ตอนที่ 67 แฟนหนุ่มระดับเทพบุตรมาจุติ
หลังจากที่หลินเยียนแก้ไขรายละเอียดต่างๆ ในวีแชทและแลกเบอร์กับเผยอวี้เฉิงแล้ว เธอก็คิดว่าน่าจะสมควรแก่เวลา
หลินเยียนสวมหน้ากากหญิงสาวผู้น่าสงสารราวกับเป็นคนใช้ในวังที่รอให้จักรพรรดิไล่เธอออกไปไกลๆ
เผยอวี้เฉิงมองนาฬิกาข้อมือแล้วเอ่ยว่า “ฉันมีประชุมหลังจากนี้ คงไม่มีเวลาให้เธอ”
แจ่ม!
หลินเยียนอารมณ์เบิกบานดั่งดอกทานตะวันที่อยู่ท่ามกลางแสงแดด แม้ว่าเธอจะดีใจมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังแสร้งทำสีหน้าเสียอกเสียใจและลังเลที่จะต้องแยกจากชายหนุ่มไป เธอกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่เป็นไร ยังไงงานก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ ฉันเองก็จะไปเตรียมตัวสำหรับบทใหม่ของฉันด้วย ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะคะจะได้ไม่รบกวนคุณ!”
เผยอวี้เฉิงตอบ “รอเดี๋ยวก่อน”
หลินเยียนชะงัก
รอเดี๋ยวก่อน? เธอไม่อยากรออะไรแล้ว!
เพราะถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่รู้
แค่พูดไม่กี่ประโยค หลินเยียนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา ถ้ายังคุยกันต่ออีก มีหวังทั้งคู่ได้จูงมือกันไปจดทะเบียนสมรสแน่ๆ
หลินเยียนนิ่งไม่ไหวติงเพราะเธอขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้
ชายหนุ่มลุกจากโซฟาก่อนค้อมตัวลงเล็กน้อยขณะยืนอยู่ข้างๆ หลินเยียน นิ้วเรียวยาวของเขาสัมผัสกับต้นขาของเธอ
หลินเยียนพูดอะไรไม่ออก
เมื่อเผยอวี้เฉิงกดฝ่ามือลงบนต้นขาของเธอ หลินเยียนก็ตัวสั่นสะท้านอย่างต่อต้านไม่ได้ถึงแม้ว่าจะมีเนื้อผ้าขวางกั้นระหว่างมือและผิวของเธอก็ตาม
เกิดอะไรขึ้น?
ในทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แฝงด้วยท่าทีเย้าแหย่ “ไม่เมื่อยขาเหรอ”
หลินเยียนรู้สึกว่าขาของเธอชาดิกขึ้นมาในฉับพลันทันทีที่เขาพูดจบ เพียงแค่ขยับขาเล็กน้อยเธอก็รู้สึกปวด
เธอไม่รู้ตัวเลย แต่เผยอวี้เฉิงรู้…
ชายหนุ่มพูดพลางพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพาดเข่าของเธอลงบนโซฟา จากนั้น เขานั่งลงในท่ากึ่งคุกเข่าเพื่อนวดขาของเธออย่างเบามือ
เผยอวี้เฉิงควบคุมแรงได้เป็นอย่างดี อาการเหน็บชาจึงหายไปในไม่ช้า
ที่ผ่านมา เผยอวี้เฉิงเป็นเพียงคนที่หลินเยียนคิดว่าจะได้เห็นเขาเฉพาะในทีวีหรือนิตยสารการเงินเท่านั้น เขาเป็นผู้ชายที่แตกต่างจากเผยหนานซวี่เหมือนอยู่บนดาวคนละดวงที่ห่างกันออกไปหลายล้านปีแสง
แต่ผู้ชายคนที่ว่ากำลังคุกเข่าต่อหน้าเธอ…
เขาทั้งหล่อ รูปงาม รวย อ่อนโยน และใจดี!
