วังจิ่งหยางจ้องมองหลินเยียนที่กำลังส่งเสียงดังด้วยสีหน้าพรั่นพรึง “หลิน…หลินเยียน…เธอเป็นอะไร?”
หลินเยียนวางเท้าลงบนเก้าอี้แล้วตะเบ็งเสียง “ออกมา! ได้ยินมั้ย เพราะแกแท้ๆ ไอดอลของฉันถึงได้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นข่าวฉาวกับฉันเนี่ย! ฉันไม่ยอมให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียเด็ดขาด! แกกล้าทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง คอยดูนะ ฉันจะจัดการแกเอง เชื่อฉันมั้ยล่ะ”
วังจิ่งหยางกลัวจนขาสั่น “เฮ้ย! หลินเยียน เธอคุยกับใครเนี่ย”
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่ยอมออกมา…” หลินเยียนสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนวิ่งหายไปในห้องครัว เธอหยิบมีดออกมาแล้วจ่อไว้ที่คอ “ทีนี้เชื่อฉันหรือยังล่ะ ฉันจะปาดคอตัวเองให้แกออกมาเดี๋ยวนี้แหละ!”
ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอีกตัวตนของหลินเยียนแล้ว เมื่อเธอตาย มันก็จะหายไปด้วยเช่นกัน!
วังจิ่งหยางสติแตกเพราะท่าทีของหลินเยียนไปแล้วในตอนนี้ เขารีบยื้อแย่งมีดจากเธอ “ยัยบ้า หลินเยียน! เธอเสียสติไปแล้วหรือไง”
หลินเยียนโกรธจนพร้อมระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ “จะให้ฉันทำไงล่ะ ฉันจะอธิบายกับเผยหนานซวี่ยังไง ก็นั่น…นั่นมันไม่ใช่ฉันจริงๆ เขาคงจะคิดว่าฉันตั้งใจสร้างข่าวฉาวเพื่อเพิ่มชื่อเสียงอีกแล้วหรือเปล่า”
เธอเป็นผู้เสียหายชัดๆ!
เผยอวี้เฉิงเข้าใจเธอผิดไปคนหนึ่งแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาเผยหนานซวี่!
วังจิ่งหยางปลอบหลินเยียนด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ อย่างเห็นได้ชัด “หลินเยียน ใจเย็นนะ…ข่าวนี่ทำให้เธอเดือดได้ขนาดนี้เลยเหรอ ก็แค่ข่าวใส่ไข่น่า แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย เธอตกเป็นข่าวกับนักแสดงชายมาครึ่งวงการแล้วมั้ง กะอีแค่เผยหนานซวี่อีกคนเอง”
แต่หลินเยียนคิดว่านักแสดงคนอื่นเทียบเผยหนานซวี่ไม่ติด
เพราะเขาทั้งบริสุทธิ์และผ่องใสราวดวงจันทร์ที่ทอแสงสว่าง!
หลินเยียนในอดีตเคยเข้าร่วมกองทัพแฟนคลับเผยหนานซวี่ในการต่อต้านดาราสาวที่พยายามตีสนิทเขาโดยหวังทำลายชื่อเสียง
แต่ตอนนี้เธอกลับต้องเผชิญความจริงที่ว่า เธอนั่นแหละที่เป็นคนทำลายชื่อเสียงของเขาเสียเอง
“นายจะมารู้อะไร” หลินเยียนเถียงพลางกลอกตาใส่วังจิ่งหยาง ในทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของเธอก็สั่นด้วยสายเรียกเข้า
หลินเยียนงุนงงไปชั่วขณะเมื่อเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอนั่นเอง…
เธอเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองก็มีผู้จัดการด้วย
หลินเยียนลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจรับสายด้วยความระมัดระวัง “ฮัลโหล พี่หลิง”
จ้าวหงหลิงหัวเราะคิกคักอยู่ที่ปลายสาย “หลินเยียน ไม่ได้คุยกันตั้งนาน ใจกล้าขึ้นเยอะเลยนะเราน่ะ กล้าเป็นข่าวฉาวกับเผยหนานซวี่ได้ยังไงกัน”
หลินเยียนรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก “พี่จะเชื่อไหมถ้าฉันบอกว่านั่นไม่ใช่ฉัน”
จ้าวหงหลิงเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหลินเยียนก็จริง แต่เธอรับฟังหลินเยียนแค่เฉพาะตอนที่เธอเพิ่งเข้าสู่วงการใหม่ๆ แล้วจึงปล่อยให้หลินเยียนจัดการเรื่องราวของเธอด้วยตนเองทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสองสาวจึงเต็มไปด้วยความตึงเครียดจนทำให้ทั้งคู่แทบไม่ได้พูดคุยกันเลย
แม้ว่าสุดท้ายแล้วหลินเยียนจะได้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับหลินซูหย่า แต่เธอรู้สึกอายเกินไปที่จะเข้าหาจ้าวหงหลิง
ผู้จัดการสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองแกมเย็นชา “ใครจะไปรู้ล่ะ เธออาจจะโง่ขึ้นมากะทันหันอีกก็ได้ หรือว่าเธอกำลังมองหาวิธีตายแบบน่าตื่นเต้นอยู่?”
หลินเยียนพูดไม่ออก…