หลังจากส่งข้อความเสร็จ ฉินหร่านก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างๆ
เธอหยิบขนมปังขึ้นมาและมองไปทางกู้ซีฉือ
ก่อนจะถามอะไรบางอย่างออกไป เฉิงเจวี้ยนที่นั่งตรงข้ามเธอก็พูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “เมื่อไหร่ผลจะออก?”
ทางองค์กรการแพทย์ได้ประชาสัมพันธ์ออกไปแล้ว
เหมือนมีระลอกคลื่นนับพันกระตุ้นวงการแพทย์ระดับโลก แต่ปฏิกิริยาในโลกออนไลน์ไม่ได้เป็นที่ฮือฮาเท่าเรื่องอื้อฉาวของดาราแถวหน้า
“การเร่งปฏิกิริยาการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อชุดแรกจะออกมาเย็นนี้” ใบหน้ากู้ซีฉือที่แต่เดิมเซื่องซึมอยู่พลันเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
เขานั่งข้างฉินหร่านและเห็นเฉิงเจวี้ยนมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
กู้ซีฉือนิ่งไปสักพักแล้วขยับไปด้านข้าง
เจียงตงเย่ที่บังเอิญนั่งอยู่ข้างๆ กู้ซีฉือง่วงนอนเล็กน้อย พอเห็นกู้ซีฉือขยับมาทางนี้ เขาก็เบี่ยงมาด้านข้าง
“รุ่นพี่ ผมมีข้อมูลที่ยังต้องให้คุณช่วยทำ” กู้ซีฉือคิดได้สักพักก็เงยหน้ามองไปทางเฉิงเจวี้ยน “รอผมกลับมาจากอวิ๋นเฉิง ผมจะไปหาอาจารย์ที่นั่นสักรอบ”
เฉิงเจวี้ยนที่ยื่นมือหยิบแก้วน้ำได้ยินดังนั้นก็ตอบเพียง “อืม” และไม่ได้พูดอะไรต่อ
ฉินหร่านกัดขนมปังพลันนึกถึงเรื่องที่เหยียนซีส่งข้อความมาหาเธอเมื่อวานตอนเย็น เธอไม่ได้ตอบกลับไปทันที เพราะจุดประสงค์ที่เธอมาเซี่ยงไฮ้คือรอผลการทดลองจากกู้ซีฉือเป็นหลัก
ทว่าตอนนี้ผลการทดลองของกู้ซีฉือยังไม่ออกมา คาดว่าเธอยังพอมีเวลาไปพบเหยียนซีสักครั้ง
หลังจากทานอาหารเสร็จ เฉิงเจวี้ยนและกู้ซีฉือก็ไปที่ชั้นสามเพื่อจัดเรียงผลการทดลองขั้นสุดท้าย
ส่วนลู้จ่าวอิ่งไม่มีอะไรทำหลังจากทานอาหารเสร็จ พอเขาเห็นโอวหยางเวยกำลังชวนเขาเล่นเกม เขาคิดอยู่สักพักก็นั่งลงที่คอมพิวเตอร์ตรงมุมห้องโถง
“ฉินเสี่ยวหร่าน เทพพระอาทิตย์ มาเล่นด้วยกันไหม?” ลู่จ้าวอิ่งแตะหูฟังแล้วหันมามองหยางเฟย
หยางเฟยลุกจากโซฟาพลางส่ายหัว “ไม่ละ ผมต้องกลับทีมแล้ว”
กู้ซีฉือบอกว่าอาการเขาดีขึ้นแล้ว หยางเฟยจึงไม่อยู่ที่บ้านกู้ซีฉือต่อ
เฉิงมู่หยิบกุญแจที่อยู่บนโต๊ะแล้วผงกหัว “ผมไปส่งคุณเอง”
“งั้นก็ได้” ลู่จ้าวอิ่งมองหยางเฟยด้วยความเสียดาย จากนั้นก็ออกไปส่งเขา
หลังจากทั้งสองไปกันแล้ว ฉินหร่านก็มองไปที่แผ่นหลังลู่จ้าวอิ่งพลางแตะคางคิด จากนั้นก็กลับห้องของเธอที่อยู่ชั้นสอง
ก้มหน้าดูโทรศัพท์ ทางด้านเหยียนซีก็ยังไม่ตอบกลับ
เธอเปิดคอมพิวเตอร์ที่กู้ซีฉือให้ติดตัวมา
และล็อกอินเข้าไอดีเกมตัวเอง
**
ชั้นล่าง หลังจากลู่จ้าวอิ่งไปส่งหยางเฟยเสร็จก็กลับมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์และเปิดเข้าเกม
วันนี้ฉินหร่านไม่อยู่ เฉิงมู่ก็ไม่อยู่ ส่วนเจียงตงเย่ กู้ซีฉือ กับเฉิงเจวี้ยนก็ขึ้นไปชั้นสาม
ลู่จ้าวอิ่งจึงเล่นคู่กับโอวหยางเวย
“วันนี้นายว่างอยู่คนเดียวเหรอ?” เสียงของโอวหยางเวยฟังดูนุ่มนวลและสุภาพ
“อืม พวกเขามีธุระน่ะ” ลู่จ้าวอิ่งควบคุมการ์ดไพ่ตามหลังโอวหยางเวย ทั้งสองเล่นไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไหร่ แต่เกมนี้ก็ชนะอย่างทุลักทุเล
ตอนที่ลู่จ้าวอิ่งเล่นคู่กับโอวหยางเวยครั้งแรก ลู่จ้าวอิ่งก็รู้แล้วว่าตัวเองกับโอวหยางเวยเล่นไม่เข้าขากัน
ตอนแรกยังเคยตกใจที่ฉินหร่านเล่นไพ่เสริมได้ดี
พอตอนนี้ลู่จ้าวอิ่งได้รู้ความจริง…
เขาถอนตัวออกมาหลังจากเล่นเกมแรกจบ
เสียงของโอวหยางเวยที่อยู่อีกด้านเริ่มพูดขึ้นมาว่า “คราวที่แล้วฉันได้ยินเฉิงมู่บอกว่าตอนนี้พวกนายอยู่เซี่ยงไฮ้?”
“ใช่แล้ว” หลังจากลู่จ้าวอิ่งถอนตัวก็ยังคิดจะเล่นด่านต่อไปต่อ
เพียงแวบเดียวเขาก็เห็นจุดสีแดงที่อยู่หลังโลโก้เพื่อนตรงมุมขวาบนของหน้าเกม เขาควบเมาส์ไปคลิกดู——
(OST,QR เพิ่มคุณเป็นเพื่อน)
ลู่จ้าวอิ่งมือสั่น จากนั้นก็กดยอมรับ
“นายรอเดี๋ยวนะ เพื่อนของฉันจะเข้ามาอีกคน” ลู่จ้าวอิ่งไม่ได้เริ่มเกมทันที แต่เปิดหน้าเพื่อนและเชิญฉินหร่านเข้าร่วมเกมโดยเล่นกันสามคน
ฉินหร่านปฏิเสธเขา
ลู่จ้าวอิ่งแอบคิดในใจ “งั้นจะเพิ่มฉันทำไม” เขาเห็นจุดสีแดงบนกล่องข้อความที่มุมขวาบนของหน้าเกม
ไม่รู้ว่าคิดอะไร ลู่จ้าวอิ่งถึงได้เอาแต่จ้องกล่องข้อความนั้น
นิ้วเรียวขยับเมาส์ช้าๆ และในที่สุดก็คลิกที่กล่องข้อความ——
(คุณได้รับไพ่เทพสามใบที่ส่งโดย OST, QR เพื่อนของคุณ)
มือของลู่จ้าวอิ่งที่กำลังถือเมาส์เริ่มสั่นระริก เขาคลิกไปยังไพ่เทพสามใบที่ขยายใหญ่บนหน้าเกม เรียงเป็นแถวเดียว
ในเกม โอวหยางเวยรอนานมากแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นลู่จ้าวอิ่งเพื่อนของเขา
เขาอดไม่ได้ที่จะถามเบาๆ ว่า “คุณชายลู่ เพื่อนนายคนนั้นมาหรือยัง?”
“ห๊ะ” ลู่จ้าวอิ่งตอบ ในไม่ช้าก็ได้สติ “โอวหยาง ฉันไม่เล่นแล้ว วันหลังค่อยนัดเล่นใหม่”
พอพูดเสร็จ เขาก็ถอนตัวออกจากทีมทันที
โอวหยางเวยที่อยู่อีกด้านก็ขมวดคิ้วมองลู่จ้าวอิ่งที่มีท่าทีแปลกไป
**
สถานที่ถ่าย MV ของเหยียนซี
เขาไม่ใช่ตัวเอกของ MV แค่มีส่วนร่วมกับพล็อตเรื่องและเข้าฉากไม่กี่ฉาก
สถานที่ถ่ายทำค่อนข้างเป็นความลับ แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงกรี๊ดเช่นนี้อยู่บางส่วน บางครั้งก็มีทีมงานชี้มาทางเหยียนซีและกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
คนรอบข้างของเหยียนซีเจอจนไม่รู้สึกแปลกอะไรแล้ว
เหยียนซีตามทีมงานไปถ่ายทำ ผู้จัดการจึงเก็บโทรศัพท์ของเขาใส่ในกระเป๋า
ตอนที่ฉินหร่านส่งข้อความมา โทรศัพท์เหยียนซีก็สั่นได้สักพัก
นี่คือโทรศัพท์ส่วนตัวของเหยียนซี ผู้จัดการจึงดูไม่ได้
รอจนกว่าเหยียนซีกลับมาหลังจากถ่ายทำเสร็จก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง ผู้จัดการยื่นเสื้อขนเป็ดตัวยาวให้เหยียนซี
“น่าจะไม่มีถ่ายเพิ่มแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของตัวเอกสองคน ถ้านายรีบ เราก็กลับเมืองหลวงเย็นนี้เลยก็ได้นะ…” ผู้จัดการหยิบสมุดบันทึกออกมาและคุยกับเหยียนซีเกี่ยวกับตารางงานถัดไป
เนื่องจากต้องเข้าร่วมทำการถ่ายทำ เหยียนซีจึงสวมแค่เสื้อเชิ้ต ตอนนี้เขากำลังก้มลงสวมเสื้อขนเป็ดตัวยาวอย่างไม่รีบร้อน
นิ้วเรียวดึงซิปขึ้นอย่างระมัดระวัง
ขณะที่ฟังตารางงานจากผู้จัดการคร่าวๆ
“โทรศัพท์ผมล่ะ?” ทันใดนั้นเขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงหันมาหาผู้จัดการ
ผู้จัดการดูสมุดบันทึก ตารางงานส่วนใหญ่เขาจำไว้ในใจหมดแล้วจึงปิดสมุดบันทึก จากนั้นก็ยัดใส่ในกระเป๋ากางเกงและหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เหยียนซี
เขารู้ดีว่าเหยียนซีจะต้องรอเจียงซานอี้ตอบข้อความแน่ๆ เขาจึงไม่ได้แปลกใจนัก
จากนั้นก็หยิบผ้าปิดจมูกพร้อมกับแว่นกันแดดยื่นให้เหยียนซี
ขณะที่สวมผ้าปิดจมูก เหยียนซีก็เปิดโทรศัพท์ไปด้วย หน้าจอล็อกสกรีนมีหนึ่งข้อความ——
(ที่อยู่)
เหยียนซีที่กำลังสวมผ้าปิดจมูกอยู่ถึงกับตะลึง
คาดว่าตะลึงไปสามนาที
เป็นเวลานานมากจนผู้จัดการรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อผู้จัดการที่กำลังยืนรอเหยียนซีสวมผ้าปิดจมูกเสร็จเห็นว่าเขาไม่กระดุกกระดิก เขาจึงเดินเข้ามาพลางเลิกคิ้วเรียก “เหยียนซี?”
“ห๊ะ” เหยียนซีรู้สึกตัว เขาเงยหน้าขึ้นพลางมองผู้จัดการด้วยดวงตาสีเข้มเป็นประกาย “ท่านเทพถามที่อยู่เรา”
**
ทางด้านกู้ซีฉือ
เฉิงเจวี้ยนทำมาตรฐานข้อมูลเสร็จไปแล้วหลายรายการ พอลงมาก็เห็นเพียงลู่จ้าวอิ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แค่คนเดียว
เฉิงเจวี้ยนยืนอยู่บนบันไดขั้นสุดท้าย จากนั้นก็เอนหลัง เขากวาดตามองไปทั่วห้องโถงก็พบว่าไม่มีร่องรอยของคนอื่นๆ อยู่เลย
คิ้วบางเลิกขึ้นพลางหันไปถามลู่จ้าวอิ่ง “คนอื่นล่ะ?”
ลู่จ้าวอิ่งเข้าใจดีว่า ‘คนอื่น’ ที่เฉิงเจวี้ยนถามไม่ใช่เฉิงมู่หรือหยางเฟย แต่เป็นฉินหร่านโดยไม่ต้องคิด
“ฉินเสี่ยวหร่านออกไปเจอเพื่อน เฉิงมู่เป็นคนไปส่งเธอ” ในที่สุดลู่จ้าวอิ่งก็ดึงสายตาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เอียงศีรษะมองเฉิงเจวี้ยน “คุณชายเจวี้ยน ฉินเสี่ยวหร่านมีเพื่อนในเซี่ยงไฮ้ด้วยเหรอ? ฉันถามเธอ เธอก็ไม่บอก พูดแค่ว่าเพื่อนเหมือนเป็นความลับ”
ครั้งสุดท้ายที่เธอบอกว่าจะไปพบเพื่อนคนหนึ่ง
ผลก็คือกู้ซีฉือ
เพื่อนที่ไปพบตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร
ลู่จ้าวอิ่งคิดว่าน่าจะไม่ใช่เพื่อนระดับเดียวกับกู้ซีฉือ
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉิงเจวี้ยนก็ควานหาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกง เขาเหลือบมองลู่จ้าวอิ่งโดยไม่พูดอะไร
ลู่จ้าวอิ่งหดหัวกลับโดยไม่รู้ตัว “นายโทรศัพท์ไปถามเฉิงมู่ดูก็ได้นี่”
**
อีกด้านหนึ่ง เฉิงมู่กำลังขับรถตามจีพีเอสไปส่งฉินหร่านตามที่อยู่ที่เธอให้มา
ผ่านแม่น้ำสายหนึ่งก็ถึงหน้าประตูร้านกาแฟที่ดูเงียบสงบ
ดูแล้วเหมือนเป็นสถานที่นัดเดท เฉิงมู่คอยสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ
“คุณฉิน ที่เพื่อนคุณพูดถึงคือที่นี่ใช่ไหมครับ?” เขาจอดรถตรงข้ามร้านและมองฉินหร่านผ่านกระจกมองหลัง
ฉินหร่านที่พิงหน้าต่างลุกนั่งตัวตรงพลางมองไปบริเวณรอบๆ เธอยื่นมือเปิดประตูแล้วลงจากรถ พูดเบาๆ “อืม”
เธอยังคงอยู่ในเสื้อสเวตเตอร์สีขาวและเสื้อโค้ตสีดำ ดึงหมวกเสื้อสเวตเตอร์มาบังลม
เขาจงใจเลือกสถานที่แห่งนี้และวันนี้ยังเป็นวันจันทร์ ตอนเช้าคนจึงไม่พลุกพล่าน
ฉินหร่านเดินตรงไปหาพนักงานเสิร์ฟ เธอชะงักสักพักแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่เต็มไปด้วยความสุภาพ “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าห้องหมายเลข 12 ไปทางไหนคะ?”
หลังจากนั้นไม่นานฉินหร่านก็หยุดอยู่ที่ประตูห้องหมายเลข 12 เธอยกมือขึ้นเคาะประตู