ตอนที่ 227 จะรื้อบ้านกันอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามขณะนี้เองซิงเฉินซึ่งนั่งกินอมยิ้มอย่างสงบอยู่บนโซฟาก็เคลื่อนไหวขึ้นมาทันที
ปัง
ร่างกายจี้หลานกลับถูกซิงเฉินเตะลอยกระเด็นออกไปพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เห็นเพียงซิงเฉินผู้มีผมสีขาวหยักศกเล็กน้อยทั้งศีรษะสองมือสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง เหลือบมองจี้หลานซึ่งถูกตนถีบลอยออกไปอย่างเย็นชาเท่านั้น “ยังจะต่ออีกไหม”
“แหม เสี่ยวซิงเฉินโมโหแล้ว” ฉินฮวนที่อยู่ไม่ไกลนักโยนลูกเต๋าลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ
“ซิงเฉิน นายทำอะไรน่ะ?!” จี้หลานจ้องซิงเฉิน ตวาดด้วยเสียงเย็นชา
“กำลังช่วยเธอ” ซิงเฉินตอบอย่างเย็นชา
คนอื่นมองไม่เห็น แต่ซิงเฉินกลับเห็นอย่างชัดเจน ถ้าเขาไม่ได้ถีบจี้หลานให้กระเด็น กลัวว่าคอของจี้หลานคงถูกผู้หญิงคนนี้บีบจนแหลกไปตั้งนานแล้ว ทว่าตัวจี้หลานกลับไม่รู้เรื่องเลย ช่างตลกเสียจริง
แม้แต่เผยอวี่ถังที่อยู่ด้านข้างก็ยังรู้ หลินเยียนซึ่งปกติดูน่ารักและอ่อนหวาน กระทั่งว่ายังขี้กลัวอยู่บ้าง ความรู้สึกที่มีให้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
“เหอะ ช่วยฉัน? นายนึกว่าลูกพี่ถูกใจมันจริงเหรอ? มันก็แค่สเตบิไลเซอร์เท่านั้นเอง” จี้หลานเย้ยหยัน
จี้หลานไม่รู้ความนัยของซิงเฉิน แค่นึกว่าความหมายของซิงเฉินก็คือถ้าตัวเองทำให้นังผู้หญิงคนนั้นได้รับบาดเจ็บ ลูกพี่ก็จะไม่ละเว้นเธอ
“ปัญญาอ่อน” ซิงเฉินยักไหล่ทั้งสองข้าง “ตามใจเธอ ทำต่อไปเถอะ”
พอพูดจบ ซิงเฉินก็กลับไปนั่งอยู่ไกลๆ
ไม่นานนักจี้หลานคนนั้นก็ลุกขึ้นมาใหม่ รุกคืบเข้าหาหลินเยียน
ตอนนี้หลินเยียนมองดูจี้หลาน พยายามทำให้ตัวเองไม่สูญเสียการควบคุมอย่างสุดกำลัง ถ้าหากเธอสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง…
หลินเยียนรู้มาตลอดว่าพละกำลังของตัวเองมากว่าคนธรรมดา เพียงแต่หลายปีนี้เธอใช้งานน้อยสุดๆ แถมยังไม่อยากจะใช้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ยังน่ากลัวและสุดโต่งยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก
ไอสังหารบนใบหน้าจี้หลานรุนแรงมากยิ่งขึ้น ปากพูดพึมพำ “ตอนนี้ในเมื่อมันไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแม้แต่สเตบิไลเซอร์แล้ว จะเก็บเอาไว้ก็ไร้ความหมาย ตอนนี้มันรังแต่จะทำให้ลูกพี่สูญเสียการควบคุมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น! มันไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่เคียงข้างลูกพี่เลย มันไม่คู่ควร…”
จี้หลานไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่เธอพูดอยู่นั้น บนบันไดที่อยู่ข้างหลังเธอ มีคนผู้หนึ่งกำลังเดินย่ำลงมาจากความมืด
“พี่…พี่อวี้…” เนื่องจากฉินฮวนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ดังนั้นจึงมองเห็นเผยอวี้เฉิงปรากฎตัวเป็นคนแรก
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินฮวน ความหวาดกลัวพลันแผ่ขยายบนใบหน้าจี้หลาน เธอหันกลับไปโดยอัตโนมัติ
ชั่วพริบตาที่เธอหันกลับไป เผยอวี้เฉิงกลับเคลื่อนไหวทันที
เห็นฝ่ามือของเผยอวี้เฉิงวางลงบนบ่าซ้ายจี้หลานเบาๆ เท่านั้น
วินาทีต่อมาทุกคนเห็นเพียงร่างกายของจี้หลานถูกสะบัดให้ลอยออกไปราวกับว่าว กระแทกกับตู้เก็บเหล้าซึ่งทำมาจากกระจกที่อยู่ด้านข้างอย่างรุนแรง
ตู้เก็บเหล้ากระจกล้มเสียงดังครืน ตู้รวมถึงเหล้าที่อยู่ข้างในแตกกระจายทั้งหมด
สถานที่ระเนระนาดไปหมด แม้แต่ราวบันไดก็ยังถูกกระแทกจนล้มเพราะแรงปะทะอันมหาศาล…
เมื่อเสียงแตกกระจายดังสนั่นหวั่นไหวผ่านพ้นไป ภายในห้องพิเศษก็เงียบสงัด ทุกคนต่างมองชายที่อยู่ตรงบันไดอย่างเงียบกริบ
แต่เดิมก็เป็นห้องพิเศษที่ระเนระนาดอยู่แล้ว ตอนนี้จึงยิ่งเละเทะเข้าไปใหญ่ แทบจะไม่ต่างจากซากปรักหักพัง…
เผยอวี่ถังหน้าเบ้ จะรื้อบ้านกันอีกแล้ว…
นี่จะทำยังไงกันดี!
เดิมทีนึกว่าพอพี่สะใภ้ใหญ่มาแล้วจะโอ๋พี่ใหญ่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะเป็นคนใจร้อนขนาดนี้
ตอนนี้สองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน ยังไม่ใช่ดาวอังคารพุ่งชนโลกอีกเหรอ?
จี้หลานล้มอยู่บนพื้นด้วยสภาพดูไม่จืด จากนั้นก็ตะกายขึ้นมาทันทีโดยไม่แยแสต่อความเจ็บปวดเพราะกระดูกบนตัวหักแม้แต่น้อย คุกเข่าข้างเดียวอยู่ตรงหน้าเผยอวี้เฉิงด้วยความเคารพนบนอบ “พี่อวี้…”
ตอนที่ 228 จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
เผยอวี้เฉิงไม่แม้แต่จะรั้งเศษเสี้ยวของสายตาไว้บนร่างจี้หลาน นับตั้งแต่ปรากฏตัว สายตาก็อยู่บนร่างหลินเยียนมาตลอด
หลินเยียนเห็นว่าในที่สุดเผยอวี้เฉิงก็ปรากฏตัวเสียที เธอกำมือที่วางอยู่ข้างลำตัวแน่น
ชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เส้นผมซึ่งยุ่งเหยิงเล็กน้อยให้ความรู้สึกอันงดงาม แว่นตากรอบทองฉายประกายเย็นเยียบ
ปราศจากความอบอุ่นที่มียามปกติโดยสิ้นเชิง ณ ก้นบึ้งของดวงตาคู่นั้นราวกับถ้ำอันมืดมิดที่มองไม่เห็นที่สิ้นสุด ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
ไม่
บางที นี่อาจเป็นเผยอวี้เฉิงตัวจริงก็ได้…
ชั่วพริบตาที่เผยอวี้เฉิงปรากฏตัว ในห้องก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากอีก ทุกคนถอยห่างออกไปเล็กน้อย ไม่กล้าหายใจแรง
เผยอวี้เฉิงเดินลงบันไดอย่างแช่มช้า หลุบตา พลางจัดปลายแขนเสื้อด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา มองหญิงสาวที่ดวงตาเต็มไปด้วยด้วยเพลิงโทสะซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่ง “คิดเสร็จแล้ว?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเผยอวี้เฉิง หลินเยียนก็ขมวดคิ้วมุ่น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ขึ้นมาครั้งหนึ่ง มือทั้งสองข้างของหลินเยียนฟาดลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างเผยอวี้เฉิง
เมื่อเห็นหลินเยียนระเบิดโทสะแบบนี้ เผยอวี่ถังกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร นี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ
สเตบิไลเซอร์ที่พูดกันไว้ล่ะ?!
โต๊ะที่อยู่ข้างตัวพี่ใหญ่เกือบถูกเธอฟาดจนแหลกแล้วนะ!
ในความทรงจำของเผยอวี่ถัง เหมือนจะไม่เคยมีใครกล้าพูดจากับพี่ใหญ่ ทั้งยังกล้าตบโต๊ะใส่พี่ใหญ่แบบนี้เลย!
นี่จะต้องเกิดเรื่อง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อ๊ากกก!
เผยอวี้เฉิงนั่งลงบนโซฟา ออร่าเย็นเยียบจนถึงขีดสุด แม้แต่ฉินฮวนกับซิงเฉินที่อยู่ใกล้ก็ยังได้กลิ่นที่อันตรายสุดๆ
หน้าผากของสองคนมีเหงื่อเย็นซึมออกมา ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันทันที
หลินเยียนถลึงตาใส่เผยอวี้เฉิงด้วยท่าทีดุดัน “อย่าพูดไร้สาระ ฉันมีเรื่องจะถามนาย!”
“ถาม” ชายหนุ่มเอ่ยปากพูด
หลินเยียนหรี่ตาทั้งสองข้าง “บ้านแม่ฉัน บริษัทคุณอาเซี่ย ยังมีคุณตาฉันอีก… นายทำหมดเลยใช่ไหม”
เผยอวี้เฉิงไม่ปฏิเสธ ตรงข้าม กลับผงกศีรษะทันที “ใช่”
หมัดที่กำจนแน่นทั้งคู่ของหลินเยียนพลันบีบรัดอีกครั้ง เธอส่งเสียงเย้ยหยันออกมาทันที “ดังนั้นนี่ก็คือคำว่าฉันจะต้องตกลงที่นายหมายถึง?”
“เธอต้องตกลง” ชายหนุ่มใช้น้ำเสียงมั่นใจเต็มที่
พอพูดจบ ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยความอันตรายสุดๆ คู่หนึ่งก็ประสานกับดวงตาหลินเยียน
หลินเยียนสูดลมหายใจลึก ฝืนสะกดเพลิงโทสะที่มีอยู่ภายในใจ คิดจะสื่อสารกับเผยอวี้เฉิงดีๆ “ต้องทำยังไงนายถึงจะยอมปล่อยคนที่บ้านฉันไป”
“เธอรู้ว่าควรทำยังไง” เผยอวี้เฉิงมองเธอด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ถ้าหลินเยียนไม่ได้อารมณ์พลุ่งพล่านแบบนี้ บางทีอาจรู้ว่าที่จริงแล้วสภาวะของชายหนุ่มขณะนี้ผิดปกติมาก
พอหลินเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็ส่งเสียงเย้ยหยันออกมาทันที นึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของเด็กสาวชุดดำคนนั้น อยู่ข้างกายเผยอวี้เฉิง เชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างของเขา
“ทำยังไง เป็นนกขมิ้นของนายแต่โดยดีหรือว่าข้าทาสกันล่ะ? ต้องฟังแต่คำสั่งนายเท่านั้น?”
หลินเยียนจ้องชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงปราศจากความอบอุ่นแม้แต่น้อย พูดเน้นออกมาทีละคำ “งั้นก็ต้องขอโทษจริงๆ คุณเผยคงไม่ค่อยเข้าใจฉันสักเท่าไหร่ ฉันคนนี้เป็นก้อนหินเน่า ดื้อดึงไม่ฟังใคร เรื่องที่เกลียดมากที่สุดก็คือถูกคนขู่เข็ญ อย่างมากก็เป็นหยกศิลาล้วนแหลกลาญ!”
ชั่วพริบตาที่คำพูดของหญิงสาวหลุดออกมา ดวงตาจักรกลซึ่งนิ่งสงบดั่งสายน้ำของเผยอวี้เฉิงพลันเกิดระลอกคลื่นขึ้นมาทันที
และขณะเดียวกัน นาฬิกาสีเงินที่อยู่บนข้อมือชายหนุ่มก็เริ่มส่งเสียงดัง ‘ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด’
“แม่เจ้า…จะจบเห่กันแล้ว…” เมื่อได้ยินเสียงร้องเตือน ฉินฮวนก็หน้าถอดสีทันที
คนอื่นต่างมีสีหน้าลนลานเช่นเดียวกัน
เผยอวี่ถังร้อนใจจนเดินวนไปเวียนมา “ทำยังไงดี ทำยังไงดี พวกนายรีบคิดหาวิธีเข้าสิ!”