เรียกได้ว่าเป็นแฟนหนุ่มระดับเทพบุตรมาจุติก็มิปาน
หลินเยียนแอบคิดว่าเธออยากจะละทิ้งโชคชะตาทั้งหมดเพื่อผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้…
แต่เมื่อเรียกสติคืนมาได้ เธอก็รีบส่ายศีรษะไปมาอย่างรวดเร็ว “อะแฮ่ม ฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ…ขอบคุณ”
แรงสะดุ้งเฮือกที่ดึงหลินเยียนให้ตื่นจากภวังค์ทำงานราวนาฬิกาปลุก เธอรีบบอกลาเขาแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว “ฉันขอตัวก่อนนะคะ…”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดนั้น หลินเยียนก็ผละออกจากคฤหาสน์ไป
ครู่ใหญ่หลังจากที่หญิงสาวกลับไป เผยอวี้เฉิงเดินไปที่ห้องนอนของเขาก่อนถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาติดกระดุมเสื้อด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ
จากนั้น เขานั่งลงบนเก้าอี้แล้วจุดบุหรี่
ควันบุหรี่ลอยฉิว แววตาของชายหนุ่มดูมืดมนราวส่วนลึกของมหาสมุทร
เผยอวี้เฉิงตกอยู่ในภวังค์ เขานิ่งสนิทโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบุหรี่ในมือกำลังไหม้จนเกือบจะหมดมวนแล้ว
เขาดับบุหรี่หลังจากนั้นไม่นาน ก่อนเปิดลิ้นชักชั้นแรกของตู้ออกแล้วหยิบหนังสือเล่มเล็กๆ สีแดงออกมาสองเล่ม
บนหนังสือเล่มแรกมีคำว่า ‘ทะเบียนสมรส’ อยู่บนปก ชายหนุ่มเปิดหนังสือเล่มนั้นอย่างเบามือ ในนั้นมีรูปถ่ายของชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนซึ่งหาดูได้ยากจากเขา ส่วนหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เองก็กำลังยิ้มกว้างเช่นกัน แววตาของเธอส่องประกายราวดอกไม้บาน
ตอนที่ 68 กลับบ้านไปกินข้าวกัน
หลินเยียนอาบน้ำและพักผ่อนครู่หนึ่งหลังจากกลับถึงบ้าน วันนี้เป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสจริงๆ
เธอทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมโทรศัพท์ หวังจะเล่นมือถือเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
แต่ทันใดนั้นเองก็มีสายเรียกเข้าอย่างกะทันหัน
หลินเยียนมองหน้าจอแล้วรับสายทันที
“ฮัลโหล แม่คะ!”
“เสี่ยวเยียน คืนนี้ว่างไหมลูก คุณตาชวนเราไปกินข้าวที่บ้าน” แม่ของหลินเยียนพูดจากปลายสาย
“คุณตาชวนไปกินข้าวที่บ้าน?”
แม้ว่าหลินเยียนจะลังเลใจเล็กน้อย แต่เธอก็ตอบรับ “ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปหาแม่ที่บ้านนะ”
หญิงสาวตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเตียงหลังจากวางสาย
บรรดาญาติๆ ฝ่ายแม่ต่างตั้งตนเป็นปรปักษ์กับหลินเยียนและแม่หลังจากที่พ่อกับแม่หย่าร้างกัน และความไม่ลงรอยนี้ดำเนินมาอย่างยาวนานจนกระทั่งค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับเมื่อไม่นานมานี้เอง
หลินเยียนรู้ดีว่าทำไม
หลังจากที่ หลินเยว่ทง ผู้เป็นพ่อ และ เฮ่อมู่อวิ๋น ผู้เป็นแม่แต่งงานกัน ทั้งคู่จำต้องพึ่งใบบุญและเงินทองของคุณตาก่อนที่จะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวกันเองได้ ทำให้คุณตาของเธอไว้เนื้อเชื่อใจพ่อในที่สุด
แต่หลังจากนั้น หลินเยว่ทงกอบโกยทั้งคำขอบคุณและเงินทองของคุณตาไปจนเกลี้ยง ทั้งยังยึดบริษัทด้านการบันเทิงที่ทำกำไรให้เขาได้มากที่สุดไปอีกด้วย
ปรากฏว่าคุณตาสูญทั้งงบประมาณและเงินลงทุน ธุรกิจของเขาเองก็ตกอยู่ในช่วงขาลงเช่นกัน กระทั่งในอีกไม่กี่ปีให้หลัง คุณตาก็ล้มละลาย
ตอนนี้คุณตาเหลือเพียงทีมรถแข่งเล็กๆ และเก่าคร่ำครึทีมหนึ่งเท่านั้นที่ยังเป็นชื่อของเขา และเขาจะไม่ยอมเสียทีมนี้ไปเด็ดขาด
ตระกูลเฮ่อหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการแข่งรถมานานราวสองถึงสามชั่วอายุคน แต่หลังจากที่คุณตาของหลินเยียนสามารถกอบโกยเงินจากการแข่งรถได้ เขาก็หันเหความสนใจไปที่ธุรกิจการบันเทิงและด้านอื่นๆ แทน
แต่ถึงกระนั้น ทุกคนต่างรู้ดีว่าการลงทุนไปกับการแข่งรถก็เหมือนการนำเงินไปเททิ้ง หลังจากที่สิ้นเนื้อประดาตัว คุณตาของเธอก็จำต้องลดขนาดทีมแข่งรถที่เคยใหญ่โตและเกรียงไกรลงจนเป็นเพียงแค่ทีมขนาดเล็กที่เขาพอจะดูแลไหว
แม้แต่บรรดาพนักงานที่เคยเป็นลูกจ้างของคุณตาก็พากันสละเรือแล้วหางานทำที่บริษัทอื่นกันทั้งสิ้น ตอนนี้พวกเขาอาจกระโดดเหยียบหัวคุณตาได้แล้วด้วยซ้ำ
หลินเยียนถอนหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อันที่จริงแล้วคุณตาของเธอต้องใช้ชีวิตอย่างดิ้นรน เขายืนกรานที่จะรักษาทีมแข่งรถไว้ให้ได้ตลอดหลายปีมานี้ ใครๆ ก็คงจะเดาออกว่าเขาต้องอดทนกับความยากลำบากมามากขนาดไหน
ส่วนบรรดาญาติฝ่ายแม่ของหลินเยียนก็พากันตั้งแง่กับครอบครัวของหลินเยียน หากหลินเยว่ทงไม่ได้ทรยศต่อเครือญาติ ทั้งคู่ก็คงไม่ถูกรังเกียจเดียดฉันท์เช่นนี้
ด้วยเหตุนี้เอง แม่ของเธอจึงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย
ในช่วงหลายปีให้หลังนี้ คุณตาของเธอใช้ชีวิตแบบเอื่อยเฉื่อยไปวันๆ เขาเริ่มติดต่อแม่ของหลินเยียนเพียงครั้งคราวและไม่เคยชวนกลับไปร่วมโต๊ะที่บ้านอีกเลย
อันที่จริง หลินเยียนได้รับอิทธิพลมาจากคุณตาของเธอเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อเธอลงแข่งในสนามระดับมือโปรเป็นครั้งแรก
เธอจำได้ว่าคุณตามีหนังสือและวิดีโอเกี่ยวกับการแข่งรถมากมายและกระจัดกระจายไปทั่วบ้าน หลินเยียนเองก็ได้โอกาสอ่านและดูมาบ้าง
แต่เธอเก็บเรื่องที่เป็นนักแข่งรถไว้เป็นความลับจากแม่และคุณตา
เดิมทีแล้ว เหตุผลที่ทำให้หลินเยียนไม่เคยบอกคุณตาคือ เธอวางแผนไว้ว่าจะคว้าแชมป์ระดับนานาชาติรายการใหญ่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยนำถ้วยรางวัลไปอวดคุณตาโดยหวังว่าเขาอาจจะยกโทษให้แม่
แต่สุดท้าย…เธอประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในระหว่างแข่งขันเสียงก่อน เคราะห์ดีที่พระเจ้ายังคุ้มครองให้เธอไม่บาดเจ็บที่จุดตาย แต่ถึงกระนั้น ขาของเธอยังคงเจ็บอยู่และยังไม่หายดีเต็มร้อย
และหลังจากนั้น หลินเยียนถูกแบนจากการแข่งขันและเสียชื่อเสียงอย่างหนัก เหตุการณ์นี้ทำให้หลินเยียนมีเหตุผลที่จะไม่บอกเรื่องแข่งรถกับคุณตาของเธอเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง