ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ – ตอนที่ 137 ร่วมเรียงเคียงหมอน (4)

ตอนที่ 137 ร่วมเรียงเคียงหมอน (4)

ไป๋หลี่ชูแลดูชิวเยี่ยไป๋ที่เกร็งไปทั้งตัว แววตาประหลาดงดงามฉายประกายเย็นเยียบกลอกไปมา คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ไม่ต้องกลัว ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่โง่ ข้ายังมีความอดทนพอที่จะรอเจ้าเปลื้องผ้าเพื่อข้าเอง”

เขายื่นมือตบบนตัวนางสองครา ชิวเยี่ยไป๋รู้สึกเบาไปทั้งตัว แต่นางมิได้กระโดดขึ้นวิ่งในทันที หรือแม้แต่จะหดตัวที่มุมผนัง เพียงเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ฝ่าบาท นอนแต่หัวค่ำจะได้ตื่นแต่เช้า”

จากนั้นนางก็พลิกตัวหันหน้าเข้าผนัง

ไป๋หลี่ชูแปลกใจที่เห็นนางรู้ความ แต่เขาก็มินำพาว่านางจะเล่นลวดลายอะไร จึงถอดเสื้อชั้นนอก เตะรองเท้าออก เป่าตะเกียงดับแล้วนอนลงข้างชิวเยี่ยไป๋

ไป๋หลี่ชูนอนเอียงหน้าเงียบๆ สายตาตกอยู่ที่เงาหลังซึ่งค่อนข้างเกร็งของคนข้างกาย ไม่ต้องอาศัยแสงจากนอกหน้าต่าง เขาก็มองเห็นคนข้างกายอย่างชัดเจน

เงาร่างของชิวเยี่ยไป๋ที่สวมใส่เสื้อชั้นกลางขาวดังหิมะในความมืด ดูแล้วยิ่งอ้อนแอ้นบอบบาง

รัตติกาลดึกสงัด ไอร้อนยามกลางวันหายไปสิ้นเหลือแต่ความเงียบสงบ ดังนั้นขณะนอนนิ่งๆ นี้ เขาจึงได้กลิ่นหอมไออุ่นจางๆ ของคนข้างกาย และไอประหลาดที่เกิดจากการไหลเวียนของโลหิตซึมออกจากผิวกายกระจายไปทั่วในอากาศ

เขาหลับตา สูดหายใจลึก ดูเหมือนอวัยวะภายในที่เย็นเยียบจะค่อยๆ อุ่นขึ้น เขาโค้งริมฝีปากอย่างพึงพอใจ พลิกตัวอย่างไม่เกรงใจ โอบกอดคนข้างกายที่หันหลังให้ไว้ในอ้อมอก และมินำพาว่าร่างกายของชิวเยี่ยไป๋จะยิ่งแข็งเกร็งเพราะการนี้ เขาก้มหน้าดอมดมบนตัวนาง จากนั้นซุกหน้ากับซอกคอนาง

อืม ความรู้สึกนี้อบอุ่นเหมือนที่คิดไว้จริงๆ

ชิวเยี่ยไป๋ถูกกอดไว้ สยิวกายอย่างอดมิได้ ทั้งตัวแข็งเหมือนท่อนไม้ นางสูดหายใจช้าๆ รู้สึกเหมือนตนเองตกลงในหล่มหิมะ แต่ยังดีที่ขณะนี้เป็นฤดูร้อนจึงถือว่าเย็นสบาย

นางข่มใจกับความรู้สึกที่อยากจะถีบคนที่กอดอยู่ข้างหลังให้ตกลงไป กัดฟันกรอดแล้วหลับตาลง พร่ำเตือนสติตนเอง

อดทนไว้เถิด คำว่าอดทนเหมือนถูกมีดปักกลางหัวใจ สักวันหนึ่งข้าจะเอาคืนให้จงได้

ไป๋หลี่ชูรู้สึกสบายไปทั้งตัว สัมผัสที่อบอุ่นนุ่มนิ่มสบายกว่าที่คิดไว้

ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว พอสบายตัวจิตใจก็ย่อมดีขึ้นเป็นธรรมดา จึงเอ่ยปากชี้แนะต่อ

ชิวเยี่ยไป๋

“เป้าหมายของโจรที่ปล้นในคดีไหวหนานมิได้อยู่ที่เงินของตระกูลเหมย”

นางนึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ไป๋หลี่ชูจะชี้เบาะแสให้นาง หลังตะลึงแล้วจึงกล่าวเนือยๆ ว่า “อืม ระหว่างสนทนากัน เหมยซูก็เคยบอกว่าเงินพวกนั้นเป็นเพียงเป้าล่อเพื่อเบนความสนใจของผู้คนเท่านั้น”

นึกดูแล้วไม่ว่าจะเป็นคนของสำนักราชทัณฑ์หรือซือหลี่เจียน จะมากหรือน้อยล้วนถูกชักนำให้หลงทาง การสืบคดีจึงมุ่งไปยังผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเงินเป็นสำคัญ

ไป๋หลี่ชูอึ้งไปเล็กน้อยแล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “เสี่ยวไป๋ของข้าเป็นคนฉลาดจริง”

ใบหน้าชิวเยี่ยไป๋ฉายแววหยามเหยียด กล่าวประชดประชันว่า “ฝ่าบาทยกย่องเกินไปแล้ว”

หากนางฉลาดจริง ไฉนจะพลาดท่าจนกลายเป็นเนื้อในปากเสือเช่นทุกวันนี้เล่า

มุมปากไป๋หลี่ชูกระตุกแต่มิได้กล่าววาจา เพียงกอดรัดแน่นกว่าเดิม

ทั้งสองไม่มีใครพูดอีก ราตรีสงัดคล้ายกอดกันจนหลับใหล เพียงแต่ท่าทางออกจะแข็งขืนไปบ้าง

ชิวเยี่ยไป๋แลดูแสงสะท้อนหลังคาผลึกแก้วบนผนังสีขาวเบื้องหน้าเงียบๆ ลอบถอนใจ ที่เรียกกันว่าร่วมเตียงเดียวกันแต่ฝันต่าง คงเป็นเช่นนี้กระมัง

กริ๊ง

เสียงกระพรวนรถม้าดังบนถนนแต่เช้าตรู่

เช้าตรู่หน้าร้อน บนถนนมีหาบเร่ขายอาหารเช้าอยู่ไม่น้อย แต่ผู้คนยังคงไม่มากนัก ดังนั้นรถม้าจึงเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่น ไม่นานนักก็ถึงประตูด้านข้างของที่ทำการซือหลี่เจียน

ขันทีน้อยผู้เฝ้าประตู แลดูป้ายเอวของสารถีหน้าเด็กที่ส่งให้ ก็รีบยกเครื่องกีดขวางออกอย่างนอบน้อมปล่อยให้รถม้าเข้าไป

ขณะรถวิ่งผ่าน ก็มีเศษเงินโยนใส่ก้อนหนึ่ง ทำเอาขันทีน้อยยิ้มจนแก้มปริ

แม้กองคั่นเฟิงจะไม่มีความสำคัญแล้ว แต่ที่ทำการแห่งนี้มีประตูข้างถึงสามแห่ง ยามปกติไม่ค่อยมีคนใหญ่คนโตเข้าออก การตกรางวัลจึงมีไม่มาก เป็นหน้าที่ที่ไม่มีทางได้เงินได้ทองเลย แต่หลังจากมีหัวหน้ากองคนใหม่เข้ามา ก็มักมีคนเข้าออกบ่อยครั้ง และยังมีคนตกรางวัลให้ด้วย

เขาไม่เคยแยแสว่ากองคั่นเฟิงจะมีความสำคัญหรือไม่ แต่กับคนใหญ่คนโตไม่กี่คนที่ชอบตกรางวัลย่อมต้องอำนวยความสะดวกให้เป็นพิเศษ

ครู่เดียวรถม้าก็ถึงที่ทำการกองคั่นเฟิงอันรกร้าง หน้าประตูไม่มีใครเลย ประตูใหญ่ปิดสนิทเหมือนบ้านร้าง

ชิวเยี่ยไป๋ให้เสี่ยวชีไปเคาะประตู ครู่หนึ่งประตูก็แง้มออก ศีรษะที่โผล่ออกมาคือเสี่ยวเหยียนจื่อ พอเห็นชิวเยี่ยไป๋ก็ดีอกดีใจ รีบเปิดประตูรับชิวเยี่ยไป๋และเสี่ยวชีเข้าไป และสั่งให้ทหารคนหนึ่งจัดการเอารถม้าไปจอดในที่พักรถ

“ใต้เท้า ท่านไปครั้งนี้หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ไม่มีข่าวคราวแม้แต่น้อย พวกเราวิตกแทบตาย ยังคิดว่า…เอ้อ..ใต้เท้าปลอดภัยก็ดีแล้ว” เสี่ยวเหยียนจื่อเห็นชิวเยี่ยไป๋สบายดีก็โล่งใจ

“ข้าก็แค่ได้อะไรบางอย่างเมื่อคืนวานเลยดีใจ ตกค่ำจึงไปดื่มกับเสี่ยวชีเล็กน้อยแล้วนอนในร้านเหล้า พวกเจ้าคงมิใช่คิดว่าตระกูลเหมยลงมือต่อข้ากระมัง”

เสี่ยวเหยียนจื่อเกาศีรษะ “เอ้อ เป็นใต้เท้าเจี่ยงที่กังวล”

“ใต้เท้า” ม่านประตูเลิกขึ้น ที่เข้ามาไม่เพียงมีเป๋าเป่าที่แปลงโฉมเป็นเจี่ยงเฟยโจวเท่านั้น ยังมีโจวอวี่ด้วย พวกเขาเห็นชิวเยี่ยไป๋ไม่เป็นอะไรก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก

ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางพวกเขาก็รู้สึกได้ว่าต้องมีเรื่องไม่ปกติ จึงเลิกคิ้วกล่าวว่า “ทำไม ข้าไม่อยู่แค่วันเดียว เกิดเรื่องอะไรหรือ”

เสี่ยวเหยียนจื่อรู้งานรีบรินน้ำชาให้ทุกคน

โจวอวี่กับเป๋าเป่าสบตากันแล้วนั่งลงต่ำกว่าชิวเยี่ยไป๋ โจวอวี่สีหน้าหนักอึ้ง “เย็นวานนี้ ข้าน้อยเชื้อเชิญสหายเก่าในอู่เฉิงปิงหม่าซือดื่มสุรา ได้ยินข่าวมาว่า เผิงเฉียงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ผู้รับผิดชอบการสืบคดีปล้นที่ไหวหนาน ขณะนำข้อมูลคดีกลับราชธานี เกิดอุบัติเหตุเรือชนกัน เผิงเฉียงกับคนของสำนักราชทัณฑ์ตกน้ำ บัดนี้เอาศพขึ้นมาได้แล้ว แต่เอกสารราชการบ้างถูกน้ำซัดไปบ้างก็เปียกน้ำ ดูไม่รู้เรื่องแล้ว”

ชิวเยี่ยไป๋ชะงักแล้วเลิกคิ้วกล่าวว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด เผิงเฉียงของกองราชทัณฑ์ผู้นี้มีชื่อเสียงด้านตรงไปตรงมาและไม่เคยกินสินบาดคาดสินบนเลยใช่ไหม”

ช่างบังเอิญเสียจริง ข้าราชการซื่อสัตย์คนหนึ่งหอบเอกสารจำนวนมากต้องมาจมน้ำตายในเวลานี้

โจวอวี่ผงกศีรษะกล่าวว่า “ถูกต้องขอรับ และเรือที่เผิงเฉียงโดยสารก็เป็นเรือของตระกูลเหมย”

นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขากับเจี่ยงเฟยโจววิตกกังวลว่าหลังนางไปสืบคดีที่ตระกูลเหมยแล้วหายไปทั้งคืน แม้พวกเขาจะคิดว่าตระกูลเหมยคงไม่กล้าฆ่าคนปิดปากในถิ่นของตนเอง แต่จะอย่างไรก็วางใจไม่ลง

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

Status: Ongoing

นับแต่ลืมตาดูโลกอีกครั้งในยุคโบราณ นางก็ใช้ชีวิตในฐานะ ชิวเยี่ยไป๋ คุณชายสี่แห่งตระกูลชิวผู้เป็นที่เกลียดชังผู้ถูกขับไล่ไสส่งให้ออกไปเผชิญความโหดร้ายของโลกภายนอกตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยคำทำนายที่ว่าบุตรีคนที่สี่ของตระกูลจะนำความหายนะมาสู่ตระกูลและบ้านเมือง จึงเป็นเหตุให้นางจำต้องปกปิดความจริงเพื่อหลบเลี่ยงมิให้ถูกสังหารหรือถูกขายไปเป็นนางคณิกาหลวง

หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำนานัปการจนนางได้ก้าวขึ้นเป็นประมุขแห่งหอซ่อนกระบี่ในยุทธภพ กลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน นางก็ตัดสินใจหวนคืนกลับตระกูลเพื่อกลับมาทวงความยุติธรรมให้กับตนเอง

จวบจนนางได้พบกับ องค์หญิงเซ่อกั๋ว องค์หญิงคนงามผู้มากด้วยปริศนา ขึ้นชื่อลือชาด้านความโหดเ**้ยมอำมหิตและนิสัยวิปริตจนใครต่อใครล้วนประหวั่นพรั่นพรึง หนำซ้ำยังรังเกียจสตรียิ่งกว่าสิ่งอื่นใด และได้ล่วงรู้ความลับบางอย่างขององค์หญิงผู้นี้เข้า นับแต่นั้นชีวิตของนางจึงต้องเข้าไปพัวพันกับ ‘เขา’ และก้าวเข้าสู่วังวนแห่งการชิงอำนาจที่เปรียบดุจคลื่นใต้น้ำในราชสำนัก!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท