เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1910 ทรัพยากรอมตะของทุกคน

บทที่ 1910 ทรัพยากรอมตะของทุกคน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1910 ทรัพยากรอมตะของทุกคน

คำกล่าวของฟางหยวนทําให้เฉินกงเจิ้งเงียบ

เขาลอยอยู่กลางอากาศและครุ่นคิด

ฟางหยวนหยุดโจมตีเฉินซานและให้เวลาเฉินกงเจิ้งไตร่ตรอง

สงครามหาภูมิภาคถูกคาดการณ์ไว้แล้วโดยกองกําลังใหญ่ทั้งหมด ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในกองกําลังใหญ่ที่ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน

เฉินกงเจิ้งไม่ใช่คนโง่ ผู้นํากองกําลังใหญ่ทุกคนสามารถมองการณ์ไกล พวกเขาต้องพิจารณาถึงทิศทางที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปในอนาคต

นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากไม่ระวัง พวกเขาจะถูกคลื่นแห่งยุคสมัยกลืนกินและจมน้ําตาย

ในประวัติศาสตร์ แม้มันจะค่อนข้างสงบสุข แต่กองกําลังใหญ่จํานวนนับไม่ถ้วนก็ยังล่มสลายไป ในยุคที่ผู้อมตะระดับเก้าปรากฏตัวขึ้น ระเบียบของโลกใบนี้จะถูกพลิกคว่า ท่ามกลางความโกลาหล กองกําลังใหญ่มากมายจะถูกทําลายล้างหรือเติบโตขึ้น สถานการณ์ของห้าภูมิภาคจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แล้วพวกเขาควรใช้ชีวิตอย่างไรในยุคสมัยเช่นนั้น?

นี่คือสิ่งที่ผู้อมตะทุกคนที่สามารถมองเห็นอนาคตต้องไตร่ตรอง

ตระกูลเฉินควรร่วมมือกับฟางหยวนหรือไม่? นี่คือคําถามที่เฉินกงเจิ้งต้องคิดในเวลานี้

ในแง่ของคุณสมบัติ ฟางหยวนมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะทํางานร่วมกับตระกูลเฉิน ในความเป็นจริงเฉินกงเจิ้งยังกังวลว่าตระกูลของเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่จะสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน

อย่างไรก็ตามหากเขาสามารถช่วยเฉินซานและแก้ไขภัยคุกคามที่ซ่อนเร้น รากฐานของตระกูลเฉินจะแข็งแกร่งพอที่จะสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน

ตระกูลเฉินต้องการพันธมิตรภายนอกเช่นฟางหยวน

มันอาจเป็นไปไม่ได้ในช่วงเวลาปกติ แต่ในอนาคตเมื่อสงครามหาภูมิภาคปะทุขึ้น มันมีโอกาสสูงที่ตระกูลเฉินจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายและพบกับการทําลายล้าง

ในสถานการณ์เช่นนี้หากตระกูลเฉินสามารถจ่ายทรัพยากรอมตะเพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากฟางหยวน เหตุใดพวกเขาต้องลังเล?

ฟางหยวนครอบครองคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด เขามีมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับเก้าจํานวนมาก เขาสามารถเหยียบย่าวงสวรรค์ซ้ําแล้วซ้ําอีก พลังการต่อสู้ระดับนี้เป็นสิ่งที่ทุกกองกําลังต้องการ

หากพวกเขาไม่ร่วมมือกับฟางหยวนตอนนี้ พวกเขาจะทําอย่างไรหากศัตรูที่แข็งแกร่งโจมตีพวกเขาในอนาคต

ตอนนี้ฟางหยวนกําลังต้องการทรัพยากรอมตะระดับต่าจํานวนมากเพื่อวางแผนต่อต้านวังสวรรค์จากการซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความร่วมมือกับเขา!

เป็นดังคํากล่าวของฟางหยวน นี่เป็นโอกาสที่ดีสําหรับตัวเขาเองและตระกูลเฉิน

ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายของตนเอง

แน่นอนว่าเฉินกงเจิ้งยังมีความกังวลมากมายในการทํางานร่วมกับปีศาจเช่นฟางหยวน

ตัวอย่างเช่นฟางหยวนอาจกลับคําพูดในอนาคต เขายังมีอิสระที่จะทําสิ่งที่เขาปรารถนา แม้ตระกูลเฉินจะไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใด

ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างข้อตกลงพันธมิตรที่นี่ ทั้งสองฝ่ายขาดพื้นฐานของความไว้วางใจ

แต่ในความเป็นจริง กระทั่งพวกเขาจะสามารถสร้างข้อตกลงพันธมิตร พวกเขาก็ยังสามารถทําลายมันได้ในภายหลัง

จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากฟางหยวนกลับค่าพูดในอนาคต?

มันมีความเสี่ยง แต่สิ่งใดบนโลกนี้ที่ไม่มีความเสี่ยง?

อย่างไรก็ตามความเสี่ยงเป็นเรื่องรอง สิ่งสําคัญคือกาไร

เฉินกงเจิ้งไม่ต้องการทําสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนต่ํา ในทางตรงข้าม หากความเสี่ยงสูงและผลตอบแทนยิ่งสูงกว่า เฉินกงเจิ้งจะไม่มีวันปล่อยมันไป

สิ่งที่เฉินกงเจิ้งรู้สึกชื่นชมฟางหยวนมากที่สุดไม่ใช่พลังการต่อสู้แต่เป็นการตัดสินใจแบ่งปันภารกิจใก้กับกลุ่มของเสี่ยวหมิงเฉินรวมถึงตัวเขาเอง

เหตุการณ์นี้บอกได้ว่าฟางหยวนแตกต่างจากปีศาจอมตะทั่วไป เขาเป็นคนมีเหตุผล เขามีความสามารถในการคิดและทําตัวเหมือนผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

หลังจากครุ่นคิด เฉินกงเจิ้งก็พยักหน้าด้วยการแสดงออกที่จริงจัง  นี่เป็นโอกาสสําหรับเจ้าและข้าจริงๆ ฮ่าฮ่า ตกลง มาลองเสี่ยงดู ในอนาคตหากบางคนยังไม่เคลื่อนไหว พวกเขาจะล้มลง หากบรรพชนเฉินซานฟื้นคืน สด ข้าจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาหยุดโจมตีเจ้า 

 นี่คือทรัพยากรอมตะระดับต่ําที่ข้ามีอยู่ในเวลานี้ โปรดรับมันไว้  เฉินกงเจิ้งแสดงความจริงใจของเขาออกมาอีกครั้ง

ฟางหยวนเก็บพวกมันเอาไว้และตอบกลับ  ดี ข้าจะลงไปรื้อถอนค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเล 

การรื้อถอนค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลเป็นงานหนักสําหรับฟางหยวน แต่ในที่สุดเขาก็ทําสําเร็จ

หากเขายังต่อสู้ต่อไป ก่อนที่เฉินซานจะตาย ค่ายกลวิญญาณอมตะใต้ทะเลจะพังทลายลงเป็นอันดับแรก

เมื่อมันพังทลายลง วิญญาณอมตะอาจได้รับบาดเจ็บหรือถูกทําลาวิญญาณความเสียใจอาจสูญสลายไปเช่นกัน นี้เป็นสิ่งที่ฟางหยวนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

ในความเป็นจริงมันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฟางหยวนต้องการสร้างความร่วมมือกับเฉินกงเจิ้ง

หลังจากค่ายกลวิญญาณอมตะถูกรื้อถอน เฉินชานก็ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง

 บรรพชน  เฉินกงเจิ้งตะโกนเรียกแต่ยังล่าถอยออกไป

ฟางหยวนนําเรือรบหมื่นปีล่าถอยเช่นกัน

เฉินซานยังคํารามอย่างบ้าคลัง เขาอยู่ในสภาพวิกลจริตและไม่มีสัญญาณที่จะตื่นขึ้นแม้แต่น้อย

 เฉินกงเจิ้ง เจ้าต้องการยืมมือข้าหรือไม่?  ฟางหยวนถาม

 ไม่จําเป็น  เฉินกงเจิ้งมองเฉินซานแต่ไม่รู้ว่าควรทําอย่างไร  เราควรรอให้บรรพชนตื่นขึ้นด้วยตนเอง 

