ตอนที่ 215 ถูกบังคับให้หยุดงานมาวันนี้
“แค่ก…แค่ก…” หลินเยียนสำลักและเผลอพ่นชาออกมา
ใครบางคนรีบเข้ามาลูบหลังเธอเบาๆ ทันที “เป็นอะไรไหม”
“ฉันโอเค…โอเคค่ะ…” หลินเยียนแก้มแดงระเรื่อและรีบถอยออกมาโดยอัตโนมัติ
โชคดีที่เผยอวี้เฉิงรักษาระยะห่างกับเธออีกครั้ง
ในที่สุดหลินเยียนก็สงบสติอารมณ์ได้ “ดีเลยที่ฉันไม่ได้กวนคุณ…”
เผยอวี้เฉิงตอบเธอ “ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยยุ่ง”
หลินเยียนสับสน “ฮะ? แต่ฉันเห็นข่าวเศรษฐกิจของวันนี้พูดถึงเจเอ็ม คอร์เปอเรชันว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปฏิรูปบริษัท ฉันเลยคิดว่าคุณน่าจะยุ่ง…”
เผยอวี้เฉิงเป็นนักสังเกตการณ์ที่เฉียบแหลม เขาเลยชะงักไปเมื่อสังเกตเห็นน้ำเสียงของหลินเยียน “คุณหลิน คุณดู…ผิดหวัง?”
หลินเยียนสะดุ้งโหยงและรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ทำไมฉันต้องผิดหวังด้วยล่ะคะ ฉันต้องมีความสุขสิที่คุณไม่ยุ่ง!”
เธอซดชาลงคออีกอึกใหญ่
เธอติดนิสัยชอบยัดอะไรที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากทุกครั้งที่เธอรู้สึกผิด
โกหกเผยอวี้เฉิงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด สายตาของเขาเหมือนมีพลังทะลุทะลวงจิตวิญญาณและจิตใจของคนคนหนึ่งได้เลย
โชคดีที่เผยอวี้เฉิงไม่ได้ซักอะไรเธอต่อ เขาหยิบเมนูอาหารขึ้นมาและถาม “เธออยากกินอะไร”
“ฉันกินอะไรก็ได้ค่ะ คุณเลือกเลย” หลินเยียนตอบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“งั้นก็ได้”
เผยอวี้เฉิงสั่งอาหารให้ทั้งเขาและเธอ
หลินเยียนนั่งจิบชานิ่งเงียบ
“นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่คุณหลินชวนผมออกมาข้างนอก” เผยอวี้เฉิงพูดขึ้น
อันที่จริงเธอไม่…
เธอถูกบังคับให้หยุดงานมาวันนี้…
เธอและเขากำลังสนทนากันอย่างสุภาพตอนที่โทรศัพท์ของหลินเยียนแจ้งเตือนข้อความจากวีแชท
หลินเยียนเหลือบมองหน้าจอและเห็นข้อความจากตัวตัว
เธอกดเข้าไปดูกังวลว่าจะเกี่ยวกับเรื่องงาน
ตัวตัวส่งลิงก์ข่าวๆ หนึ่งมาพร้อมรูปภาพภาพหนึ่ง
เธอกดเข้าไปอ่านโดยไม่คิดอะไรและเห็นหน้าของหันอี้เซวียนและตัวเธอเอง
ก่อนหน้านี้มีใครบางคนแอบถ่ายภาพเธอและหันอี้เซวียนที่ตรงทางเดินเอาไว้ รูปนี้ถูกแชร์ว่อนโลกออนไลน์
ที่น่าโมโหที่สุดคือเขาและเธอต่างอยู่กับผู้ช่วย แต่คนที่เอารูปลงโซเชียลตั้งใจตัดผู้ช่วยสองคนออกเหลือไว้แต่เพียงรูปของหันอี้เซวียนและหลินเยียน
รูปนี้เลยดูเหมือนอยู่กันสองต่อสอง คนอื่นที่มาเห็นรูปนี้เข้าจะตีความไปยังไงก็ได้แล้วแต่จะคิด
ที่ร้ายแรงกว่าก็คือ…หลินเยียนเปิดดูรูปนี้ทั้งๆ ที่เผยอวี้เฉิงอยู่ใกล้ๆ
สายตาของเผยอวี้เฉิงหันไปมองที่รูปก่อนจะเหลือบไปมองเวลาที่รูปนี้ถ่ายขึ้น
ภาพนี้ถ่ายก่อนเวลานัดเดตของเขากับหลินเยียนไม่นาน
ก่อนที่เธอจะมาเจอแฟน เธอไปเจอแฟนเก่ามาก่อน…
หลินเยียนไม่แม้แต่จะกล้าประดิษฐ์คำโกหกเพื่อปลอบใจตัวเอง
เธอรีบเก็บมือถือและอธิบาย “ฉันบังเอิญเจอหันอี้เซวียนตอนที่ทำงานเสร็จและกำลังจะออกมา ผู้ช่วยเราสองคนก็อยู่ตรงนั้นด้วยค่ะ แต่มีคนตั้งใจตัดต่อรูปให้เหลือสองคน…”
เผยอวี้เฉิงนั่งเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิด
ความเงียบประจวบกับความมืดทำให้หลินเยียนรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอันตรายและความน่ากลัวกำลังคืบคลานเข้ามาหาเธอ
แต่จู่ๆ ความรู้สึกเหล่านั้นก็พลันมลายหายไป
ผ่านมาครู่ใหญ่เผยอวี้เฉิงก็จุดบุหรี่ขึ้นสูบ เขาเป็นคนทำลายความเงียบในที่สุดด้วยการถามเธอ “ทำไมเธอถึงชอบหันอี้เซวียน”
ตอนที่ 216 ฉันต้องบอกความจริงกับคุณ
ในเวลานี้เผยอวี้เฉิงทำตัวราวกับเป็นภรรยาที่กำลังสอบสวนสามีที่แอบไปมีเมียน้อย หลินเยียนรู้สึกผิดอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เธอเคยอธิบายเผยอวี้เฉิงว่าความสัมพันธ์ของเธอกับหันอี้เซวียนได้จบลงไปแล้วก่อนที่เธอจะมาเจอเขา…
ความรู้สึกกลัวและหวาดหวั่นที่คุ้นเคยเหมือนถูกสลักเข้าไปในกระดูกของเธอ…
เกิดอะไรขึ้น
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ช่างอ่อนโยนเสียจนเขาถือว่าเป็นแฟนที่สมบูรณ์แบบ ทำไมเธอถึงรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเมื่ออยู่กับเขา
อันที่จริงนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เธออยากจะเลิก…
การที่เธอถูกถ่ายภาพกับหันอี้เซวียนในวันนี้เตือนให้เธอรู้ว่าการแอบตามพวกเธอเป็นเรื่องง่ายมาก การคบกับเผยอวี้เฉิงต่อไปคงเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป
หากมีใครออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์ของเขากับเธอขึ้นมา ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
เรื่องนี้ก็ผ่านมานานแล้วและเธอรู้สึกไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ‘ตัวตนอีกคน’ ของเธอไม่ได้ปรากฏขึ้นมา เพราะงั้นเธอคิดว่าเธอน่าจะไหว …
หลินเยียนมัวแต่จมอยู่ในความคิดของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่จะเลิกกับเผยอวี้เฉิงจนเธอไม่ได้สังเกตรอยร้าวบนถ้วยชาของอีกฝ่ายหรือจะเป็นสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามและโทสะ…
เธอจ้องชายที่อยู่ตรงหน้าและจู่ๆ ก็รู้สึกว่าเธอช่างเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและจอมปลอมที่สุด
เธอปัดความรับผิดชอบและโบ้ยความผิดไปให้ ‘ตัวตนอีกคน’ ของเธอทั้งหมด เธอโกหกเผยอวี้เฉิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
เขาช่างเป็นคนที่สุภาพและมีเหตุผล เธอแค่ต้องบอกความจริงกับเขา ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาคอยระแวดระวังและกลัวอะไรอีกต่อไป
ครั้งนี้หลินเยียนไม่ได้ปั้นเรื่องโกหกอะไรอีก เธอรำลึกถึงอดีตและตอบ “ความรักไม่มีเหตุผล ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นที่คนคนหนึ่งจะชอบคนอีกคนหนึ่ง
ฉันจำเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตหลายอย่างไม่ได้ ฉันจำได้เพียงหันอี้เซวียนพูดบอกอย่างกับฉัน เขาสารภาพว่าเขาชอบที่ฉันดูไม่กังวลกับอะไรและมีความสุข นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเลือกที่จะอยู่กับเขา…”
ชายหนุ่มเอนกลับไปนั่งพิงเก้าอี้และพูดตอบเธอ “ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณที่จะลืมและตกหลุมรักใครสักคน คุณหลิน…”
เป็นเรื่องง่าย?
เธอไม่ใช่คนที่ตกหลุมรักใครก็ได้ง่ายๆ!
หลินเยียนสูดหายใจลึกและจ้องเผยอวี้เฉิง จากนั้นเธอรวบรวมความกล้าเพื่อบอกความจริงกับเขา “คุณเผยคะ มีบางอย่างที่ฉันต้องบอกความจริงกับคุณ อันที่จริงฉันเคยบอกเรื่องนี้กับคุณมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่คุณไม่ได้เชื่อฉันจริงๆ ฉันมีตัวตนอีกตัวตนหนึ่งอยู่ในร่างและฉันควบคุมมันไม่ได้”
หลินเยียนเรียบเรียงความคิดก่อนจะพูดต่อ “ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาในคฤหาสน์ของคุณ นั่นไม่ใช่ตัวฉันจริงๆ ครั้งที่สองที่ฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล นั่นก็ไม่ใช่ตัวฉันอีก ครั้งก่อนที่ฉันล้มไปทับคุณโดยบังเอิญ นั้นก็ไม่ใช่ฉัน…
ณ เวลานั้นร่างของฉันโดนตัวตนอีกตัวตนหนึ่งครอบงำ ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้แต่ว่าคุณไม่เชื่อคำพูดของฉัน เพราะงั้นฉันเลยไม่มีทางเลือกนอกจากโกหกคุณ…”
ครั้งนี้เผยอวี้เฉิงแสดงท่าทีต่างออกไป เขาไม่ได้พูดเล่นหรือหยอกล้อเธอ เขาทำเพียงแต่นั่งเงียบซึ่งนั่นทำให้หลินเยียนรู้สึกอึดอัด
“จริงเหรอ อะไรที่เธอโกหกฉัน” เผยอวี้เฉิงถาม
หลินเยียนสังเกตท่าทางเขา เขาดูค่อนข้างโมโห
หรือเธอคิดมากไปเองนะ
แต่ถ้าหากเป็นอย่างที่เธอคิดจริง เธอก็ไม่เห็นต้องไปกลุ้มหรือกังวลอะไรให้มันมากเกินไปนี่ เพราะถ้าเธอรู้ตัว เธอคงไม่ต้องมาพัวพันกับเรื่องยุ่งยากพวกนี้หรอก…