ตอนที่ 143 เปลี่ยนยัยผ้าขี้ริ้วให้กลายเป็นอีกคน
มุมปากของเฝิงอันหวากระตุกเล็กน้อยขณะที่อ้าปากค้างมองเว่ยสวีเฟิงด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณชายเว่ยจะรู้สึกกังวลกับความหล่อเหลาของตัวเองได้
เฝิงอันหวายกนิ้วโป้งให้เขาโดยไม่ลังเลใจ “คุณชายเว่ยหล่อสุดๆ อยู่แล้วครับ! คุณดูดีมาก…ไม่ต้องห่วงนะครับ!”
เว่ยสวีเฟิงหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด “เอาไว้พูดทีหลังก็ได้ไหม”
เฝิงอันหวาพูดตะกุกตะกัก “นั่นสิ…ครับ…คราวหน้าผมจะทำอย่างนั้นแน่นอน…ไม่ต้องกังวลนะครับ…”
เฝิงอันหวาเดินนำทางเว่ยสวีเฟิงไปหาหลินเยียน
ชายหนุ่มหายใจถี่รัวและติดขัดในขณะที่ค่อยๆ เดินไปหาดาราสาว
เป็นไปได้ยังไง…เธอดูเหมือนมาก…
จะใช่เธอหรือเปล่านะ?
หลินเยียนถูกเควินบังคับให้อยู่นิ่งๆ เพื่อแต่งหน้าจนเสร็จ เธอเหลือบมองตัวตัวที่อยู่ข้างๆ “เออใช่ ตัวตัว เธอจะบอกอะไรฉันนะ”
ตัวตัวกำลังจะเร่งรุดกลับไปที่ห้องแต่งตัวก่อนหน้านี้ แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะพบกับหลินเยียนที่เปลี่ยนร่างเป็นคนอื่นอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้เสียก่อน
ผู้ช่วยสาวออกจากห้องแต่งตัวมาในระหว่างที่หลินเยียนกำลังแต่งหน้าแต่งตา เธอจึงไม่คิดว่าหลินเยียนจะดูสวยสง่าจนชวนลืมหายใจได้ถึงขนาดนี้!
ตัวตัวจ้องหลินเยียนด้วยความงุนงง เธอลืมไปหมดแล้วว่าจะพูดอะไร
ในที่สุด ตัวตัวก็หลุดจากภวังค์ก่อนจะรีบพูดว่า “พี่เยียน เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่แล้วค่ะ! พอเว่ยสวีเฟิงเขามาถึงปุ๊บ เขาก็บังคับให้ทีมงานอธิบายเรื่องที่พี่ได้รับบทหลินเพียนรั่วปั๊บ ส่วนเจี่ยงซือเฟยกับเฮ่อซานซานเองก็มีเว่ยสวีเฟิงคอยหนุนหลัง ทั้งสองคนขู่ว่าถ้าไม่สั่งให้พี่ถอนตัว พวกเธอจะเป็นฝ่ายถอนตัวเองค่ะ!
ผู้กำกับเจียงพยายามจะช่วยพี่ แต่เว่ยสวีเฟิงทั้งเอาแต่ใจแล้วก็บ้าอำนาจมาก เฝิงอันหวาก็เป็นพวกฉวยโอกาสที่ชอบไหลตามน้ำไปเรื่อย เขาต้องเขี่ยพี่ทิ้งเพื่อเอาใจเว่ยสวีเฟิงแน่นอน เราน่าจะมาถึงทางตันแล้วจริงๆ ค่ะพี่…”
ตัวตัวยังคงพูดต่อไปไม่หยุดหย่อนในขณะที่โปรดิวเซอร์เฝิงเดินมาหาทั้งคู่อย่างกระตือรือร้น เขายิ้มกว้างพลางเบิกตากว้างเมื่อได้เห็นหลินเยียน “ว้าว หลินเยียน คุณสวยมากเลยครับ! คุณดูเหมาะกับบทหลินเพียนรั่วสุดๆ ไปเลย! พวกเรานี่โชคดีจริงๆ ที่ได้นักแสดงชั้นยอดแบบคุณมาร่วมทีม!”
“หือ?” หลินเยียนตกใจเมื่อจู่ๆ เฝิงอันหวาก็เยินยอเธอ “โปรดิวเซอร์เฝิงก็ชมเกินไปค่ะ สไตลิสต์ของคุณต่างหากที่เก่งมาก เขาเปลี่ยนยัยผ้าขี้ริ้วอย่างฉันให้กลายเป็นอีกคนได้…”
มุมปากของเฝิงอันหวากระตุกเล็กน้อยอีกครั้ง ยัยผ้าขี้ริ้ว? มีใครเรียกตัวเองว่ายัยผ้าขี้ริ้วด้วยเหรอ?
“อะแฮ่ม” เว่ยสวีเฟิงกวาดตามองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เขากระแอมเบาๆ เพราะเริ่มจะหมดความอดทน
เฝิงอันหวาคว้าข้อมือของหลินเยียนแล้วดึงเธอมาด้านหน้า “มานี่! หลินเยียน ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับนักแสดงร่วม…”
ความเย่อหยิ่ง ท่าทางยโสน่ารังเกียจ และความหัวรั้นของเว่ยสวีเฟิงได้หายวับไปในวินาทีเดียวกันกับที่เฝิงอันหวากำลังพูด
ชายหนุ่มยืนต่อหน้าหญิงสาวด้วยท่าทางสุภาพ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาส่องประกายแวววาวขณะที่จ้องมองเธอ แม้แต่ศีรษะที่เต็มไปด้วยผมสีแดงสดใสก็ค้อมลงเล็กน้อยอย่างสุภาพเรียบร้อยในทันทีขณะที่เขากล่าวทักทายเธอว่า “สวัสดีครับ ผมเว่ยสวีเฟิง”
เขาคือ…เว่ยสวีเฟิง?
ไหนตัวตัวบอกว่าเขาเป็นคุณชายขี้โมโหเอาแต่ใจ
ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอย่างที่ว่าเลยสักนิดเดียว
แม้ว่าหลินเยียนจะตกใจ แต่เธอก็สามารถตอบกลับไปได้ “สวัสดีค่ะ ฉันหลินเยียนค่ะ”
“หลินเยียน…หลินเยียน…หลินเยียน…” เว่ยสวีเฟิงพึมพำพลางเม้มปากอย่างขวยเขิน เขาส่งยิ้มกว้างให้เธอก่อนพูดว่า “คุณน่าจะแก่กว่าผม ถ้างั้นให้ผมเรียกคุณว่าพี่เยียนนะครับ”
ตอนที่ 144 แหม…ก็เขาเป็นผู้ชาย
พี่เยียน…
หลินเยียนตะลึงงัน
ตัวตัวเองก็ตะลึงไม่แพ้กัน
ผู้ช่วยสาวยืนตัวแข็งทื่อในขณะที่จ้องมองทั้งคู่ด้วยสายตาว่างเปล่า
เกิด…เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมเว่ยสวีเฟิงถึงทำท่าทางอย่างกับเป็นคนละคน
จู่ๆ เจ้าหมาบ้าจอมคลั่งก็กลายเป็นหมาน้อยน่ารักแสนว่าง่ายขึ้นมาซะอย่างนั้น
ถ้าเว่ยสวีเฟิงมีหาง ตอนนี้หางของเขาต้องกำลังสะบัดไปมาอย่างแรงอยู่แน่ๆ!
ตัวตัวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เธอรู้สึกสับสนมาก “เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”
เควินมองเว่ยสวีเฟิงพลางเลิกคิ้วสูง เขาหัวเราะเสียงดังในขณะที่เอ่ยว่า “จะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ แหม…ก็เขาเป็นผู้ชายนี่นะ…”
ตัวตัวพูดไม่ออก
เจี่ยงซือเฟยและเฮ่อซานซานรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าใครๆ
ในวันถ่ายภาพ เจี่ยงซือเฟยตั้งใจทำตัวอืดอาดยืดยาดเพื่อไม่ให้หลินเยียนได้มีโอกาสได้แปลงโฉมเพื่อถ่ายภาพ ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันแรกที่เธอได้เห็นหลินเยียนสวมชุดในบทที่เธอได้รับ
เจี่ยงซือเฟยไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลินเยียนในโฉมใหม่จะดูดีได้ถึงขนาดนี้!
เธอไม่อยากจะยอมรับ แต่เธอเกือบจะคลั่งด้วยความอิจฉาตาร้อนเมื่อได้เห็นหลินเยียนในแวบแรก
เจี่ยงซือเฟยที่มีปมด้อยเรื่องหน้าตามาตลอดรู้สึกราวกับว่าหลินเยียนเป็นมีดที่แทงทะลุหัวใจของเธอ…
แต่ไม่สำคัญว่าหลินเยียนจะสวยแค่ไหน เพราะทุกอย่างได้ดำเนินมาถึงจุดที่สายเกินแก้แล้ว!
เจี่ยงซือเฟยเฝ้าดูโปรดิวเซอร์และเว่ยสวีเฟิงที่เดินตรงไปหาหลินเยียนก่อนจะเดินตามไปบ้าง ส่วนเฮ่อซานซานเองก็ตามติดทุกคนมาด้วยเช่นกันเพื่อที่จะไม่พลาดฉากสำคัญ
เจี่ยงซือเฟยพูดด้วยน้ำเสียงจองหอง “โปรดิวเซอร์เฝิง น่าจะได้เวลาเฉดหัวแม่นี่ออกจากกองถ่ายแล้วนะคะ!”
เฮ่อซานซานพูดแทรกอย่างตั้งอกตั้งใจ “ใช่! โปรดิวเซอร์เฝิงคะ พี่เฟิงเองก็ตกลงกับเรื่องนี้แล้วนะคะ คุณจะเก็บหล่อนไว้ให้ขวางหูขวางตาพี่เฟิงเหรอคะ”
สีหน้าของเว่ยสวีเฟิงที่เคยร่าเริงสดใสพลันมืดมนลงอย่างรวดเร็วในทันทีที่ดาราสาวทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ แต่เขาจำต้องระงับอารมณ์ไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเยียนและส่งสายตาเป็นนัยให้กับเฝิงอันหวาแทน
สายตาที่พร้อมฆ่าคนของเว่ยสวีเฟิงทำให้เฝิงอันหวารู้สึกกลัวราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
เฝิงอันหวารีบลากเจี่ยงซือเฟยและเฮ่อซานซานไปที่อีกมุมหนึ่ง
“โปรดิวเซอร์เฝิงคะ นี่ลากเรามาตรงนี้ทำไม ตกลงจะไล่ยัยนั่นไปตอนไหนกันแน่คะ” เฮ่อซานซานซักถามเขาอย่างเฉียบขาด เธอหมดความอดทนเต็มทีแล้ว
เฮ่อซานซานทึกทักไปเองว่าเว่ยสวีเฟิงได้คุยกับเฝิงอันหวาและเจียงอีหมิงเรื่องสั่งให้หลินเยียนถอนตัวเป็นการส่วนตัวแล้ว แต่พวกเขาอาจจะยังลังเลใจอยู่
“ไล่?” เฝิงอันหวายิ้มเยาะอย่างเย็นชา “ใครบอกว่าหลินเยียนจะไปไหน? พวกเธอน่ะเก็บสมองไว้คิดเรื่องของตัวเองดีกว่า เลิกสอดจมูกเข้ามายุ่งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองซะที”
“นี่คุณ…โปรดิวเซอร์เฝิง! คุณรู้รึเปล่าว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” เฮ่อซานซานของขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเขา
เจี่ยงซือเฟยขมวดคิ้ว “โปรดิวเซอร์เฟิง คิดให้ดีๆ นะคะ หลินเยียนมีค่าพอจะเก็บไว้จริงๆ เหรอคะ”
เฝิงอันหวาที่เพิ่งได้รับคำอนุมัติจากคนหนุนหลังมาหมาดๆ ไม่ได้เป็นกังวลกับดาราสาวทั้งสองเลยแม้แต่น้อย เขามองทั้งคู่พลางเยาะเย้ยว่า “คุณเจี่ยง ผมว่าคุณอย่าขู่กันเลยดีกว่า ขอบอกเลยนะว่าจะให้หาคนมาแทนคุณน่ะมันง่ายซะยิ่งกว่าง่าย แต่ถ้าคุณยังสนใจอยากจะถอนตัวก็เชิญเลย!”
เฝิงอันหวาจ้องมองเฮ่อซานซานด้วยสายตาคมปลาบ “นั่นหมายถึงคุณเฮ่อซานซานด้วยเหมือนกันนะครับ”
เฝิงอันหวาหันหลังแล้วเดินจากไป ทิ้งให้เจี่ยงซือเฟยและเฮ่อซานซานยืนงงเป็นไก่ตาแตก