 ดี  ฟางหยวนกล่าวและนําเรือรบหมื่นปีถอยห่างออกไป

เป็นเพียงเวลานี้ที่เฉินซานเริ่มเคลื่อนไหว เขาทะยานร่างออกไปราวกับลูกศร

 บรรพชน!  เฉินกงเจ๋งตะโกนและไล่ตามเฉินซาน

ฟางหยวนนาเรือรบหมื่นปีติดตามไปเช่นกัน

ฟางหยวนไม่กล้าใช้เรือรบหมื่นปีหยุดเฉินซานโดยตรง ด้วยเหตุนี้เฉินซานจึงสามารถบินออกจากทะเลปีศาจร่ําไห้

เฉินกงเจิ้งและฟางหยวนต้องการติดตามไปแต่พวกเขาไม่สามารถออกจากทะเลปีศาจร่ําไห้

 บัดซบ!  ใบหน้าของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นซีดขาว เขาตะโกนสาปแช่งเสียงดังด้วยความโกรธ

นี่เป็นการจัดเตรียมของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาไม่สามารถขัดขึ้น

เฉินกงเจิ้งและฟางหยวนทําได้เพียงมองเฉินซานบินหายไปในความมืดเท่านั้น

 ดูเหมือนเขาจะไม่ย้อนกลับมาแล้ว  ฟางหยวนถอนหายใจ

เฉินกงเจิ้งเฝ้ามองเป็นเวลานานก่อนจะฟื้นคืนสติ เขาหันหน้าไปทางฟางหยวนและฝืนยิ้ม  เช่นนั้นเราก็ควรกลับไปก่อน 

ฟางหยวนปลอบโยน  พี่เฉิน ไม่จําเป็นต้องกังวลมากเกินไป แม้บรรพชนของท่านจะหายตัวไปในเวลานี้ แต่เขาไม่สามารถออกจากถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า หากเขาได้สติ เขาจะพยายามติดต่อท่านอย่างแน่นอน หากเขายังไร้สติ นั่นจะยิ่งง่ายสําหรับเรา หอคอยเกียรติยศจะไม่เฝ้ามองเขาทําลายสิ่งแวดล้อมและผู้คน ภารกิจใหม่จะปรากฏขึ้นและนําพวกเราไปพบกับบรรพชนของท่านเช่นเดียวกับภารกิจในครั้งนี้ 

คํากล่าวของฟางหยวนสมเหตุสมผล เฉินกงเจิ้งต้องพยักหน้าซ้ําแล้วซ้ําอีกและรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย

บรรยากาศที่หอคอยเกียรติยศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

สองกลุ่มแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

กลุ่มแรกประกอบด้วยเมี่ยวหมิงเฉิน เจิ้งลั่วซือ ถูเทาเทา เฟิงเจียง และฮวาตี้

กลุ่มที่สองประกอบด้วยสมาชิกตระกูลเฉิน เหรินซิ่วผิง และตงฮัว

 ข้าสงสัยว่ามันกําลังเกิดสิ่งใดขึ้นที่ทะเลปีศาจร่ําไห้ 

 หลังจากทั้งหมดเขาคือฟางหยวนที่สามารถเอาชนะวังสวรรค์ซ้ําแล้วซ้ําอีก เขาน่ากลัวจริงๆ 

 ตระกูลเฉินของเรามีผู้อมตะระดับแปดสองคนโดยเฉพาะบรรพชนเฉินซาน เราไม่จําเป็นต้องกลัวฟางหยวน 

 อย่าลืมว่าสาเหตุที่ฟางหยวนสามารถเอาชนะวังสวรรค์เพราะพวกเขาอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา 

 แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเราถูกกําจัดโดยวิธีการของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาไม่สามารถต่อสู้กับฟางหยวน 

 เห้อ… 

ผู้อมตะตระกูลเฉินพูดคุยกันขณะที่กลุ่มของเมี่ยวหมิงเฉินเงียบ

พวกเขาต้องการกลับไปตรวจสอบสถานการณ์ แต่พวกเขาเกรงว่าตนเองจะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ที่ดุเดือด หากพวกเขาติดร่างแห พวกเขาอาจตายอย่างน่าอนาถ

ไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยงโชคอย่างโง่เขลา ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงต้องรออยู่ที่นี่

ทันใดนั้นแสงสีขาวก็นําฟางหยวนและเฉินกงเจิ้งกลับมาพร้อมกัน

 พวกเขากลับมาแล้ว! 

เหตุใดบรรพชนเฉินซานไม่มาด้วย?

 ฟางหยวนยังมีชีวิตอยู่ บัดซบ! 

หัวใจของกลุ่มผู้อมตะสั่นไหวขณะที่การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป

 ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางหยวน ขอบคุณสําหรับข้อมูล มันช่วยประหยัดเวลาและความพยายามของข้าได้มาก  เฉินกงเจิ้งกล่าว

ฟางหยวนยิ้ม  นี่คือความจริงใจของข้า ดังที่ข้ากล่าว เราต่างได้รับประโยชน์หากเราร่วมมือกัน 

กลุ่มผู้อมตะตกตะลึงอีกครั้งและอีกครั้ง

‘เกิดสิ่งใดขึ้น!?’

‘พวกเจ้าฟังทะเลาะกันก่อนหน้านี้! เหตุใดตอนนี้พวกเจ้าจึงทําตัวราวกับสหายสนิท?’

‘บรรพชนเฉินซานอยู่ที่ใด?’

‘ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?’

กลุ่มผู้อมตะรู้สึกตกใจและประหลาดใจ

เฉินกงเจิ้งหัวเราะ  ข้าบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับฟางหยวนแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าจงนําทรัพยากรอมตะทั้งหมดที่มีออกมาให้เขา 

 อันใด?  กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินตกตะลึง

เฉินกงเจิ้งพยักหน้าและกล่าวซ้ํา  นี่คือข้อตกลงของเรา น่าทรัพยากรอมตะระดับหกและระดับเจ็ดทั้งหมดของพวกเจ้าให้เขาเดี๋ยวนี้ 

 ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง…  ผู้อมตะตระกูลเฉินมองหน้ากัน

การแสดงออกของเฉินกงเพิ่งเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม  นี่คือคำสั่ง! 

กลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉินพูดไม่ออก

พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของพวกเรากําลังคิดสิ่งใดอยู่ พวกเขากระทั่งสงสัยว่าเฉินกงเจิ้ง ถูกฟางหยวนควบคุมหรือไม่

อย่างไรก็ตามพวกเขายังต้องนําทรัพยากรอมตะออกมาส่งมอบให้กับฟางหยวน

ฟางหยวนรับพวกมันเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม

เขารู้ว่าคนเหล่านี้จะไม่นําทรัพยากรอมตะทั้งหมดของตนออกมา แต่นั่นไม่สําคัญเพราะฟางหยวนได้รับสิ่งที่เขาต้องการส่วนใหญ่มาแล้ว

หลังจากนั้นเฉินกงเจิ้งก็มองไปที่เหรินซิ่วผิงและตงฮัว

 พวกเราด้วยงั้นหรือ?  เหรินซิ่วผิงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

สายตาของเฉินกงเจิ้งกลายเป็นเย็นชา เขาพยักหน้า  ตระกูลเฉินจะตอบแทนพวกเจ้าสําหรับสิ่งนี้ 

เหรินซิ่วผิงลอบสาปแช่งอยู่ในใจ

 ตระกูลเฉินของเจ้าร่วมมือกับฟางหยวนแต่มันเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร!? 

 ข้าเข้าร่วมกับพวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้งั้นหรือ? มันมากเกินไปแล้ว! 

เฉินกงเจิ้งเห็นความลังเลของเหรินซิ่วผิง เขายิ้มเล็กน้อย  แม่เจ้าจะไม่เชื่อใจข้า แต่เจ้าก็ควรเชื่อถือตระกูลเฉินของข้า เจ้าคิดว่าตระกูลเฉินของข้าไม่น่าเชื่อถืองั้นหรือ? 

 นายท่าน โปรดอภัยให้ข้าด้วย แน่นอนว่าข้าเชื่อใจท่าน มันเป็นเพียงว่าข้าไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาเท่านั้น  เหรินซิ่วผิงหัวเราะและส่งมอบทรัพยากรอมตะส่วนใหญ่ของเขาให้กับฟางหยวนด้วยความเจ็บปวด

การแสดงออกของตงฮัวยิ่งน่าเกลียดกว่า แต่นางไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทําตามเท่านั้น

 

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท