แก๊งรถซิ่งและเผยอวี่ถังขับรถตรงดิ่งไปยังสนามแข่งรถที่อยู่ใกล้เคียง
เสียงเชียร์ดังอื้ออึงที่จุดสตาร์ต ชายผมสีน้ำตาลอ่อนเย้าแหย่พวกเขา “รออะไรอยู่ล่ะ รีบๆ แข่งกันได้แล้ว!”
หลินเยียนรีบบอกเผยอวี่ถังซึ่งประจำที่บนเบาะคนขับเรียบร้อย “เดี๋ยวก่อน นายน้อยที่สาม การแข่งนี่น่าจะต้องใช้เวลาสักพักใช่ไหมคะ ฉันขอลงก่อนได้ไหม จะได้ไม่รบกวนคุณ”
เผยอวี่ถังจ้องมองเธอ “ที่ว่าขอลงนี่หมายความว่าไง ไอ้พวกนั้นมันเห็นเธอเป็นแฟนฉันนะ ถ้าเธอหนีไปก่อนแล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน นั่งเฉยๆ ไปเลย!”
หลินเยียนไม่พูดอะไร
เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
เธอจำต้องตกกระไดพลอยโจนและถูกซุ่มโจมตีเพียงเพราะเธอมากับเขา น่ากลัวจริงๆ…
เผยอวี่ถังเหลือบมองหลินเยียนอย่างเย็นชาและพูดอย่างเหลืออด “คาดเข็มขัดซะ ถ้ากลัวก็หลับตาไป ผู้หญิงปอดแหกอย่างเธอนี่มันน่ารำคาญจริงๆ”
หลินเยียนตอบ “แหม…”
ปัง! เสียงปืนบอกสัญญาณออกตัวดังขึ้น
อึดใจต่อมา รถเฟอร์รารีสีแดงและจีทีอาร์สีเงินก็พุ่งฉิวหายลับไปในพริบตา!
หลินเยียนมองดูสนามแข่งไปรอบๆ สนามแห่งนี้เป็นหนึ่งในสนามแข่งรถที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ หนึ่งรอบมีระยะทาง 3.408 กิโลเมตร ประกอบด้วย 12 ลูป และยังมีเส้นทางที่ซับซ้อน ถือได้ว่าเป็นสนามแข่งที่ท้าทายซึ่งใช้ทดสอบฝีมือและเทคนิคของนักแข่งได้เป็นอย่างดี
แต่กระนั้น หลินเยียนสามารถขับรถบนสนามแข่งนี้โดยปิดตาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
และสำหรับเธอแล้ว การแข่งของเผยอวี่ถังและซ่งเย่าหนานนั้นเรียกได้ว่า…ไม่ต่างอะไรจากเด็กเล่นขับรถบัมพ์
อันที่จริงแล้ว หลินเยียนก็ไม่อยากจะอวดดีมากมายนัก แต่…นี่คือการแข่งของมือสมัครเล่นทั้งสองฝ่าย ไม่ได้มีอะไรน่าพิสมัยเป็นพิเศษ
และเธอก็รู้ผลตั้งแต่แวบแรกแล้ว
เผยอวี่ถังและซ่งเย่าหนานแข่งกันเอาเป็นเอาตายราวกับมีชีวิตเป็นเดิมพัน และแม้ว่าผู้ชมด้านนอกจะส่งเสียงร้องด้วยความกลัว แต่หลินเยียนกลับสัปหงกอยู่บนที่นั่งผู้โดยสาร
อย่างที่คาด เผยอวี่ถังแพ้ในลูปแรก เขาโดนนำห่างหลายช่วงตัว
หนุ่มน้อยสบถออกมา “แม่งเอ๊ย! เป็นไปไม่ได้! รถฉันแต่งมาใหม่เอี่ยม ต้องสู้มันได้สิวะ!”
หลินเยียนไม่ตอบอะไร
เขาอาจเอาชนะคู่แข่งได้ก็จริง แต่ก่อนอื่น…เขาต้องมีทักษะและเทคนิคมากกว่านี้ก่อน
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
และตามที่คิดไว้ รถของซ่งเย่าหนานพุ่งเข้าเส้นชัยก่อนอีกฝ่าย
หญิงสาวหน้าตาสะสวยข้างๆ ซ่งเย่าหนานมอบจูบให้กับเขา ในขณะที่ผู้ชมส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนและสมาชิกที่เหลือของแก๊งส่งเสียงเป่าปากอย่างตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ! ไม่แปลกใจเลย แกนี่แหละไอ้คนกากพันปีของแท้! เอ้า! เร็วๆ ! คุกเข่าแล้วเรียกพี่หนานว่าคุณพ่อสิ!”
“ช่าย ช่าย! ยอมรับความพ่ายแพ้ของแกซะ! อย่าบอกนะว่าแกรู้สึกเสียใจที่รับคำท้าน่ะ เผยอวี่ถัง?”
“ไม่ได้! ฉันจะบอกความลับให้อย่างหนึ่งนะ! ฉันถ่ายวิดีโอตอนที่แกตกปากรับคำไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าแกคิดจะปฏิเสธล่ะก็ ไม่รู้ว่าอนาคตนักแข่งของแกจะเป็นยังไงบ้างนะ?”
“ฮ่าๆๆ”
เมื่อถูกห้อมล้อมด้วยเสียงหัวเราะเยาะ แววตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งและดื้อรั้นของเผยอวี่ถังจึงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยโทสะ
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขากัดฟันพูด “ฉันยอมรับว่าฉันแพ้ ฉันไม่กลับคำอยู่แล้ว”
เผยอวี่ถังกระแทกประตูดังลั่นหลังออกจากรถ
“ว้าว! มาเร็ว มาคุกเข่าเร็ว!”
“เรียกพ่อสิลูก!”
เหล่าชาวแก๊งพากันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างกระวีกระวาด พลางเตรียมตัวสนุกสนานไปกับคราวเคราะห์ของเผยอวี่ถังกันอย่างพร้อมเพียง
หลินเยียนมองเขาในขณะที่ขมวดคิ้ว
พวกนี้ชักจะไปกันใหญ่…
นักแข่งมืออาชีพตัวจริงจะปฏิบัติตนกับอีกฝ่ายอย่างสุภาพเสมอโดยไม่ทำให้ใครขายหน้าแบบนี้
หลินเยียนอดไม่ได้ที่จะแอบมองเผยอวี่ถัง
เธอไม่คิดว่าเขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ แบบนี้ และเธอรู้สึกว่าเขาน่าเคารพขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
แต่เขายังเป็นแค่ชายอายุน้อยที่มีใจรักในการแข่งรถ
เหตุการณ์กลั่นแกล้งให้อับอายเช่นนี้อาจทิ้งรอยแผลที่ลบไม่ออกไว้ในใจของเขาไปตลอดกาล…
เหมือนกับเธอ
อีกอย่าง…
เผยอวี่ถังเป็นน้องชายของไอดอลสุดรักของเธอ!
ถ้าน้องต้องเรียกคนอื่นว่าพ่อ หมายความว่าไอดอลของเธอก็ต้องทำแบบเดียวกันใช่ไหม?
ไม่มีทาง!