้ตายที่น่ากลัว ความสําเร็จบนเส้นทางมนุษย์ของเขาสูงกว่าข้ามาก ข้าเกรงว่าเขาจะเป็นถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางมนุษย์! 

 ท่าไม้ตายส่วนใหญ่จําเป็นต้องระบุเป้าหมาย แต่เขาสัมผัสถึงข้าได้อย่างไร?

เข้าใจแล้ว ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเสียงก่อนหน้านี้เป็นเหยื่อล่อให้ข้าติดกับ จากนั้นเขาก็ใช้การเชื่อมโยงนี้ระบุตําแหน่งของข้า

ในเวลาเพียงครึ่งลมหายใจ ฟางหยวนก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว

เขาเคลื่อนไหวทันที

เรือรบหมื่นปีถอยกลับและหยุดใช้ดาบรุ่งอรุณ ขณะเดียวกันฟางหยวนก็เร่งรักษาอาการบาดเจ็บของตน

ปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของฟางหยวนทําให้เฉินซานตกตะลึงเล็กน้อย

หลังจากชั่วครู่เฉินซานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา  ฟางหยวน เจ้าคิดว่าจะปลอดภัยหากไม่โจมตีข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ระวังให้ดี! 

หลังกล่าวจบคํา เขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกครั้ง เขากดฝ่าลงบนหน้าอกของตนเอง

ท่าไม้ตายอมตะ บาดเจ็บปานกลาง!

เฉินซานโจมตีตนเอง!

ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาว

ขณะเดียวกันในเรือรบหมื่นปีฟางหยวนก็กระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท