ตอนที่ 123 มันน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอ
ตัวตัวไม่หลงกลง่ายๆ เธอหรี่ตามองเขม็ง “นามสกุลพี่คือหลิน แล้วของเขาก็คือเผย พวกพี่จะเป็นญาติกันได้ไงไม่ทราบ”
หลินเยียนรีบสวนกลับทันควัน “คนเราจะเป็นญาติกันต้องนามสกุลเดียวกันด้วยหรือไง”
“ก็ใช่แหละ แต่…ทำไมพี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ”
ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หลินเยียนต้องป่าวประกาศให้รู้กันทั้งบางเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองไปแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ตัวตัวจึงรู้สึกได้ว่าหลินเยียนน่าจะโกหก…
ผู้ช่วยสาวหันไปมองจ้าวหงหลิงขณะที่ยังมีท่าทีข้องใจ
เห็นได้ชัดว่าจ้าวหงหลิงเองก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อน แต่ผู้จัดการสาวรู้ดีว่าหลินเยียนไม่เต็มใจที่พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจึงไม่พยายามกดดันแต่อย่างใด
หลินเยียนพูดต่อ “ก็เป็นญาติห่างๆ ไง ห่างแบบ ห่างม้ากกก…มาก…ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะไม่รู้น่ะ และประเด็นคือเขาเป็นคนใจดีมาก เขาเลยช่วยฉัน…”
หลินเยียนคิดว่าเหตุผลนี้ฟังดูเข้าท่าดี และถ้าเธอเลิกกับเผยอวี้เฉิงเมื่อไร เมื่อนั้นเธอกับเผยหนานซวี่ก็จะไม่ได้เป็นญาติกันอีกต่อไป
ตัวตัวดูประหลาดใจมาก “งั้นพี่จะบอกว่า พี่เป็นญาติกับดาราเจ้าของรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม เผยหนานซวี่ เนี่ยนะ สุดยอดเลย!”
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ญาติห่างๆ แต่ก็ยังน่าทึ่งอยู่ดี!
หลินเยียนเม้มปาก “มันน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอ”
ทำไมตัวตัวต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย
ตัวตัวจะรู้ไหมว่าหลินเยียนเป็นพ่อของเผยอวี่ถัง น้องชายคนเล็กของเขาด้วยนะ!
หลินเยียนกับตัวตัวกระซิบกระซาบกันไปมาอยู่ครู่ใหญ่ ทิ้งให้เผยหนานซวี่ยืนรออยู่เงียบๆ อย่างใจเย็น
ในท้ายที่สุด ตัวตัวและจ้าวหงหลิงก็รู้สึกตัวว่าเผยหนานซวี่กำลังรออยู่ ทั้งสองจึงถอยหลังไปสองสามก้าวเพื่อให้เขาได้คุยกับหลินเยียนต่อ
“ห้องน้ำอยู่ที่สุดปลายทางเดิน คุณไปเปลี่ยนชุดในนั้นนะ” เผยหนานซวี่แนะนำ
หลินเยียนค่อนข้างลังเล
เธอรู้สึกกระวนกระวายใจและขวัญเสียเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากเผยหนานซวี่
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเผยอวี้เฉิงยังค่อนข้างซับซ้อนและอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธออย่างสิ้นเชิง
ถ้าหลินเยียนสามารถเลือกได้ เธอก็ไม่อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเผยอวี้เฉิง
เพราะถึงยังไงชีวิตของเธอก็ยังมีค่า…
อีกอย่าง…
เธอต้องขึ้นรถของเผยหนานซวี่ตอนกลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาคนนับไม่ถ้วน…
นี่มัน…ไม่อุกอาจเกินไปหน่อยเหรอ?
หลินเยียนปลุกความกล้าที่มีในตัวและบังคับให้ตัวเองปฏิเสธความหวังดีจากดาราหนุ่ม “ขอบคุณที่พยายามช่วยฉันนะคะรุ่นพี่ แต่ฉันคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป ถ้าแฟนๆ เห็นเราเข้า ฉันคงลบชื่อเสียที่เคยก่อไม่ได้ อีกอย่าง สำหรับฉันน่ะไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ฉันไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของคุณแปดเปื้อนเพียงเพราะฉันหรอกนะคะ
เอางี้ไหมคะ ฉันจะรับชุดนี้ไว้แล้วค่อยหาทางออกทีหลังเอง!”
