เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1909 ทรัพยากรอมตะของเฉินกงเจ๋ง

บทที่ 1909 ทรัพยากรอมตะของเฉินกงเจ๋ง

บทที่ 1909 ทรัพยากรอมตะของเฉินกงเจ๋ง

‘เพลิงสีดําสามารถเปลี่ยนแปลง!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อเห็นเพลิงสีดําาเปลี่ยนเป็นหมอกสีขาวเงิน

หมอกสีขาวเงินดูไม่ต่างจากเพลิงสีดําแต่มันทําให้เฉินชานบ้าคลั่งมากขึ้น

เมื่อฟางหยวนยิงดาบรุ่งอรุณออกไปอีกครั้ง เขาพบว่ามันทําให้หมอกสีขาวเงินมีพลังมากขึ้น

ฟางหยวนเปลี่ยนไปใช้ดาบสายลม นั่นทําให้หมอกสีเงินอ่อนกําลังลงเล็กน้อย

หลังจากโจมตีไปชั่วขณะ หมอกสีขาวเงินก็กลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่

ดาบสายลมของฟางหยวนกลายเป็นเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันอีกครั้ง

ฟางหยวนเริ่มทดลองและเปลี่ยนท่าไม้ตายไปเรื่อยๆ

หากเป็นผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาอาจหยุด แต่ฟางหยวนบ่มเพาะหลายเส้นทาง เขามีท่าไม้ตายมากมายที่แตกต่างกัน

ภายใต้การโจมตีของฟางหยวน เพลิงสีดํายังคงเปลี่ยนรูปลักษณ์และมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ

เมื่อเวลาผ่านไปอสูรปีแรกกําเนิดทั้งสองตัวก็ตายโดยปราศจากซากศพและเหลือเพียงเฉินซานเท่านั้น

 เดี๋ยว! ฟางหยวน ข้ามีสมบัติมากมายที่จะมอบให้เจ้า  เฉินกงเจิ้งไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป

ฟางหยวนหยุดเคลื่อนไหว

เขามองเฉินกงเจิ้งและยิ้ม  เจ้าต้องการให้ข้าปล่อยบรรพชนของเจ้าไปงั้นหรือ? เจ้าควรรู้ว่านี่คือปีศาจอมตะที่เทพอมตะสวรรค์พิภพกําหราบด้วยตนเอง เจ้าเห็นสภาพปัจจุบันของเขาหรือไม่ เขาบ้าไปแล้ว นี่คือภารกิจของหอคอยเกียรติยศ แต่เจ้ายังต้องการช่วยเขางั้นหรือ? 

เฉินกงเจิ้งมองเฉินซานที่อยู่ในเสาแสงและตัดสินใจ  ข้าเชื่อว่าความบ้าคลั่งนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว มีความเป็นไปได้ไม่มากที่บรรพชนเฉินซานจะตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งอย่างถาวร ข้าต้องการช่วยเขา 

 แล้วเจ้าจะจ่ายด้วยสิ่งใด?  ฟางหยวนถาม

 ลองดูสิ่งนี้  เฉินกงเจิ้งนําทรัพยากรอมตะออกมา

มันเป็นกระเป๋า

กระเป๋าใบนี้ไม่ใหญ่นัก มันมีขนาดเท่ากําปั้นมนุษย์ พื้นผิวของมันราวกับถูกตกแต่งด้วยอัญมณีสีน้ําเงิน

ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและเผยรอยยิ้ม  นี่คือกระเป๋าหน้าทองของนากทะเลสีน้ําเงิน 

นากทะเลสีน้ําเงินเป็นสัตว์อสูรแรกกําเนิด มันมักเดินทางไปมาระหว่างทะเลตะวันออกกับสวรรค์สีน้ําเงิน แต่ในปัจจุบันสวรรค์สีน้ําเงินแตกสลายไปแล้ว นากทะเลสีน้ําเงินจึงสูญพันธุ์ไปเช่นกัน ในอดีตผู้อมตะที่ล่านากทะเลสีน้ําเงินมากที่สุดคือผู้อมตะเถ่ากงเจีย

ผู้อมตะเฒ่ากงเจียเป็นหนึ่งในสามปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นากทะเลสีน้ําเงินที่เขาพยายามรวบรวมย่อมเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจโดยธรรมชาติ

กระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงินคือมิดช่องว่างของมัน มีโลกใบเล็กอยู่ภายในซึ่งสามารถเก็บทรัพยากรอมตะเอาไว้หรืออาจผนวกมันเข้ากับมิติช่องว่างของผู้อมตะเพื่อเพิ่มขนาดถ้ําสวรรค์ของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้นากทะเลสีน้ําเงินจึงถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะกระทั่งสูญพันธุ์ไปในที่สุด

กระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงินถือเป็นสมบัติล้ําค่าโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่นากทะเลสีน้ําเงินสูญพันธุ์ไปแล้ว

กล่าวโดยสรุป มันเป็นสมบัติล้ําค่าและหายาก

ฟางหยวนคว่ากระเป๋าหน้าท้องนากทะเลสีน้ําเงินมาจากเฉินกงเจ๋ง

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา เขาก็เก็บมันเข้าไปในมิดช่องว่างจักรพรรดิ์ต่อหน้าเฉินกงเลิ้ง

จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้ม  มีสิ่งใดอีก? 

เฉินกงเจิ้งสูดหายใจลึกและนําไม้เท้าสีดําออกมา  สิ่งนี้ 

เขาโยนไม้เท้าสีดําให้ฟางหยวน

ฟางหยวนคว้ามันไว้และรู้สึกถึงความหนัก

ไม้เท้าสีดํามีความสูงมากกว่าร่างกายของฟางหยวนและมีความหนาเท่ากับไข่ห่าน พื้นผิวของมันหยาบและให้ความรู้สึกเหมือนท่อนเหล็ก

อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งชีวิตจากมัน

นี่คือพืชอสูรแรกกําเนิด!

แต่มันไม่มีราก ไม่มีกิ่ง ไม่มีใบ มันมีเพียงล่าต้นเท่านั้น

มันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่หนาแน่นและเรืองแสงออกมาอย่างแผ่วเบา

 ต้นเหล็กดาวตก  ฟางหยวนกล่าว

เฉินกงเจิ้งพยักหน้า  ฟางหยวน เจ้าช่างรอบรู้นัก 

ต้นเหล็กดาวตกหายากมาก การดารงอยู่ของมันยังเป็นปริศนา มันสามารถดึงดูดดวงดาวบนท้องฟ้าให้ตกลงมาที่มันและกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋

ตามข่าวลือ เทพอมตะบัวสวรรค์เดินทางไปทั่วโลกเพียงลําพังเพื่อรวบรวมมัน

คุณค่าของต้นเหล็กดาวตกไม่ได้อยู่ที่ตัวมันเองเท่านั้น

ด้วยการปลูกมันไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ มันสามารถสร้างระบบกลุ่มดาวขึ้นบนท้องฟ้า

เช่นเดียวกับกระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงิน ฟางหยวนเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิอีกครั้ง

 มีสิ่งใดอีก?  ฟางหยวนยิ้ม  สิ่งเหล่านี้ยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับผู้อมตะระดับแปด 

เฉินกงเจิ้งกัดฟันกล่าว  ข้าแน่ใจว่าทรัพยากรอมตะชิ้นนี้สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้า 

ครั้งนี้เขานําก้อนน้ําออกมา

มีคลื่นเคลื่อนที่อยู่บนพื้นผิวของมันตลอดเวลา

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น  คลื่นอลม่าน 

มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเก๋!

เพียงจุดนี้มันก็มีค่ามากกว่ากระเป๋าหน้าท้องของนากทะเลสีน้ําเงินและต้นเหล็กดาวตกรวมกันแล้ว

มันมีประโยชน์มากมาย

 ข้ามีคลื่นอลม่านสิบสองชิ้น ข้าจะมอบพวกมันให้เจ้าทั้งหมด  เฉินกงเจิ้งเสนอ

ฟางหยวนถอนหายใจเบาๆ  ตระกูลเฉินสมกับเป็นมหาอํานาจของทะเลตะวันออกอย่างแท้จริง สมบัติของเจ้าน่าประทับใจมาก 

เฉินกงเจิ้งยิ้ม  ยินดีเป็นอย่างยิ่ง 

ฟางหยวนยังกล่าวต่อ  แต่นั่นยังไม่พอ 

 ยังไม่พอ?  รูม่านตาของเฉินกงเจิ้งหดเล็กลง

ฟางหยวนเย้ยหยันและเริ่มใช้ดาบรุ่งอรุณโจมตีเฉินชานอีกครั้ง

เฉินซานคารามอย่างบ้าคลั่ง

เฉินกงเจิ้งกัดฟันแน่น  บรรพชนของข้าบ้าไปแล้ว เขาไม่เหมือนผู้อมตะระดับแปดทั่วไป เราต่างรู้ดี 

 เจ้าไม่ได้เป็นคนกล่าวเองงั้นหรือว่าเขาจะไม่บ้าตลอดเวลา?  ฟางหยวนเย้ยหยัน

 ฟางหยวน!  เฉินกงเจิ้งกันเสียงเย็น

 ว่าอย่างไร?  ฟางหยวนยิ่งดาบรุ่งอรุณออกไปมากขึ้น

เฉินกงเจิ้งกัดฟันของเขาจนแทบแตกหัก  เอาล่ะ เจ้าต้องการสิ่งใดอีก วิญญาณอมตะงันหรือ? 

 ข้าไม่ได้โลภขนาดนั้น  ฟางหยวนสายศีรษะ  ข้าต้องการทรัพยากรอมตะแต่ไม่เหมือนทรัพยากรอมตะสามชนิดก่อนหน้า พวกมันมีระดับสูงเกินไป ข้าต้องการทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ดจํานวนมาก ยิ่งหลากหลายยิ่งดี 

 ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออก พวกเจ้าเป็นเจ้าของทะเลขนาดใหญ่เจ็ดแห่ง ทะเลขนาดกลางและทะเลขนาดเล็กอีกหลายพันแห่ง พวกเจ้าจะมีผู้อมตะระดับแปดสองคนในอนาคตคําขอเล็กๆ น้อยๆเช่นนี้คงไม่ยากเกินไปใช่หรือไม่?

 แน่นอนว่าไม่!  การแสดงออกของเฉินกงเจ๋งกลายเป็นจริงจัง  แต่ตระกูลเฉินของเราจะได้รับผู้อมตะระดับแปดที่บ้าคลั่งเป็นครั้งคราวและอาจเป็นภัยคุกคามที่ซ่อนเร้น 

คำกล่าวของเฉินกงเจิ้งเป็นเรื่องจริงและสมเหตุสมผล

ความวิกลจริตของเฉินซานทําให้คุณค่าของเขาลดลงอย่างไม่สามารถปฏิเสธ อันตรายที่ซ่อนเร้นนี้น่ากลัวเกินกว่าที่เฉินกงเจิ้งจะสามารถแบกรับ

ตระกูลเฉินต้องการผู้อมตะระดับแปดแต่พวกเขาไม่ต้องการผู้อมตะระดับแปดที่ไร้สติ

ผู้อมตะระดับแปดที่ไร้สติจะนําหายนะมาสู่ตระกูลเฉิน

เฉินกงเจิ้งมองเห็นภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่และรู้สึกกังวล เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยในการแก้ปัญหานี้

การนําทรัพยากรอมตะสามชิ้นออกมาเพื่อแลกเปลี่ยนกับเฉินซานถือเป็นการแสดงความจริงใจอย่างมากแล้ว

ฟางหยวนหัวเราะและชี้นิ้วไปที่เฉินซาน  เขาเป็นบรรพชนของเจ้า เจ้าควรช่วยเขา 

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ  แน่นอนว่าจะไม่ใช่สิ่งเดียวที่เจ้าจะได้รับแต่เจ้าจะได้รับ..มิตรภาพ 

 โอ?  เฉินกงเจิ้งรู้สึกสนใจทันที  โปรดอธิบาย 

 ห้าภูมิภาคกําลังจะรวมเป็นหนึ่ง มันจะกลายเป็นโลกที่วุ่นวาย แม้ตระกูลเฉินจะอยู่ในทะเลตะวันออก แต่มันไม่ได้หมายความว่าวังสวรรค์จะไม่มาที่นี่ ทะเลตะวันออกมีทรัพยากรมากที่สุด มันจะดึงดูดความโลภของผู้คนกระทั้งกําแพงภูมิภาคจะยังอยู่ แต่ผู้อมตะจํานวนมากก็เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อกําแพงภูมิภาคหายไป เจ้าคิดว่ามันจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคต 

ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่เป็นมิตรมากขึ้น  ในสถานการณ์นี้เราจะแบ่งแยกฝ่ายธรรมะกับฝ่ายปีศาจ เพื่อสิ่งใด หากข้ากับตระกูลเฉินร่วมมือกัน มันจะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าเราสามารถซ่อนความสัมพันธ์ของเรา ด้วยวิธีนี้ตระกูลของเจ้าจะได้รับความมั่งคั่งมากขึ้นขณะที่ข้าก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ 

 ภาคกลางแข็งแกร่งกว่าสีภูมิภาค หากพวกเขาโจมตีทะเลตะวันออกในอนาคต ตระกูลเฉินจะยอมจํานนหรือพึ่งพาเพียงตนเอง? กระทั่งพวกเจ้าจะยอมจํานน แต่กองกําลังใหญ่อื่นๆของทะเลตะวันออกจะยอมจํานนด้วยหรือไม่? นั่นเป็นเหตุผลว่าเหตุใดศัตรูจึงไม่เคยขาดแคลนแต่พันธมิตรเช่นข้านั้นหายาก 

 การพบกันของเราเป็นโอกาสที่ดี หากเราต่อสู้กัน เราจะกลายเป็นคนแพ้ทั้งคู่ ในทางตรงข้าม หากเราช่วยเหลือกัน เราจะชนะไปด้วยกัน ปัจจุบันเราจะร่วมมือกันความรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพและช่วยเหลือเฉินซาน ในอนาคตเราจะร่วมมือกันต่อต้านภาคกลางและพิชิตโลกทั้งใบ! 

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท