ตอนที่ 249 อย่าเข้ามานะ!
“กะกะกะ…แก…เป็นแก!” ชายหน้าบากชี้ไปที่หลินเยียนด้วยใบหน้าเปี่ยมล้นด้วยความหวาดกลัว สองมือยันพื้น สองขาเหยียดไปข้างหน้า ตะกายถอยไปข้างหลัง แค้นใจที่พ่อแม่ไม่ให้ขาตัวเองเพิ่มมากกว่านี้สักหลายขา
“ตามเกาะแจไม่ยอมปล่อย!”
ดวงตาหลินเยียนฉายประกายเย็นเยียบเล็กน้อย ไม่ให้โอกาสชายหน้าบากเอ่ยปากต่อไป พุ่งขยับวูบเข้าหาทั้งตัว ยกขาข้างหนึ่งแล้วสะบัดฟาดใส่หน้าชายหน้าบากอย่างรุนแรง
ชายหน้าบากถูกหลินเยียนใช้ขาเตะลอยกระเด็นทันที ร่างกายเหมือนลูกข่าง กลิ้งไปถึงปลายเท้าหัวหน้าทันที
ไม่ทันได้ร้องด้วยความเจ็บปวด ชายหน้าบากมองหัวหน้าและคนในทีมด้วยความหวาดกลัวพลางรีบพูดขึ้นมาว่า “รีบหนีไปสิ นังผู้หญิงนั่นจงใจขวางพวกเราอยู่ตรงนี้ มันจะฆ่าพวกเรา!”
“หา?!”
พอชายหน้าบากพูดจบ สีหน้าของทุกคนรวมถึงหัวหน้าก็เปลี่ยนไป
ทันใดนั้นทุกคนต่างมองไปข้างหน้าตามสายตาของชายหน้าบาก
“อย่าเข้ามา! แกอย่าเข้ามานะ!” ชายหน้าบากจ้องหลินเยียนที่เพลิงโทสะเดือดพล่าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
หลินเยียน“…”
เกิดอะไรขึ้น?
เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนจำนวนมากอย่างพวกเขาอยู่แล้ว คนที่ควรกลัวควรหนีไม่ใช่ตัวเธอเองเหรอ?
เมื่อวิเคราะห์ตามหลักเหตุและผล เจ้าพวกนี้ต้องตามหาเธอและจับตัวเธอกลับไปไม่ใช่หรือไง?
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินเยียนไม่เข้าใจก็คือตอนนี้พอคนพวกนี้เห็นเธอกลับทำเหมือนเห็นผีเสียอย่างนั้น
โกรธเกรี้ยว อับอาย หวั่นกลัว ลนลาน…
สีหน้าของคนพวกนี้ต่างมีอารมณ์สับสนปนเปกันไปหมด
หลินเยียนเดินไปข้างหน้าเพื่อดูลาดเลาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
ผลก็คือพอหลินเยียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ชายหนุ่มหญิงสาวกลุ่มนั้นก็ถอยหลังไปอีกหลายก้าว
“แกจะทำอะไร แกจะเอายังไง!” หญิงสาวในกลุ่มเมื่อเห็นหลินเยียนเดินมาข้างหน้าจึงพูดด้วยน้ำเสียงซึ่งเกือบจะเหมือนการกรีดร้อง
“พวกแกเป็นใครกันแน่” หลินเยียนมองคนที่อยู่ข้างหน้า ตวาดด้วยเสียงเย็นชา
เธอไม่รู้จักพวกเขาแม้แต่น้อย แต่คนพวกนี้กลับลงมือกับเธอ แถมยังใช้ตาข่ายไฟฟ้าจับเธอจนเกือบจะทำให้ไฟฟ้าช็อตเธอตายอีกด้วย
ถึงจะบอกว่าหลินเยียนจำไม่ได้ว่าเรื่องต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่อาจเป็นเพราะตาข่ายไฟฟ้าเลยทำให้ตัวเองเสียการควบคุมจนหนีออกมาได้
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้กลับยังไล่ตามมาอีก
ตัวเองมีค่ามากขนาดนั้นเลยหรือ?
ตอนนี้เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเยียน แต่ละคนต่างรู้สึกผะอืดผะอมราวกับกลืนแมลงวันลงไป
ซ้อมพวกเขาแต่ละคนจนน่วมที่หาดทราย แถมยังเกือบฆ่าพวกเขาอีกด้วย…
ไม่ใช่แค่นี้ ยังจะมาขวางทางไปของพวกเขาอยู่ที่สถานที่บ้าบอนี่อีก นี่ไม่คิดจะให้ทางรอดกับพวกเขาเลยหรือไง ตอนนี้ยัยโรคจิตนี่ยังจะมีหน้ามาถามพวกเขาอีกว่าจะเอายังไง?!
พวกเขาจะเอายังไง? ก็อยากให้พ่อแม่ตัวเองให้ขาพวกเขาเพิ่มอีกหลายข้าง จะได้ให้พวกเขาวิ่งได้เร็วกว่านี้สักหน่อยไง โอเคไหม?!
“อย่าเข้ามานะ! ถ้าแกเข้ามาอีก…พวกเราจะ…ไม่เกรงใจแล้ว!”
หน้าผากชายหน้าบากมีเหงื่อเย็นซึมออกมา มองไปทางหลินเยียนพร้อมตวาดเสียงดัง
“เกรงใจ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายหน้าบาก หลินเยียนก็หัวเราะ
พวกเขาเคยเกรงใจกันด้วยเหรอ
เพียงแต่การแสดงออกของคนพวกนี้ในตอนนี้ กลับทำให้หลินเยียนจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ทำตัวดุร้ายเสียเหลือเกิน เอะอะสู้เอะอะฆ่า ตอนนี้พอเห็นเธอกลับเหมือนเห็นพญายมอย่างนั้น
หรือว่าก่อนหน้านี้ควบคุมตัวเองไม่ได้ สูญเสียสติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิง?
“เข้าใจผิด แกยืนอยู่ตรงนั้นก่อนอย่าขยับนะใช่ๆๆ อยู่ห่างจากพวกเราเท่านี้ ฉันจะอธิบายแกเองทั้งหมดนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน…” ชายผู้เป็นหัวหน้าตะโกนเสียงดังใส่หลินเยียนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
“อ้อ?” หลินเยียนจ้องชายผู้เป็นหัวหน้า กล่าวระคนยิ้มด้วยเสียงเย็นชา “แกลองว่ามาซิ เข้าใจผิดยังไง”
ตอนที่ 250 พวกเราขอโทษ!
ถึงจะบอกว่าหลินเยียนไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรกันแน่ เพียงแต่พอเห็นท่าทีของคนพวกนี้ที่เวลานี้เหมือนจะหวาดกลัวตัวเธออย่างมาก
หลินเยียนรู้สึกสงสัยบ้างเช่นกัน ทุกครั้งที่สูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง เมื่อเธอได้สติกลับมาจะหลงเหลือความทรงจำอยู่เล็กน้อย แต่ครั้งนี้กลับไม่เหลือภาพความทรงจำใดๆ เลย เมื่อวิเคราะห์จากเหตุผลปละประสบการณ์ เธอไม่ควรสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิงถึงจะถูก
แต่…ถ้าไม่ได้สูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง ด้วยความสามารถของคนพวกนี้ โดยเฉพาะเจ้าคนที่เป็นหัวหน้าทีมคนนั้น ทำไมต้องกลัวเธอมากขนาดนี้
“ที่จริง…พวกเราตามผิดคน คนที่ตามหาอยู่ไม่ใช่คุณ… พวกเราขอโทษ คุณโอเคไหม?” ชายผู้เป็นหัวหน้าจ้องมองหลินเยียน แอบกัดฟันกรอด ทว่าเปลือกนอกกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เข้าใจผิด?”
หลินเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาเห็นเธอเป็นไอ้โง่รึไง
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้ความทรงจำของเธอจะขาดช่วง นึกไม่ออกเลยแม้แต่น้อยก็ตาม แต่เรื่องก่อนหน้านั้น เธอไม่ได้ลืม
ใช้เครื่องตรวจจับบ้าบออะไรมาตรวจว่าตัวเธออยู่เลเวล F แถมยังจะจับตัวเธอไปเพื่อแลกเงินอีก
เพียงแต่จากท่าทีของคนพวกนี้ในเวลานี้ บางทีเธออาจถามจนได้อะไรบางอย่างมาก็ได้
ชายผู้เป็นหัวหน้ากำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าหลินเยียนกลับพูดด้วยสีหน้ารำคาญ “อย่ามาพูดจาไร้สาระกับฉัน ฉันขอถามแก น้องชายฉันอยู่ที่ไหน”
“หา?”
เมื่อหลินเยียนพูดจบ คนที่อยู่ตรงนั้นต่างนิ่งอึ้งไป
น้องชายเธออยู่ที่ไหน
น้องชายเธออยู่ที่ไหนกันแน่
แล้วใครจะไปรู้จักน้องชายของผู้หญิงที่เหมือนสัตว์ประหลาดกันเล่า!
อย่าว่าแต่น้องชายของเธอเลย แม้แต่เธอเป็นใคร พวกเขาก็ยังไม่รู้ โอเคไหม!
“คุณผู้หญิง พวกเราไม่รู้จักน้องชายคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่ไม่รู้จักน้องชายคุณ แม้แต่คุณเป็นใครพวกเราก็ยังไม่รู้เลย” ชายผู้เป็นหัวหน้าจ้องมองหลินเยียน รีบเอ่ยปากตอบ
ผู้หญิงคนนี้มีความน่ากลัวมากแค่ไหน พวกเขารับรู้ได้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาแค่อยากรักษาชีวิตของตัวเองไว้เท่านั้น
“ไม่รู้จักฉัน?” หลินเยียนกวาดตามองพวกเขา กล่าวเยาะเย้ยออกมาว่า “เห็นฉันโง่จริงๆ อย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ๆๆ คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ถ้าพวกเรามีใครรู้จักน้องชายคุณ หรือว่าจับตัวน้องชายคุณไป ขอให้พวกเราถูกฟ้าผ่าตาย!” ชายหน้าบากรีบพูดขึ้นมา
“พวกนายจับตัวน้องชายฉันไป?” หลินเยียนสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ชายหน้าบาก “…”
หัวหน้าทีม “…”
ยัยผู้หญิงโรคจิตคนนี้ใช้หูเลือกฟังคำพูดคนอื่นหรือไง!
ใครเขาจะไปจับตัวน้องชายแกกันล่ะเฟ้ย
“พวกแกเป็นใครกันแน่ ก่อนหน้านี้ทำไมต้องโจมตีฉัน” หลินเยียนมองคนทั้งหลายพร้อมถามต่อ
“พวกเรา…”
ชายหน้าบากกำลังจะพูด แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากสีหน้าก็เปลี่ยนเล็กน้อย เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงรีบหุบปาก ไม่พูดอะไรอีกแม้แต่ครึ่งคำ
“หนี!”
ชายผู้เป็นหัวหน้าจับจ้องหลินเยียน กัดฟันกรอด ตวาดเสียงดังใส่ทุกคนทันที
ชั่วเสี้ยววินาทีนั้น หนุ่มสาวทั้งหลายแทบจะเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรียงกัน ชักเท้าแล้ววิ่งไปด้านหลัง
เมื่อเห็นรูปการณ์ หลินเยียนจึงคิดจะไล่กวดไปตามสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ดีขณะที่เพิ่งจะชักเท้า กลับรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างขึ้นมาอีก
ถ้าตัวเองไล่ตามไปจริง…เจ้าพวกนั้นมีคนเยอะเสียขนาดนั้น แถมยังมีตาข่ายไฟฟ้าอีก ตัวเธอสู้ไม่ได้หรอก!
มิหนำซ้ำแม้แต่เจ้าพวกนั้นเป็นใครเธอก็ยังไม่รู้แน่ชัด หากบุ่มบ่ามไล่ตามไป นั่นไม่ใช่การกระทำที่มีสติแน่
สุนัขจนตรอกยังกระโดดข้ามกำแพงได้ นับประสาอะไรกับคน
ด้วยความจนใจ หลินเยียนจึงได้แต่มองดูคนกลุ่มนั้นหนีจากที่นี่ไปตาปริบๆ
……
หลังจากพักผ่อนไปครู่หนึ่ง สมองของหลินเยียนถึงปลอดโปร่งขึ้นมาก เดิมทีคิดจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อดูเวลา แต่ของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อนอกจากโทรศัพท์มือถือแล้ว…
หลินเยียนจ้องมองก้นบุหรี่ครึ่งมวนที่ถูกดับไป จากนั้นก็จมดิ่งลงสู่ห้วงความคิด