ตอนที่ 528 ข่าวด่วนจากด่านชายแดน
“คงลงมือแน่ นี่เป็นโอกาสดีที่สุด เขาจะปล่อยให้โอกาสหลุดไปได้อย่างไร” แม้ซูจิ่วซือจะเป็นห่วงฟู่เฉินหรง แต่ก็ยังตอบอย่างรวดเร็ว “แต่ข้าเชื่อว่าเฉินหรงคงเตรียมการไว้แล้ว”
“น้อง ข่าวดี ด่านชายแดนส่งข่าวด่วนมาแล้ว” ได้ยินเสียงมู่หย่งดังมาแต่ไกล
พอได้ยินว่ามีข่าวด่วน ซูจิ่วซือก็รีบวางชามในมือลง ผุดลุกขึ้นถาม “ข่าวอะไรหรือ?”
“ข้าเพิ่งได้ข่าวเมื่อกี้ องค์รัชทายาทไปถึงซาเฉิงแล้ว ปะทะกับกองทัพซาหลัวที่ยึดครองซาเฉิงอยู่ องค์รัชทายาทสังหารศัตรูไปแล้วห้าพันคน ซาหลัวเสียหายอย่างหนัก ถอยหนีไปแล้ว มีชัยในการรบครั้งแรก กองทัพฮึกเหิม ก้าวต่อไปองค์รัชทายาทเตรียมบุกเทียนเฉิง ยึดเทียนเฉิงคืน”
มู่หย่งบอกซูจิ่วซือกับมู่เจี๋ยด้วยสีหน้าดีใจ ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อถือฟู่เฉินหรง รู้สึกว่าฟู่เฉินหรงแค่อวดเก่ง นึกไม่ถึงว่าเพิ่งไปถึงก็รบชัยชนะอย่างงดงาม
“องค์รัชทายาทมีความสามารถจริงๆ เป็นที่ยอมรับ ขุนนางเก่าแก่ที่เคยสงสัยคงปิดปากเงียบแล้ว”
มู่เจี๋ยเองก็รู้สึกคาดไม่ถึง
ความวิตกของซูจิ่วซือหายไปสิ้น สีหน้าดีใจอย่างไม่ปิดบัง นางรู้ว่าเขาทำได้ มีชัยในการรบครั้งแรก ต่อไปคงราบรื่นขึ้นมาก ฟู่เฉินหรงช่างเป็นอัจฉริยะจริงๆ
เรื่องรบซูจิ่วซือไม่เข้าใจ แม้นางจะอ่านหนังสือทุกประเภท แต่ไม่เคยแตะต้องตำราพิชัยสงครามและไม่คิดว่าฟู่เฉินหรงจะเชี่ยวชาญเรื่องนี้
“ถ้าองค์รัชทายาทมีชัยกลับมา ต้องชนะใจราษฎรแน่ วันหลังย่อมได้รับอำนาจทางทหารอย่างราบรื่น ซิ่นอ๋องรู้เรื่องนี้ดี เกรงว่าจะทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อองค์รัชทายาท เส้นทางนี้มีภัยรอบด้าน”
มู่หย่งเป็นห่วงความปลอดภัยของฟู่เฉินหรงโดยไม่รู้ตัว เวลานี้ตระกูลมู่ถือว่าตนเป็นพวกเดียวกับองค์รัชทายาท ยืนอยู่ข้างเดียวกับฟู่เฉินหรงอย่างหนักแน่น
“เรื่องนี้เขาวางแผนไว้แล้ว ฝ่าฟันอันตรายมามากมาย สวรรค์คงปกป้องเขา”
“ซือซือพูดถูก พวกเราที่นี่รอฟังข่าวดีจากองค์รัชทายาทก็พอ”
พอเห็นว่าตระกูลมู่ยืนอยู่ข้างฟู่เฉินหรงเต็มที่ เป็นห่วงความปลอดภัยของฟู่เฉินหรง ซูจิ่วซือก็รู้สึกสบายใจ เวลานี้ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างแท้จริง
หลังจากเฟิงซุนตาย เฟิงเยว่ก็มาหาฟู่เยว่อี้ที่ห้อง เงื้อมือขึ้นตบหน้าฟู่เยว่อี้
“เฟิงเยว่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ตบนี้ เฟิงเยว่ลงมือสุดแรง แก้มขวาของฟู่เยว่อี้บวมขึ้นทันที มีรอยนิ้วมือห้านิ่วสีแดงสดประทับอยู่
“ข้าหมายความว่าอย่างไร เจ้ารู้อยู่แก่ใจ ฟู่เยว่อี้ ที่นี่เป็นตระกูลเฟิง เจ้าไม่มีสิทธิ์มาทำก่อชั่วร้าย บังอาจวางยาพิษท่านลุง”
เฟิงเยว่ถลึงตาใส่ฟู่เยว่อี้อย่างดุดัน แววตาเหมือนกับจะกินฟู่เยว่อี้
ฟู่เยว่อี้ไม่กลัวเฟิงเยว่ ประสานสายตากับเฟิงเยว่อย่างหนักแน่น “แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ เจ้าลบหลู่ข้า ข้าปกป้องตัวเองผิดตรงไหน?
เฟิงเยว่ คนที่ข่มเหงคนอื่นตั้งแต่แรกก็คือเจ้า ข้าแต่งงานกับเจ้า ไม่ใช่กับลุงเจ้า ถ้าเจ้าไม่อยากรับข้าเป็นภรรยา ข้าก็ไม่บังคับเจ้า เราต่างคนต่างอยู่ ต่อไปไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน
ถ้าเจ้าบังอาจลบหลู่ข้า ข้าจะทูลเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ ถึงอย่างไร ฮ่องเต้ก็เป็นอาของข้า ข้าเป็นคนในราชตระกูล ถ้าจะตายเราตายด้วยกัน ถ้าข้าขายหน้า เจ้าอย่าหวังว่าจะรักษาหน้าไว้ได้”
“เจ้าบังอาจขู่ข้าหรือ?”
ฟู่เยว่อี้ส่งสายตาอำมหิตออกมาเช่นกัน “ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองดู ดูว่าข้าฟู่เยว่อี้ยอมให้ใครข่มเหงได้หรือไม่”
ตอนที่ 529 ข้ามีความหมายอะไร
“เจ้ารอดูก็แล้วกัน เจ้าต้องทรมานไปตลอดชาติ เวลานี้ยังมีจวนซิ่นอ๋อง ถ้าสักวันหนึ่ง จวนซิ่นอ๋องตกต่ำ ฟู่เยว่อี้ เวลาของเจ้าก็หมดแล้ว”
เฟิงเยว่ไม่กล้าทำให้เรื่องบานปลาย เรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อเขาแม้แต่น้อย ฟู่เยว่อี้พูดถูกคำหนึ่ง ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของราชตระกูล บางเรื่องเขาไม่อาจทำเกินไป ก่อนหน้านี้ที่เขาทำกับฟู่เยว่อี้อย่างนั้น เพราะอยากสั่งสอนฟู่เยว่อี้บ้าง
พูดจบ เฟิงเยว่ก็ออกไปจากห้องไม่หันมามอง
ฟู่เยว่อี้จับโต๊ะนั่งลง เหม่ยพ่านเห็นแก้มขวาของฟู่เยว่อี้บวมเป่ง รีบเอายาประคบให้ ฟู่เยว่อี้นั่งไม่พูดไม่จา
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าไม่ดึงตระกูลเฟิงเป็นพวก ต่อไปนางจะหาโอกาสเหมาะกำจัดเฟิงเยว่ เป็นแม่หม้ายยังดีกว่านี้ ทำไมนางต้องคอยดูสีหน้าของเฟิงเยว่ไปตลอดชีวิต
เฟิงเยว่ไร้เดียงสาจริงๆ ยังนึกว่าเวลาของนางจะหมดแล้ว เกรงว่าคนที่จะหมดเวลาก็คือตระกูลเฟิง
ทางฟู่เฉินหรงส่งข่าวมาแล้ว ดูท่าเฟิงชิงสุ่ยคงร้อนใจ
หากฟู่เฉินหรงมีที่ยืนมั่นคงในกองทัพ ตระกูลเฟิงก็ไร้ความหมายสำหรับเขา ความหวังที่เฟิงชิงสุ่ยเคยวาดไว้ก็สูญเปล่า พอถึงตอนนั้นถ้าตระกูลเฟิงฟยังไม่รู้จักสถานการณ์ คงไม่พบจุดจบที่ดีแน่
นางจะตั้งใจรอถึงวันนั้น
ตอนบ่าย ขณะที่ฟู่เยว่อี้กำลังทายาอยู่ จู่ๆ ก็มีคนรายงาน บอกว่าฟู่จิ่งให้นางกลับไปจวนซิ่นอ๋อง
นางรู้ว่าทำไมฟู่จิ่งจึงให้นางกลับจวน คงต้องการถามนาง เมื่อคืนตอนที่นางไปจวนซิ่นอ๋องนั้นยังมีความหวังอยู่ แต่วันนี้ความรู้สึกของนางเปลี่ยนไป หัวใจเหมือนน้ำนิ่งเป็นคำอธิบายความรู้สึกของนางได้ดีที่สุด
นางทาแป้งปิดบังรอยช้ำบวมบนใบหน้า ให้คนเตรียมรถม้าไปจวนซิ่นอ๋อง
“องค์หญิง ท่านอ๋องจะตำหนิองค์หญิงหรือไม่”
เหม่ยพ่านนั่งอยู่ข้างๆ ฟู่เยว่อี้ถามอย่างห่วงใย
ฟู่เยว่อี้ไม่ใส่ใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มขมขื่น “เวลานี้มีอะไรน่ากลัวสำหรับข้า เหม่ยพ่าน ว่าไปแล้วก็น่าหัวเราะ เมื่อก่อนข้านึกว่าตัวเองมีทุกสิ่งทุกอย่าง เวลานี้เพิ่งรู้ว่า ข้าไม่มีอะไรเลย”
“องค์หญิงอย่าพูดโง่ๆ ไม่ว่าอย่างไร องค์หญิงก็ยังเป็นคุณหนูราชตระกูลผู้สูงศักดิ์ คุณหนูตระกูลใหญ่ทั่วไปไม่อาจเทียบกับองค์หญิง”
“เมื่อก่อนข้าคิดว่าตัวเองแน่ อาศัยความฉลาด ชาติกำเนิดสูงส่ง คิดว่าข้าสามารถเหยียบทุกคนไว้ใต้ฝ่าเท้า สุดท้ายกลับถูกพ่อแท้ๆ ทอดทิ้ง
เมื่อเทียบกับคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ได้รับความรักความเอาใจใส่จากพ่อแม่ ชีวิตข้าก็เหมือนเรื่องตลก เป็นองค์หญิงแล้วอย่างไร ยามที่ข้าถูกย่ำยี ท่านพ่อไม่ได้ปกป้องข้า และยังผลักข้าให้คนคนนี้ ในสายตาของพ่อ ข้ามีความหมายอะไร?”
เหม่ยพ่านรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกระทบกระเทือนจิตใจฟู่เยว่อี้มาก นางไม่รู้จะปลอบใจฟู่เยว่อี้อย่างไร ได้แต่บอกฟู่เยว่อี้ว่า “ไม่ว่าอย่างไร บ่าวก็จะอยู่เคียงข้างองค์หญิง”
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เวลานี้ข้าหวังแต่ว่าท่านพ่ออย่าบังคับข้า ท่านพ่อมีบุญคุณที่เลี้ยงดูข้า ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับท่านพ่อ”
ฟู่เยว่อี้แม้ผิดหวังต่อจวนซิ่นอ๋องมาก แต่ก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับจวนซิ่นอ๋อง จึงพูดกับซูจิ่วซือว่านางไม่มีวันช่วยซูจิ่วซือจัดการจวนซิ่นอ๋อง
นางมาจากจวนซิ่นอ๋อง ที่นี่เคยเป็นบ้านของนาง เป็นที่ที่นางอุทิศชีวิตจิตใจให้ แม้ถูกหักหลัง นางก็ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับบิดา
“วันหลังทุกอย่างคงจะดีขึ้น สวรรค์คงคุ้มครององค์หญิง”
เหม่ยพ่านได้แต่ปลอบฟู่เยว่อี้อย่างนี้