หลินเยียนรู้สึกภาคภูมิใจที่เธอเพิ่งหาข้อแก้ตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีไหวพริบ
แต่สุดท้าย เผยหนานซวี่กลับจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความนัยบางอย่างก่อนกระซิบกับเธอเบาๆ ว่า “แต่พี่ชายผมรอคุณอยู่ในรถนะ”
หลินเยียนพูดไม่ออก
พี่ชายของเขา…กำลัง…รอเธออยู่ในรถ
แล้วจะให้เธอปฏิเสธได้ยังไงกัน?
ทำไมไม่บอกกันให้เร็วกว่านี้หน่อยล่ะ!
ไม่งั้นก็คงไม่ต้องเค้นหาข้อแก้ตัวเพื่อปฏิเสธความหวังดีให้ปวดหัวแบบนี้หรอก
หลินเยียนทำท่าเหมือนกำลังจะร้องไห้ “อ้อ โอเคค่ะ งั้นฉันจะไปเปลี่ยนชุด”
เผยหนานซวี่หัวเราะเบาๆ “ครับ ตามสบายเลย ผมจะรอ”
ดวงตาของเผยหนานซวี่ส่องแววกังขาขณะมองหญิงสาวที่กำลังกุมผ้าไว้ในมือแน่น ดูราวกับว่าเธอเป็นนางเอกผู้เศร้าโศกซึ่งกำลังเดินไปสู่ความตายเบื้องหน้า
ทำไมเขาจึงรู้สึกว่า…หญิงสาวไม่ได้ตั้งตารอที่จะพบกับพี่ชายของเขา…และดูไม่เหมือนว่าเป็นคนรักกันเลยแม้แต่น้อย
แต่เธอกลับดู…หวาดกลัว?
ตอนที่ 124 รวยฟ้าแลบ
ไม่นานนัก หลินเยียนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดียวกับที่ผู้ช่วยของเผยหนานซวี่กำลังสวมอยู่เสร็จเรียบร้อย
“ผู้อำนวยการจ้าวครับ ผมสัญญาว่าจะส่งคุณหลินถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไม่ต้องห่วงนะครับ” เผยหนานซวี่กล่าว
จ้าวหงหลิงตอบกลับอย่างสุภาพ “ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องรบกวน”
ตัวตัวยืนมองหลินเยียนที่เดินตามเผยหนานซวี่ไปอย่างรวดเร็วจนลับสายตา “พี่หลิงคะ พี่เชื่อที่หลินเยียนพูดจริงๆ เหรอคะ เผยหนานซวี่เป็นญาติห่างๆ? ฉันนึกว่าหลินเยียนแอบชอบเขามาตลอดด้วยซ้ำ ทั้งชื่อทั้งรูปในแอปฯ วีแชทก็เกี่ยวกับเผยหนานซวี่ล้วนๆ!”
จ้าวหงหลิงส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือไม่มีเรื่องความรักมาเอี่ยวหรอก”
หลินเยียนแอบชอบเผยหนานซวี่ก็จริง แต่ดูจากท่าทีของเธอแล้ว จ้าวหงหลิงคิดว่าไม่น่ามีเรื่องความรู้สึกที่ชวนคลุมเครือเข้ามาเกี่ยวข้อง
ตัวตัวไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ที่จริง หลินเยียนก็พูดถูกนะคะ เขาคงแค่อยากจะช่วย…”
…
เผยหนานซวี่เดินนำหลินเยียนและบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งไปยังทางออกซึ่งเป็นทางไปสู่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
อย่างที่เขาว่าไว้ไม่ผิด กองทัพแฟนคลับจำนวนมหาศาลกำลังรออยู่
บรรดาแฟนๆ กรีดร้องกันอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองเห็นเผยหนานซวี่จากระยะไกล
หลินเยียนที่สวมผ้าคาดปากพยายามบังคับให้ตัวเองนิ่งเฉยขณะที่กำลังเดินตามเผยหนานซวี่
หลินเยียนฉุกคิดได้ว่า เผยหนานซวี่จะต้องเผลอเปิดประตูรถให้หลินเยียนตามสัญชาตญาณสุภาพบุรุษอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เธอกำลังปลอมตัวเป็นผู้ช่วยของเขา เธอต้องห้ามไม่ให้เขาทำเช่นนั้น
หลินเยียนรีบรุดไปด้านหน้าเพื่อเปิดประตูอย่างรวดเร็ว จากนั้น เธอเดินไปอีกฟากหนึ่งแล้วขึ้นรถจากประตูด้านนั้น
บอดี้การ์ดขึ้นรถตามพวกหลินเยียนมาในภายหลัง
“พี่ครับ ผมพาเธอมาแล้ว” เผยหนานซวี่รีบพูดเมื่อทุกคนขึ้นรถเรียบร้อย
เผยอวี้เฉิงพึมพำในลำคอเป็นเชิงตอบรับ
เขานั่งอยู่ที่เบาะหลังตั้งแต่แรกแล้ว
ในมือของเผยอวี้เฉิงมีเอกสารกองโต วันนี้เขามาในชุดสูทแบบเป็นทางการ แสงไฟภายในรถค่อนข้างสลัว หลินเยียนจึงมองเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของเขาอย่างไม่ถนัดตานัก แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวได้
ใบหน้าของเขาช่างสมบูรณ์แบบในทุกๆ มุมมอง
เผยอวี้เฉิงดูดีกว่าปกติเมื่อสวมชุดสูทอย่างเป็นทางการซึ่งแตกต่างจากเสื้อผ้าสบายๆ ที่เขาสวมใส่ในเวลาส่วนตัว ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งไปร่วมงานบางอย่างมาเมื่อก่อนหน้านี้ เสื้อเชิ้ตและเนกไทของเขาดูเรียบกริบไร้ที่ติ กระดุมข้อมือแบรนด์บุซเซลาติที่ประดับไปด้วยอัญมณีนั้นดูเรียบง่ายแต่ราคาแพงระยับ แว่นตาแบรนด์โลโทสช่วยเนรมิตให้ใบหน้าของเขาได้รูป ส่วนเสื้อเชิ้ตสีขาวนั้นติดกระดุมไว้อย่างพิถีพิถันไปจนถึงกระดุมเม็ดบนปกคอเสื้อ
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเยียนได้เห็นเผยอวี้เฉิงในชุดเป็นทางการเช่นนี้ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อเพียงแค่มองเขา
เพราะเหตุนี้ แค่รูปถ่ายเบลอๆ เพียงใบเดียวของเขาถึงทำให้พวกผู้หญิงคลั่งได้ถึงขนาดนั้น
และตอนนี้ ชายหนุ่มในรูปถ่ายตัวเป็นๆ กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
ในรถมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง เผยหนานซวี่จึงนั่งที่เบาะฝั่งตรงข้ามเพื่อให้หลินเยียนได้นั่งข้างๆ เผยอวี้เฉิง
หลินเยียนพยายามนั่งให้ตัวติดหน้าต่างมากที่สุดเพื่อเว้นให้เกิดระยะห่างขนาดพอให้อีกคนนั่งระหว่างพวกเขาได้
“คุณเผย…” หลินเยียนกล่าวทักทายเขาอย่างสุภาพและระแวดระวัง
เผยอวี้เฉิงเงยหน้า ดวงตาลึกลับเบื้องหลังแว่นตาคู่นั้นสบเข้ากับตาของเธอ “คุณหลิน”
เสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ราวเสียงเชลโลดังก้องไปทั่วคันรถ หลินเยียนรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าการเรียกชื่อเธออย่างเป็นทางการของเขาจะทำให้เธอสูญเสียการควบคุมตนเอง
ไม่ได้! เธอสาบานไว้แล้วนะว่าจะไม่หลงใครที่หน้าตา! เธอต้องตั้งใจหาเงิน และต้องรวยฟ้าแลบให้ได้!
“เมื่อพระพุทธองค์ทรงออกเดินทางสู่การตรัสรู้ พระองค์ถูกชักนำให้พ้นทุกข์จากความเจ็บปวดทรมานและการเวียนว่ายตายเกิด พระองค์ทรงนั่งสมาธิอย่างแน่วแน่ที่ใต้ต้นโพธิ์ ความจริงนั้นเป็นเพียงภาพหลอน ทุกอย่างไม่มีอยู่จริง ความว่างเปล่าต่างหากคือพิภพแห่งสติ…”
หลินเยียนพึมพำกับตัวเองอยู่หลายหน ทันใดนั้นเองก็มีเสียงสดใสร่าเริงขัดจังหวะขึ้นจากที่นั่งคนขับ พร้อมๆ กับศีรษะของชายหนุ่มที่โผล่ขึ้นมาให้เห็น “พี่สะใภ้ใหญ่!”