คนชราเดินไปอยู่ข้างๆ เลิกหนังตาของหลินเยียนขึ้น หลังจากพินิจอยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับไปนั่งที่เดิม
“คุณหลิน คุณอย่าได้กังวลจนเกินไป อาการของคุณธรรมดามาก ผมรู้สึกว่าคุณไม่ได้เป็นโรคหลายบุคลิก เพียงแค่ช่วงนี้อารมณ์แปรปรวนและกดดันมากเกินไป ส่งผลให้ความจำและประสาทเสื่อมตัว” เฮ่อรุ่ยยวนพูด
“ห๊ะ? เป็นไปไม่ได้!” หลินเยียนงุนงง ดูแค่ลูกตาของตัวเอง…ไม่มีความเข้มงวดตามหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิด!
“เหอะเหอะ ในเมื่อคุณหลินไม่เชื่อ เราไปตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วกัน”
“แล้วค่าใช้จ่าย…”
“วันนี้ฟรีทั้งหมด”
“อื้มๆๆ งั้นได้!” หลินเยียนพยักหน้ายิกๆ
ไม่นานหลินเยียนก็ตามเฮ่อรุ่ยยวนออกจากห้องไป
สองชั่วโมงหลังจากนั้น หลินเยียนก็ไม่รู้ว่าตัวเองตรวจอะไรไปบ้าง เครื่องมือทั้งเล็กใหญ่ทุกอย่างเหมือนจะถูกเธอใช้ครบทั้งหมดแล้ว ทั้งยังมีการตอบแบบสอบถามและกรอกคำตอบด้วยตัวเอง
หลังจากตรวจเสร็จ หลินเยียนก็ตามเฮ่อรุ่ยยวนกลับเข้าห้องทำงานไปอีกครั้ง
คนชรามองรายงานในมือและพูดกับหลินเยียนว่า “คุณหลินจากผลการสังเกตและการตรวจสอบของผม คุณไม่ได้เป็นโรคหลายบุคลิก กลับไปกินอาหารรสเผ็ดให้น้อย ผ่อนคลายจิตใจ อย่ากังวลให้มากไป ดื่มน้ำอุ่นให้มาก”
“ศาสตราจารย์เฮ่อ…ฉันรู้สึกว่าไม่น่านะ ฉันต้องเป็นโรคหลายบุคลิกแน่! คุณตรวจให้ฉันอีกครั้งมั้ย?” หลินเยียนจ้องเฮ่อรุ่ยยวนพูด
“คุณหลิน คุณอย่าได้กังวลจนเกินเหตุ คุณต้องเคารพหลักวิทยาศาสตร์และเชื่อหมอ” เฮ่อรุ่ยยวนขมวดปมคิ้วพูด
“ศาสตราจารย์ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อหลักวิทยาศาสตร์และคุณหมอ หลักๆ คือฉันไม่เชื่อตัวเอง!” หลินเยียนพูด
“เหอะเหอะ คุณหลิน ในเมื่อคุณรู้กรณีคลาสสิกของโรคหลายบุคลิกในต่างประเทศ งั้นก็คงรู้อิทธิพลของผม ผมบอกว่าคุณไม่ได้เป็น ก็คือไม่เป็น” เฮ่อรุ่ยยวนยิ้มพูด
“แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่า…” หลินเยียนลังเลมาก
“คุณหลิน หรือไม่คุณลองไปหาหมอคนอื่นๆ ดูมั้ย?” สุดท้ายเฮ่อรุ่ยยวนนวดระหว่างคิ้ว
“หมอคนอื่นงั้นเหรอ? ยังมีหมอที่เก่งกว่าคุณอีกเหรอ?” หลินเยียนรีบถาม
คนชรายิ้มอย่างถ่อมตัว “คงไม่มี”
หลินเยียน “…”
ขอโทษที่รบกวน
สุดท้ายหลินเยียนจากไปอย่างเศร้าหมอง
หลินเยียนรีบสละความคิดอันน่ากลัวในหัวออก ในเมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวทอย่างเฮ่อรุ่ยยวนบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร…งั้นเธอก็คงไม่ได้เป็นอะไร คงเหนื่อยเกินไปจริงๆ บวกกับก่อนหน้านี้เธอก็มีอาการซึมเศร้า สติอาจจะฟั่นเฟือน…
ไม่มีทางที่จะถูกผีเข้าสิงหรอก…
หลังจากหลินเยียนกลับไป คนชราก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร
“คุณเผย งานที่คุณมอบหมายสำเร็จแล้ว ใช่แล้ว คุณหลินไม่ได้สงสัยอะไร ใช่ ร่างกายของคุณหลินปกติ นอกจากอาการเก่าๆ และแผลบนขาซ้าย ก็ไม่มีปัญหาอะไรอื่นเลย”
……
ใต้ตึกโรงพยาบาล
หลินเยียนเพิ่งออกจากประตู ก็เห็นเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก
เห็นเพียงว่า เผยอวี่ถังพิงรถสปอร์ตเฟอร์รารี่คันสีแดงสดเฉียงๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเธออยู่
หางตาของหลินเยียนกวาดมองผ่านๆ ก็ดูออกทันทีว่ารถคันนี้ผ่านการดัดแปลงมา
เผยอวี่ถังคนนี้เหมือนจะเป็นผู้คลั่งไคล้การแข่งรถ?
หลินเยียนจำต้องเดินเข้าไป “คุณชายสามเผย คุณฟังฉันอธิบาย…”
เธอซวยมากพอแล้ว ต้องหนีตายอยู่ร่ำไป ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่มหรอกนะ ถ้าคุยกันให้เข้าใจได้ ก็พูดกันซะ
เผยอวี่ถังมองหลินเยียน พลันคลี่ยิ้ม เผยฟันขาวสว่าง “อยากให้ฉันฟังเธออธิบายงั้นเหรอ! ได้! ขึ้นรถก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“ได้…” หลินเยียนไม่ได้คิดอะไรมาก มองประตูข้างคนขับที่เปิดออกแล้วก้าวเข้าไปนั่ง
เผยอวี่ถังมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับพร้อมกัดฟันกร่อน
วันนี้เขาจะต้องให้บทเรียนผู้หญิงคนนี้สักหน่อย!
เวิงๆๆ…
เสียงเครื่องยนต์อันไพเราะดังขึ้น
แทบจะทันทีที่หลินเยียนเข้าไปนั่ง เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น พร้อมกับรถเฟอร์รารี่สีแดงที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า…