เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1906 เขาคือฟางหยวน

บทที่ 1906 เขาคือฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1906 เขาคือฟางหยวน

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

เฉินกงเจิ้งบินเข้าไปหาปีศาจอมตะและแสดงออกด้วยความตื่นเต้น

 ในที่สุดข้าก็พบท่าน บรรพชนเฉินซาน!  เฉินกงเจิ้งตะโกนเสียงสั่น

แรงจูงใจที่แท้จริงของเขาในการมาที่นี้คือการช่วยเฉินซาน

เฉินซานเป็นผู้อมตะที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเฉิน เขาเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน เมื่อเขายังเป็นผู้อมตะระดับหก ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญากล่าวว่าเขาจะกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีพลังถึงระดับเก้า เขาจะเป็นผู้นําของทะเลตะวันออกเป็นเวลาหลายร้อยปี

อย่างไรก็ตามเฉินซานที่ไล่ล่าความแข็งแกร่งกลับเดินเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจและเริ่มทําสิ่งชั่วร้าย

แม้ตระกูลเฉินจะลงโทษเขาแต่มันก็ไม่ใช่การลงโทษที่รุนแรง พวกเขาปกป้องเฉินซานมาตลอด

เฉินซานไม่ได้เปลี่ยนแปลงตนเอง เขายังเป็นผู้อมตะของฝ่ายธรรมะแต่ทําตัวเหมือนปีศาจ

ตระกูลเฉินช่วยปกปิดความจริงแต่พวกเขาไม่สามารถซ่อนมันจากเทพอมตะสวรรค์พิภพ

เทพอมตะสวรรค์พิภพปราบปรามเฉินซานแต่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาต่อสาธารณชน

ตระกูลเฉินไม่กล้าเปิดเผยความจริงเช่นกัน พวกเขาประกาศออกไปว่าเฉินซานเสียชีวิตจากภัยพิบัติ

หลังจากเฉินกงเจิ้งจับฟางเจิ้ง วังสวรรค์ติดต่อเขาและบอกข้อมูลเกี่ยวกับเฉินซานเพื่อแลกเปลี่ยนกับฟางเจิ้ง

ด้วยเหตุนี้เฉินกงเจิ้งจึงได้เรียนรู้ว่าเฉินซานยังมีชีวิตอยู่และถูกขังไว้ในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า

เพื่อเข้าสู่ถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า เฉินกงเจิ้งระดมกําลังพลทั้งหมดของตระกูลเฉินเพื่อตรวจสอบและค้นหามันอย่างลับๆ

ในเวลานั้นเหรินซิ่วผิงกําลังต่อต้านเดี่ยวหมิงเฉิน เขาเปิดเผยเบาะแสเกี่ยวกับวาฬมังกรฟ้าออกไป

ตระกูลเฉินได้รับข่าวนี้ ดังนั้นเฉินกงเจิ้งจึงบังคับให้เหรินซิ่วผิงยอมจํานน

เมื่อเมี่ยวหมิงเฉินรวบรวมผู้อมตะและเดินทางมาค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เฉินกงเจิ้ง และเหรินซิ่วผิงจึงลอบติดตามมา

หลังจากนั้นมันก็นําไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ

เฉินกงเจิ้งพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาตําแหน่งของเฉินซาน หลังจากทําภารกิจไม่กี่ครั้ง เฉินฉีได้รับข้อมูลเกี่ยวกับทะเลปีศาจร่ําไห้

เฉินกงเจิ้งคาดเดาว่าปีศาจอมตะที่ถูกขังอยู่ในทะเลปีศาจร่ําไห้ก็คือเฉินซาน

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถมีความสุขได้นานนักเมื่อเขาได้ยินข่าวที่น่าสะพรึงกลัว

ชูอิงรับภารกิจฆ่าเฉินซาน!

เฉินกงเจิ้งตกใจมาก เขารีบติดต่อฟางหยวนและโกหกว่ากําลังตามหาวิญญาณอมตะตอบสนอง เขายังมอบทรัพยากรอมตะมากมายเพื่อแสดงความปรารถนาดีของเขา

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงนําเฉินกงเจิ้งมายังทะเลปีศาจร่าให้

เฉินกงเจิ้งรอคอยอย่างอดทนก่อนจะโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะในจังหวะที่สุดท้ายและปลดปล่อยเฉินซานออกมา

การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ทุกคนนอกจากสมาชิกตระกูลเฉินตกตะลึง

การแสดงออกของเมียวหมิงเฉินและคนอื่นๆกลายเป็นมืดมน หัวใจของพวกเขาจมดิ่งลง

เฉินกงเจิ้งเป็นผู้อมตะระดับแปด เฉินซานก็เป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกัน ย้อนกลับไปเขาถูกปราบปรามโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นการส่วนตัว นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถมองข้ามของเขา

ด้วยการคงอยู่ของเฉินซาน ความแข็งแกร่งของตระกูลเฉินจะเพิ่มขึ้นอีกมาก ไม่เพียงในถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้าแต่กระทั่งทะเลตะวันออกก็ยังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ

ตระกูลเฉินจะกลายเป็นกองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดของทะเลตะวันออก

สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากและนําผลประโยชน์มหาศาลมาสู่ตระกูลเฉิน

นี่คือเหตุผลที่เฉินกงเจิ้นปล่อยฟางเจิ้งให้วังสวรรค์ทันทีโดยไม่สนใจบรรพชนทะเลปราณ

 เจ้าเป็นทายาทตระกูลเฉินของข้างั้นหรือ?  เฉินซานมองเฉินกงเจิ้งด้วยดวงตาส่องประกายและพยักหน้า  เจ้าเป็นสมาชิกตระกูลเฉินจริงๆ มันนานเท่าใดแล้ว? 

เฉินซานกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง

เขาอยู่ในชุดคลุมสีเทาที่ขาดเป็นชิ้นๆ ใบหน้าของเขาซีดขาว เส้นผมยุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่า กลิ่นอายระดับแปดแผ่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างรุนแรง

เฉินกงเจิ้งตอบคําถามของเฉินซานและบอกว่าเทพอมตะสวรรค์พิภพเสียชีวิตไปนานแล้ว

 เวลาผ่านไปนานมากแล้ว  เฉินซานถอนหายใจ  ท่านเทพอมตะสวรรค์พิภพเสียชีวิตแล้ว… 

ทัศนคติของเฉินซานที่มีต่อเทพอมตะสวรรค์พิภพค่อนข้างแปลก แม้เทพอมตะสวรรค์พิภพจะปราบปราม และยังเขาไว้ แต่เขายังเรียกฝ่ายหลังว่าท่านเทพ

หลังจากถอนหายใจ เฉินซานก็มองไปทางฟางหยวนและคนอื่นๆ

เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว  ดี ดูเหมือนตระกูลเฉินของข้าจะมีอัจฉริยะมากมาย 

เขาหยุดสายตาที่ฟางหยวนและกล่าวด้วยน้ําเสียงอบอุ่น  สหาย ข้าสามารถหลบหนีออกมาได้เพราะเจ้า เจ้าต้องการเข้าร่วมตระกูลเฉินและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเราหรือไม่?

เขาเชิญฟางหยวน!

แน่นอนว่าฟางหวนแสดงคุณค่าของเขาออกมาเพียงพอแล้ว

สถานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนคือสิ่งที่ตระกูลเฉินต้องการและเมื่อพิจารณาความสําเร็จกับอายุของเขา มันมีความเป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลหลังจากนี้

เฉินกงเจิ้งป้องหมัดและกล่าวเสริม  ชูอิง ก่อนหน้านี้ข้าต้องโกหกแต่ข้าไม่มีทางเลือก การช่วยชีวิตบรรพชนเฉินซานมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อตระกูลเฉิน ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ 

ฟางหยวนพยักหน้าเบาๆและเผยรอยยิ้ม  แน่นอนว่าข้าเข้าใจ หากเป็นข้า ข้าก็จะทําเช่นเดียวกัน 

 แต่ตระกูลเฉินต้องการรับสมัครข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า  ฟางหยวนหัวเราะและส่ายศีรษะ

เฉินกงเจิ้งกล่าวเสียงเย็น  สหาย เหตุใดเจ้าจึงหัวเราะ? 

ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง  ตระกูลเฉินของเจ้าพยายามรับสมัครข้าด้วยรากฐานใด? พวกเจ้ามีคุณสมบัติไม่เพียงพอ! 

สายตาของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นเย็นชา

ตระกูลเฉินเป็นกองกําลังใหญ่ของทะเลตะวันออก พวกเขาครอบครองทะเลขนาดใหญ่เจ็ดแห่งและทะเลขนาดกลางและทะเลขนาดเล็กอีกหลายพันแห่ง ตอนนี้พวกเขายังมีผู้อมตะระดับแปดถึงสองคน ด้วยความแข็งแกร่งนี้ พวกเขายังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะรับสมัครผู้บ่มเพาะสันโดษระดับเจ็ดเพียงคนเดียวงั้นหรือ?

 ชูอิง อย่ายโสให้มากนัก 

 ตระกูลเฉินของข้ากําลังให้โอกาสเจ้า นี่คือความเอื้อเฟื้อของบรรพชนเฉินซานของเรา 

 อย่าประเมินตนเองสูงเกินไป 

เฉินเซียวกับเฉินฉีเร่งกล่าวและบินเข้าไปรวมตัวกับเฉินซานกับเฉินกงเจิ้ง

ดวงตาของเฉินซานปรากฏเจตนาสังหาร เขามองไปที่ฟางหยวนและกล่าวเสียงเย็น  ชูอิง? ข้าขอเดือนเจ้า แม้การจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพจะไม่อนุญาตให้ผู้อมตะภายนอกต่อสู้กันเอง แต่ข้าติดอยู่ที่นี้มานานแล้ว ข้าไม่ถูกจํากัดด้วยสิ่งนี้ ดังนั้นข้าสามารถโจมตีพวกเจ้า 

การแสดงออกของเมี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆเปลี่ยนแปลงไป ฝันร้ายของพวกเขากลายเป็นจริงในที่สุด

ขณะที่พวกเขากําลังหวาดกลัวและไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร เสียงหัวเราะของฟางหยวนกลับดังขึ้น เขาชี้นิ้วไปที่เฉินซานและยั่วยุให้อีกฝ่ายโจมตี

เมี่ยวหมิงเฉินและคนอื่นๆตกตะลึง

นี่คือความกล้าหาญหรือความโง่เขลา?

พวกเขาไม่สามารถบอกได้

เฉินซานกล่าวด้วยความโกรธ  เจ้ากําลังรนหาที่ตาย เช่นนั้นก็ไปตายซะ! 

หลังกล่าวจบคํา เขาเปิดปากและส่งคลื่นเสียงพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทันที

คลื่นเสียงเคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วสูง

 บึม! 

ค่ายกลเสริมพังทลายลงในพริบตา

แรงระเบิดทําให้เกิดคลื่นยักษ์สูงหลายสิบเมตร สภาพแวดล้อมได้รับผลกระทบอย่างหนัก กลุ่มของเมียวหมิงเฉินรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยใบหน้าซีดเผือด

นี่เป็นการโจมตีระดับแปดที่แท้จริง มันน่ากลัวเกินไป จากมุมมองของพวกเขา มีโอกาสน้อยมากที่ชอิงจะรอดชีวิตจากสิ่งนี้

ในความเป็นจริงพวกเขาไม่สนใจสถานการณ์ของชองแต่กังวลเกี่ยวกับตนเองมากกว่า

เนื่องจากเฉินซานพิสูจน์คํากล่าวของเขาก่อนหน้านี้ด้วยการกระทํา เขาสามารถโจมตีกลุ่มของเมียวหมิงเฉินได้จริงๆ

 บรรพชนแข็งแกร่งมาก!  เฉินกงเพิ่งรู้ว่าเฉินซานไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงเป็นเส้นทางหลัก การโจมตีบนเส้นทางแห่งเสียงก่อนหน้านี้ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา

 ชูอิงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว! 

 ดี เขาตายแล้ว ข้าไม่ชอบเขาตั้งแต่แรก 

 เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่กลับท่าตัวหยิ่งยโสเพียงเพราะเขารู้ความลับบางอย่างของถ้ําสวรรค์วาฬ มังกรฟ้า ก่อนหน้านี้เขาไม่แยแสพวกเราแม้แต่น้อย

 เขากล้ายัวยผู้อมตะระดับแปด เขาสมควรตายจริงๆ… 

เฉินเซียวเริ่มกล่าวตะกุกตะกักเมื่อแสงสีเงินส่องประกายขึ้นท่ามกลางกลุ่มไอน้ําและหมอก

ชองยื่นมือไพล่หลังอยู่บนดาดฟ้าเรือสีเงินและเผยรอยยิ้มบาง

รูม่านตาของเฉินซานหดเล็กลง เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ  คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!? 

ผู้อมตะทั้งหมดตกตะลึง

พวกเขาคุ้นเคยกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ ในความเป็นจริงไม่มีผู้อมตะของห้าภูมิภาคคนใดไม่รู้จักมัน

 นี่คือ…เรือรบหมื่นปี!  เหรินซิ่วผิงกรีดร้อง

 ชูอิงมีเรือรบหมื่นปี เขาเป็นผู้ใดกันแน่?  เฉินเซียวรู้สึกพูดไม่ออก

กลุ่มผู้อมตะจ้องมองฟางหยวนขณะที่เขาค่อยๆเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา

หลังจากรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาปรากฏ หัวใจของกลุ่มผู้อมตะต่างสันสะท่านขึ้นอย่างรุนแรง

ฮวาซืออุทาน  เขาคือฟางหยวน! 

นางตกใจมาก นางรู้สึกว่าฟางหยวนสูงส่งเกินไป เขาอยู่ห่างไกลจากคนเช่นนางและไม่มีโอกาสที่จะได้พบกัน

นางไม่คาดหวังว่านางจะได้พบฟางหยวนจริงๆ

 เขาคือฟางหยวน!  กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินกรีดร้อง

 เป็นเช่นนี้  เมี่ยวหมิงเฉินกลืนน้ําลายและเข้าใจเรื่องราวในที่สุด

ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแปลกใจอีกต่อไปว่าเหตุใดชูอิงจึงมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้น ทางแห่งค่ายกลในความเป็นจริงนี้ยังเป็นเพียงเศษเสียวความแข็งแกร่งของฟางหยวนเท่านั้น

ทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว

ใบหน้าของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นซีดขาว เขากัดฟันแน่น เหงือเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของเขา

นี่คือจักรพรรดิปีศาจที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค ฟางหยวน!

เฉินกงเจ๋งไม่แปลกใจอีกต่อไปว่าเหตุใดชูอิงจึงมีทัศนคติที่ไม่แยแสเมื่ออยู่ต่อหน้าสองผู้อมตะระดับแปด และยังแสดงความรังเกียจต่อตระกูลเฉิน

นี่เป็นเรื่องปกติ

ความโกรธทั้งหมดของเขาที่มีต่อความยโสของชูอิงหายไปอย่างสมบูรณ์

ฟางหยวนกลายั่วยุวังสวรรค์และฆ่าสมาชิกวงสวรรค์หลายคนขณะที่ตระกูลเฉินไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์

หลังจากความโกรธสงบลง ความรู้สึกหวาดกลัวก็เข้าแทนที่

เขายั่วยุฟางหยวน เขากลายเป็นฝ่ายที่กําลังมีปัญหา

เฉินกงเจิ้งลอบถอนหายใจกับตนเอง เวลานี้พลังการต่อสู้ระดับแปดของเขาไม่สามารถมอบความมั่นใจให้กับเขาได้อีกต่อไป เขากําลังตื่นตระหนก

เป็นเพียงเวลานี้ที่เฉินซานเปิดปากถาม  ผู้ใดคือฟางหยวน? 

เฉินซานรู้สึกแปลกใจ ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายระดับเจ็ดออกมาอย่างชัดเจน แต่เหตุใดทุกคนจึงหวาดกลัวเขา?

เฉินซานมองเฉินกงเจิ้งและตั้งคําถามด้วยสายตา เจ้าเป็นผู้อมตะระดับแปด เหตุใดเจ้าต้องกลัวผู้อมตะระดับเจ็ด?

แม้ฟางหยวนจะเปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา แต่เขาไม่ได้เปิดเผยกลิ่นอายระดับแปด

เฉินกงเจิ้งไม่สามารถรักษาความสงบ เขาไม่สามารถตัดสินฟางหยวนด้วยตรรกะทั่วไป ระดับการบ่มเพาะไม่สามารถบอกความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคนผู้นี้

ฟางหยวนเป็นปีศาจที่กลําเหยียบย่าวงสวรรค์ เขาทําลายคฤหาสน์วิญญาณอมตะหกหลังของวังสวรรค์ เขาสังหารผู้อมตะมากมายของวังสวรรค์!

เขาโหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์ กระทั่งวังสวรรค์ก็ยังไม่สามารถทําสิ่งใดกับเขา

ตอนนี้ตระกูลเฉินสร้างความขุ่นเคืองให้กับฟางหยวน แม้พวกเขาจะมีผู้อมตะระดับแปดสองคน แต่เฉินกงเจิ้งยังไม่รู้สึกปลอดภัย

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท