เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 120 ตบหน้าอย่างแรง ท่านหร่านยังคงเป็นท่านหร่าน

ตอนที่ 120 ตบหน้าอย่างแรง ท่านหร่านยังคงเป็นท่านหร่าน

โรงเรียนเหิงชวนอีจงเน้นสายวิทยาศาสตร์เสมอมา สวีเหยากวงก็ถนัดวิชาวิทยาศาสตร์ วิชาวรรณกรรมกับภาษาอังกฤษแค่กลางๆ

โรงเรียนอวิ๋นเฉิงอีจงเน้นสายภาษา ปกติแล้วทุกครั้งที่สอบข้อสอบมาตรฐานกลาง อันดับหนึ่งสองของวิชาภาษาอังกฤษจะเป็นของโรงเรียนอวิ๋นเฉิง

ภาษาอังกฤษของสวีเหยากวงเป็นที่หนึ่งของทั้งเมืองตอนไหนกัน

แล้วเขาสอบได้กี่คะแนนกัน

พอหลี่อ้ายหรงเหลือบตามอง

คะแนนแถวที่สอง 150!

“คะแนนเต็ม?” หลี่อ้ายหรงตกใจ เมื่อสายตาเหลือบไปมองชื่อในแถวแรกก็พูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง…

ฉินหร่าน?

อาจารย์คนอื่นได้ยินว่าคะแนนเต็มก็กรูกันเข้ามาดู

ข้อสอบครั้งนี้ยากผิดปกติ ตอนที่ตรวจข้อสอบ อาจารย์แต่ละวิชาเคยถกกันแล้วว่า ครั้งนี้คงจะมีข้อสอบที่ได้คะแนนเต็มยาก

“คะแนนเต็มเหรอ ข้อสอบยากขนาดนี้ยังมีคนสอบได้เต็มด้วยเหรอ” อาจารย์หลี่แปลกใจมากทีเดียว “ข้อสอบปรนัยข้อสุดท้าย มีคำศัพท์ของตัวเลือกสองข้อผมไม่รู้จักด้วยซ้ำ พอเปิดพจนานุกรมถึงได้รู้ว่าเป็นศัพท์แปลก”

“สวีเหยากวงสินะ”

“สุดยอดไปเลย”

“เขาย้ายมาจากจิงเฉิง พื้นฐานดีมาตลอด…”

พอได้ยินหลี่อ้ายหรงบอกว่ามีคนได้คะแนนเต็ม อาจารย์บางส่วนก็เข้ารุมล้อม โดยเฉพาะอาจารย์หลี่ ที่เบียดอยู่หน้าสุดของทุกคน

“ฉินหร่าน?” ข้างหลังมีอาจารย์คนหนึ่งอ่านชื่อแถวแรกออกมา หลังเห็นคะแนนบนหน้าจอแล้ว

เสียงของอาจารย์ที่ยืนดูคะแนนแถมยังวิจารณ์กันเซ็งแซ่ข้างหลังอาจารย์เฉินหายไปหมดแล้ว

ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก สีหน้าพิลึกอย่างมาก

ชื่อของฉินหร่านนั้นแม้แต่หนอนหนังสือที่ใจคิดแต่จะเรียนของมัธยมปลายปีหนึ่งก็ยังรู้จัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาจารย์ผู้สอนมัธยมปลายปีสาม

สิ่งที่โด่งดังพร้อมกับชื่อเสียงของเธอก็คือ ผลการเรียนของเธอที่ไม่เหมาะสมกับศักยภาพโรงเรียนเหิงชวนอีจง

ข่าวลือเกี่ยวกับเธอมีตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว คล้ายว่าจะเป็นนักเรียนพฤติกรรมแย่ ได้ยินว่าประวัติย่ำแย่อย่างยิ่ง ควิซรายอาทิตย์รายเดือนได้คะแนนสองหลักก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

ถ้าเธอสอบได้คะแนนเต็ม แล้วสมบัติของโรงเรียนอย่างสวีเหยากวงกับพานหมิงเยว่จะไปอยู่ตรงไหน?

หลี่อ้ายหรงดูอันดับที่สอง สวีเหยากวง 145 คะแนน อันดับที่สองของโรงเรียน อันดับห้าของเมือง

สอดคล้องกับการคาดเดาของเธอมาก

เพียงแต่ว่า

หลี่อ้ายหรงวางแก้วลงบนโต๊ะ สองมือกอดอก แสยะยิ้มมองอาจารย์เฉิน ท่าทางเย้ยหยัน “อาจารย์เฉิน ฉันแค่ไม่สอนเธอก็เท่านั้น ต่อให้เธอจะโกรธ แต่ก็อย่าถึงขั้นไปเอาคำตอบของข้อสอบกลางมาเลย เห็นพวกเราตาบอดหรือไง หา!”

ขณะเดียวกัน ฉินหร่านยังฟุบอยู่โต๊ะ ไม่ได้หลับ แค่คลุมหัวเท่านั้น

คำตอบยังไม่ถูกส่งมา หลินซือหรานกำลังตรวจคำตอบกับคนที่นั่งโต๊ะข้างหน้า เหลือบเห็นมือของฉินหร่านขยับ ก็อดกระทุ้งแขนเธอไม่ได้ จากนั้นเขยิบเข้าไปกระซิบว่า “วิชาภาษาอังกฤษของเธอตอบ c ทั้งหมดหรือเปล่า”

เธอยืมข้อสอบภาษาอังกฤษมาจากสวีเหยากวงเพื่อตรวจคำตอบ

ข้อสอบปรนัยวิชาภาษาอังกฤษคราวนี้มี 42 ข้อที่ตอบ c

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะอย่างเชื่องช้า พอได้ยินคำถามของหลินซือหราน เธองงไปชั่วขณะdjvoได้สติคืนมาตอบกลับไป “ไม่หรอกมั้ง”

“ไม่งั้นเหรอ” หลินซือหรานพูดเสียงสูง

มีชั่ววูบหนึ่งที่เธออยากเขย่าฉินหร่านให้ตื่นมากเหลือเกิน “งั้นเธอเลือกอะไร a b หรือ d”

เธอคำนวณครู่หนึ่ง เอียงหัวบอกฉินหร่านว่า “ถ้าเลือก a ละก็ งั้นเธอก็อาจจะได้ 30 คะแนน ถือว่าไม่น้อย”

ที่จริงฉินหร่านก็นอนไม่หลับ เธอดึงยูนิฟอร์มที่คลุมตัวลงแล้วสวมให้ตัวเองช้าๆ

ตอนที่ฟังหลินซือหรานพูดก็แค่เลิกคิ้วนิดหน่อย ไม่ได้ตอบทันที

หลินซือหรานมองท่าทางของเธอ จู่ๆ ก็คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง เธอเงยหน้าขึ้นทื่อๆ “อย่าบอกนะว่า เธอเลือกตามความรู้สึกของตัวเอง”

ในความทรงจำของเธอ เจ๊ฉินเป็นคนที่แปลกมากคนหนึ่ง

ทุกครั้งที่สอบเธอสามารถเลี่ยงคำตอบที่ถูกต้องได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ฉินหร่านกระแอมไอ เพราะนอนฟุบเป็นเวลานาน เสียงของเธอแหบนิดหน่อย

เธอใช้มือกดไปตรงลำคอ พูดอย่างสบายๆ ว่า “คงใช่”

เสร็จกัน

หลินซือหรานหันหน้ากลับไปอย่างเชื่องช้า

ผู้ชายที่นั่งหน้าหลินซือหรานก็มองฉินหร่านด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

หลังนิ่งไปหลายวินาที เขาก็กุมหน้าอก หันกลับไปด้วยท่าทางปวดใจ

เฉียวเซิงสังเกตเห็นสถานการณ์ของทางนี้ ก็เชยตาขึ้นอย่างลืมตัว “มีอะไรเหรอ”

“เจ๊ฉินเขียนคำตอบภาษาอังกฤษตามความรู้สึกของตัวเองอย่างแน่วแน่!”

ทั้งห้องเงียบสนิทไปครู่หนึ่ง

ตัวแทนติววิชาภาษาอังกฤษมองฉินหร่านด้วยความข้องใจ

หลินซือหรานไม่ถอดใจ พยายามร้องขอชีวิตสักครั้ง “เจ๊ฉิน เธอช่วยพูดว่าหลอกพวกเราได้ไหม”

ฉินหร่านร้องหา เธอกวาดสายตาผ่านคนพวกนี้ “ฉันขอปฏิเสธ”

หลินซือหรานทำท่าครุ่นคิด

เฉียวเซิงอ้าปาก อยากพูดว่า ‘เจ๊ฉิน เป็นตัวของตัวเอง’

ขณะนั้นเอง เกาหยางก็เดินเข้ามา

เสียงเจี๊ยวจ๊าวในห้องเงียบลงกะทันหัน

เห็นเกาหยางเงียบงันไม่พูดไม่จา เขายืนอยู่ข้างโต๊ะของหลินซือหรานกับฉินหร่าน จ้องฉินหร่าน มุมปากขยับ อยากพูดอะไรบางอย่าง

สุดท้ายก็ถอดใจ โพล่งออกมาว่า “ฉินหร่าน เธอ…เธอมากับอาจารย์หน่อย”

ฉินหร่านตามเกาหยางออกไปอย่างไม่มีความแปลกใจเลยสักนิด ฝีเท้ามั่นคง ไม่รีบร้อน

สีหน้านิ่งเฉย สง่าผ่าเผย

ทางด้านฉินหร่านที่ตามหลังเกาหยาง มาถึงห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายวิชาการ

ในห้องมีอาจารย์ที่รอชมเหตุการณ์อยู่ไม่กี่คน

ผู้อำนวยการติงเจอฉินหร่านในเหตุการณ์ใหญ่เป็นครั้งที่สี่แล้ว เพราะเธอมีสัมพันธ์โยงใยกับทั้งเฟิงโหลวเฉิงและท่านที่อยู่ในห้องพยาบาล

ท่าทีของผู้อำนวยการติงเรียกได้ว่าอ่อนโยน “นักเรียนฉิน เธอรู้ไหมว่าตัวเองสอบได้เท่าไหร่”

ฉินหร่านพยักหน้า ความมั่นใจเต็มเปี่ยม น้ำเสียงอวดดีอย่างยิ่ง “แน่นอนค่ะ นอกจากวิชาวิทยาศาสตร์แล้ว นอกนั้นน่าจะได้คะแนนเต็มหมด”

หลี่อ้ายหรงกลับเยาะเย้ย เธอมองฉินหร่านพลางแสยะยิ้ม “ที่บอกว่าไอคิวเธอไม่สูง ก็ไม่สูงจริงๆ ด้วย ถ้าเธอสอบผ่านแค่เส้นยาแดงผ่าแปด พวกเราอาจจะไม่แตกตื่นกันขนาดนี้ เธอไม่ระวัง สอบได้ที่หนึ่งของเมืองทั้งห้าวิชา ลอกได้สุดยอดไปเลย กลัวคนอื่นจะไม่รู้หรือไง”

อาจารย์คนอื่นฟังถึงตรงนี้ ต่างก็มองฉินหร่านอย่างเหลือเชื่อ

“เธอทำแบบนั้นเหรอ” ผู้อำนวยการติงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถามฉินหร่านขึ้นมาอีกว่า “หรือเธอไม่รู้ว่าได้คำตอบมาจากไหน เธอบอกกับอาจารย์มาตามตรง ไม่เป็นไรหรอก”

ผู้อำนวยการติงรู้ว่าฉินหร่านมีคนหนุนหลัง เผลอช่วยเธออย่างลืมตัว

ในฐานะหัวหน้าฝ่ายวิชาการของมัธยมปลายปีสาม เขาย่อมเคยได้ยินเรื่องราวของดาวเด่นคนใหม่คนนี้อยู่แล้ว

ผู้อำนวยการติงเคยช่วยสะสางปัญหาให้ฉินหร่านถึงสามเรื่องแล้ว ตั้งแต่การกล่าวสุนทรพจน์ เรื่องรูปถ่ายไปจนถึงเรื่องไวโอลินของฉินอวี่ แท้ที่จริงแล้วไม่เกี่ยวข้องกับฉินหร่านเลยสักนิด

ครั้งนี้ผู้อำนวยการติงเชื่อว่าฉินหร่านถูกใส่ร้าย

“ผู้อำนวยการ!” ชัดเจนว่านี่เป็นคำพูดลำเอียง หลี่อ้ายหรงชะงัก เบิกตากว้างเล็กน้อย “คุณหมายความว่ายังไง”

ผู้อำนวยการติงมองเธอแวบหนึ่ง “เด็กอายุยังน้อย ขาดสติไปบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา”

ขณะที่พูด ผู้อำนวยการติงก็ส่งสายตาบอกฉินหร่านให้รับผิด จากนั้นเขาจะลบคะแนนทิ้งไป คิดเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

เขาเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก

มิเช่นนั้นหากเรื่องแดงขึ้นมา ไม่ว่าใครแอบเล่นตุกติกลับหลังฉินหร่าน ฉินหร่านหนีไม่พ้นถูกกล่าวว่าทุจริตในการสอบ แถมยังต้องบันทึกไว้ในแฟ้มประวัติอีกด้วย

ตอนแรกผู้อำนวยการคิดว่าฉินหร่านต้องเข้าใจเจตนาของเขาแน่นอน

แต่ทว่า…

ใบหน้าของฉินหร่านมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็น จากนั้นก็พูดเสียงราบเรียบอย่างยิ่งว่า “เปล่าค่ะ ไม่มีใครให้คำตอบหนู หนูเป็นคนเขียนเอง”

ผู้อำนวยการติงชะงัก

มันไม่ค่อยเหมือนกับที่เขาคาดการณ์ไว้ เขารีบใช้สายตาส่งสัญญาณให้ฉินหร่าน ในเวลาแบบนี้อย่าพูดอะไรแบบนี้เด็ดขาด

เขาอ้าปาก “นักเรียนฉินหร่าน…”

จากนั้นผู้อำนวยการยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหลี่อ้ายหรงแย่งไป มุมปากของหลี่อ้ายหรงยกขึ้นสูงมาก “ฉินหร่าน นี่เธอยอมรับเองกับปากว่าเธอเป็นคนเขียนคำตอบเองงั้นเหรอ”

หลี่อ้ายหรงอยากจะขำ

ผู้อำนวยการติงตั้งใจอยากปกป้องฉินหร่าน หลี่อ้ายหรงไม่มีทางทำอะไรได้แน่นอน

แต่เสียดายที่คนอย่างฉินหร่านไม่มีหัวคิด ผู้อำนวยการเสนอทางออกให้เธอแล้ว แต่เธอยังจะเป็นหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวกอีก

ไม่สำเหนียกเลยว่า คะแนนแบบนี้เธอมีปัญญาทำได้หรือไง

ผู้อำนวยการติงขมวดคิ้ว เขามองฉินหร่านด้วยความวิตกกังวล อ้าปาก อยากพูดให้ฉินหร่านเข้าใจเจตนาของเขา

ฉินหร่านมองเขาก็จริง แต่ไม่เข้าใจความนัยแอบแฝงของเขาเลย แค่พยักหน้าอย่างไม่แยแส “จริงแท้แน่นอน”

เพราะกลัวฉินหร่านจะกลับคำ หลี่อ้ายหรงเลยรีบเอาข้อสอบรายเดือนของเดือนหน้าที่เธอเพิ่งจะคิดให้ฉินหร่านก่อน

ข้อสอบยังทำไม่เสร็จ มีแค่ข้อสอบปรนัยกับข้อสอบเติมคำ แต่ระดับความยากเพียงพอแล้ว

ไม่เพียงแค่นี้ เธอยังให้อาจารย์หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์คิดโจทย์ ณ ตอนนั้นอีกด้วย

เธอวางข้อสอบภาษาอังกฤษไว้บนโต๊ะว่างของห้องพักครู ให้ฉินหร่านทำ ขณะเดียวกันก็ให้อาจารย์คนอื่นคิดโจทย์ไปด้วย

แน่นอนว่า เพราะกลัวเกาหยางจะปกป้องฉินหร่าน หลี่อ้ายหรงไม่ได้ให้เขาร่วมคิดโจทย์ด้วย แต่เรียกอาจารย์คณิตศาสตร์อีกท่านมาแทน

ผู้อำนวยการติงมองฉินหร่านอย่างกระวนกระวายใจ คิ้วขมวดเป็นปมแสดงความกังวล

ฉินหร่านไม่พูดอะไร ตอนที่เธอตัดสินใจว่าจะตั้งใจสอบให้ดี ก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้

เธอนั่งลงเริ่มทำข้อสอบภาษาอังกฤษที่หลี่อ้ายหรงเป็นคนออก

ข้อสอบปรนัย 15 ข้อกับเลือกคำมาเติมในช่องว่าง 20 ข้อ

ง่ายกว่าข้อสอบกลางภาคเสียอีก มองแวบเดียวก็ตอบได้แล้ว ฉินหร่านใช้เวลาทำทั้งหมดไม่ถึงสิบห้านาที

หลี่อ้ายหรงมองเธออย่างเย้ยหยัน พอเธอทำเสร็จ ก็รีบดึงข้อสอบที่ฉินหร่านทำมาทันที ไล่สายตาตั้งแต่ข้อหนึ่งลงไป

กำลังดูอยู่ดีๆ จู่ๆ หน้าก็นิ่งไป ความเยาะเย้ยกลายเป็นความตกตะลึง

ผู้อำนวยการสังเกตมองความเป็นไปตลอด พอเห็นสีหน้าของหลี่อ้ายหรงเปลี่ยนไป เขาก็คาดเดาผลลัพธ์ออกแล้ว

ไม่ค่อยเหมือนกับที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาก็เงยหน้ามองฉินหร่านด้วยความตกใจเหมือนกัน

ขณะเดียวกัน อาจารย์คณิตศาสตร์คนหนึ่งก็คิดโจทย์เสร็จแล้ว

อาจารย์คณิตศาสตร์คนนี้เป็นอาจารย์มัธยมปลายปีสามเช่นกัน โจทย์ที่เขาคิดมีแต่หัวข้อใหญ่ มีความยากสูงมาก วิธีทำก็ซับซ้อนมากเช่นเดียวกัน

ฉินหร่านทำเสร็จทั้งสามข้อ ใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาที

ทั้งหมดเป็นเพราะมือซ้ายของเธอเขียนได้ค่อนข้างช้า

อาจารย์ท่านนั้นหยิบข้อสอบไปด้วยความเหลือเชื่อ ปลีกตัวไปอีกมุมหนึ่ง เริ่มใช้ห้องทำงานของหัวหน้าฝ่ายวิชาการกับกระดาษคำนวณหาคำตอบ

หลังได้คำตอบแล้ว เขานั่งอยู่ข้างโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าสับสน

จากนั้นก็เป็นอาจารย์วิชาชีววิทยาที่ถือคำตอบของฉินหร่านนั่งครุ่นคิด โจทย์ที่เขาคิดมีเรื่องการถ่ายทอดของโครโมโซม 4 ชนิด การสังเคราะห์แสงและการหายใจระดับเซลล์กับการไฮเพอร์โพลาไรเซชัน

ทุกข้อล้วนต้องมีความรู้และการศึกษานอกห้องเรียนจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะการแสดงวิธีทำของพันธุศาสตร์ ต่อให้เขาทำปกติ แค่ข้อเดียวก็ต้องใช้เวลาสิบนาทีในการวาดแผนภาพยีน

แต่ฉินหร่านใช้เวลาสิบนาทีในการทำโจทย์สามข้อต่อหน้าต่อตาเขาไม่พอ ยังถูกหมดอีกด้วย

อาจารย์พวกนี้ไม่ได้บอกคำตอบ แต่คนอื่นสามารถคาดเดาคำตอบได้จากสีหน้าท่าทางของพวกเขาแล้ว

คราวนี้ผู้อำนวยการติงตะลึงงันแล้วจริงๆ เขามองฉินหร่านอยู่นานสองนานไม่พูดอะไร

เห็นได้ชัดว่าเกาหยางที่ยืนอยู่มุมหนึ่งก็คาดไม่ถึง เขาอยู่หน้าอาจารย์คณิตศาสตร์คนนั้น อ่านโจทย์กับคำตอบ พร้อมกับหันไปมองฉินหร่านอยู่บ่อยครั้ง ราวกับเพิ่งเคยเห็นเธอครั้งแรก

ทั้งห้องทำงาน คนที่สงบนิ่งที่สุดก็คือฉินหร่าน

เธอบีบนวดข้อมือตัวเอง เชยตาขึ้นแล้วยิ้ม “ยังเหลือวิชาเคมี จะเชิญอาจารย์เคมีสักคนมาอีกหรือเปล่า”

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

Status: Ongoing

ด้วยว่าพ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่ยังเล็ก และ ฉินหร่าน ไม่ใช่เด็กประพฤติดี นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียนจนผลการเรียนย่ำแย่แล้ว เธอยังหัวรั้นและก่อเรื่องทะเลาะวิวาทจนโดนพักการเรียนไปเป็นปี แตกต่างจาก ฉินอวี่ น้องสาวที่เป็นนักเรียนดีเด่นผู้แสนเพียบพร้อมราวฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้แม่ของเธอจึงเลือกพาน้องสาวไปอยู่ด้วยเพียงคนเดียวและทิ้งฉินหร่านเอาไว้ท่ามกลางชนบท ปล่อยให้เธอเติบโตเพียงลำพังในความดูแลของคุณยายวัยชรา

สองยายหลานร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาสิบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่งคุณยายเกิดป่วยหนักอาการโคม่าต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมือง ครอบครัวฉินจึงได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เมื่อคุณยายไม่สามารถดูแลฉินหร่านด้วยตัวเองได้ต่อไปได้อีก แม่ของเธอจึงอาสารับเลี้ยงเธอไว้แทน กระนั้นก็ยังไม่วายเหน็บแนมหญิงสาวอยู่ตลอดว่าอย่าทำตัวน่าขายหน้า ให้เอาอย่างฉินอวี่ผู้เป็นน้องบ้าง

กระนั้นกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยว่านอกจากฉินหร่านจะมีใบหน้างดงามเกินเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งตัวตนปริศนาที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่ เพราะใครกันล่ะที่ทำข้อสอบกากบาททุกข้อแล้วผลคะแนนสอบจะออกมาได้เท่ากับศูนย์ในทุกๆ วิชา เธอโง่จริงๆ หรือว่าตั้งใจกันแน่…

เช่นเดียวกับ เฉิงเจวี้ยน หมอหนุ่มประจำโรงเรียนที่แสนธรรมดาคนนั้น ทว่า…เขาเป็นแค่หมอประจำโรงเรียนจริงหรือ เมื่อโชคชะตานำพาให้คนสองคนที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้มาพบกัน หน้ากากของใครจะถูกกระชากออกมาก่อนนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท