ขณะนี้บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด
ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินหร่านจะพูดแบบนี้ แม้แต่ทหารรับจ้างกลุ่มนั้นก็ถึงกับผงะไปชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปทางฉินหร่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เดิมทีผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ยังคิดอยู่เลยว่าฉินหร่านลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถ…
แต่พอได้ยินที่เธอพูด ปฏิกิริยาแรกของผู้กองลั่วกับพวกทหารรับจ้างคือ…ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว?
“คุณหนูฉิน อย่ามัวแต่กังวลเรื่องเนื้อย่างเลย คนพวกนี้ล้วนเป็นทหารรับจ้าง ฆ่าคนไม่ไว้หน้าใคร!” ผู้กองลั่วหัวเสีย
ฝั่งพวกเขาที่มีกันไม่กี่คนต้องมาเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างกว่าสามสิบคน ในใจเครียดจะแย่อยู่แล้ว ใครมันจะไปรู้ว่าจู่ๆ ฉินหร่านจะพูดประโยคนั้นออกมาได้?
ทหารรับจ้างล้วนเป็นพวกเดนตาย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีถึงสามสิบคน
ถ้ามีกลุ่มของหัวหน้าโจวอยู่ที่นี่ด้วย การเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างสามสิบคนก็ไม่ได้เกินกำลังอะไร แต่ตอนนี้ถ้านับฉินหร่านไปด้วย พวกเขาก็ยังมีกันแค่เจ็ดคน
เจ็ดคนเท่านั้น พวกเขายังต้องแบ่งกันไปคุ้มครองฉินหร่านอีก
ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีทางจะเอาชนะได้เลย
ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้กองลั่ว ซือลี่หมิง หรือเฉิงมู่ ต่างก็มีสีหน้าไม่สบายใจ เผยให้เห็นถึงความหวาดผวาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู
ตั้งแต่ตอนที่รถบรรทุกขนาดกลางขับมา ผู้กองลั่วก็ได้เปิดเครื่องสื่อสารในมือของเขาเพื่อรายงานสถานการณ์ให้เฉิงสุ่ยทราบก่อนแล้ว
ผู้กองลั่วตะคอกเสร็จ ฉินหร่านก็ยังคงยืนอยู่กับที่พลางมองไปทางกลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นโดยไม่กระดิกตัว
นี่มาพักร้อนจริงๆ น่ะเหรอ?
พวกลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ผู้กองลั่วคลำหาอาวุธของตัวเอง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะลดเสียงด่าว่าโง่
นี่ไม่ใช่การมาพักร้อนหรือมาซ้อมมือ!
พวกเขาอยากจะเคาะหัวผู้หญิงคนนี้เสียจริง!
“ตะแกรงย่างเนื้องั้นเหรอ?” หัวหน้าทหารรับจ้างถามกลับ เขาเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางพึมพำด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองไปที่ฉินหร่าน “ฉันเป็นคนเตะมันเอง แล้วเธอจะทำไม?”
เนื่องจากมีคนเป็นจำนวนมาก ผลการเดินทางในครั้งนี้จึงไม่ได้เกินความคาดหมายของพวกทหารรับจ้างเลยแม้แต่น้อย
เขาเอามือกอดอก มองฉินหร่านด้วยแววตาหยอกล้อ
ฉินหร่านพยักหน้าแล้วถอยออกไปหนึ่งก้าว “ก็ไม่ทำไมหรอก”
เสื้อแจ็คเกตขนเป็ดตัวนั้นยาวมากและยังเกะกะ เธอเอื้อมมือรูดซิปลงเพื่อถอดออก จากนั้นโยนเข้าไปในรถที่จอดอยู่ข้างๆ
ข้างในเป็นเสื้อสเวตเตอร์ที่ไม่ยาวมากเท่าไหร่
ฉินหร่านยื่นมือม้วนแขนเสื้อขึ้น การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างไม่รีบเร่ง หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เรียกได้ว่าค่อนข้างเอื่อยเฉื่อยไปหน่อย แต่สีเลือดที่อยู่ลึกเข้าไปในรูม่านตาทำให้ผู้คนรู้สึกเย็นสันหลังโดยไม่รู้ตัว
หิมะยังคงสะท้อนแสงอยู่ในบริเวณโดยรอบ
“คุณหนูฉิน!” เฉิงมู่ไม่เคยเห็นฉินหร่านต่อสู้ด้วยตาตัวเองมาก่อน แต่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยมีเรื่องชกต่อยที่โรงเรียน
ตอนที่สู้กับสวี่เซิ่นครั้งนั้น เฉิงมู่ยังเป็นคนช่วยจัดการปัญหาที่ตามมาอีกด้วย
แต่ถึงอย่างไร คนพวกนี้ก็ไม่ใช่พวกเด็กนักเรียนที่อ่อนต่อโลกพวกนั้น ทั้งยังเป็นถึงพวกเดนตายระดับประเทศที่ลงมือด้วยความโหดเหี้ยมป่าเถื่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เฉิงมู่จะพูดออกไปอีกหนึ่งประโยค ฉินหร่านก็เริ่มขยับมือแล้ว
หัวหน้าทหารรับจ้างไม่ได้ถือเรื่องฉินหร่านเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเห็นฉินหร่านทำท่าจะลงไม้ลงมือแล้ว เขายังหัวเราะโดยที่ไม่หยิบอาวุธออกมา จากนั้นก็แค่ยื่นมือมาเพื่อจะจับแขนฉินหร่าน
แต่ใครจะคิดว่าเขายังไม่ทันจับแขนฉินหร่าน ทันใดนั้นแขนของเขาก็เจ็บปวดเหมือนกระดูกแตกไปแล้ว
“กร๊อบ——”
หัวหน้าทหารรับจ้างถูกกระแทกติดกับต้นไม้ที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งอย่างรุนแรง
ขณะนี้ไม่ใช่แค่กลุ่มทหารรับจ้างที่ไม่อยากจะเชื่อ เพราะแม้แต่กลุ่มของผู้กองลั่วก็มองฉากนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน “เป็นไปได้ยังไง ? !”
อย่างไรก็ตาม สภาพความเป็นจริงจะรอให้พวกเขาคิดมากไม่ได้ หลังจากทหารรับจ้างอึ้งไปได้พักหนึ่งก็พากันหยิบอาวุธออกมา
หัวหน้าทหารรับจ้างที่ถูกกระแทกไปติดกับต้นไม้พยายามพยุงตัวกับต้นไม้ไว้ แต่ก็ลุกไม่ไหว เขาแค่เช็ดมุมปากแล้วพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “จับนังนั่นมาให้ฉัน!”
ทหารรับจ้างยี่สิบกว่าคนที่เหลือเข้ามารุมล้อม
พวกผู้กองลั่วกับเฉิงมู่ตะลึงนิ่งค้างไปแล้ว ตอนนี้กลายเป็นสถานการณ์ตะลุมบอน
เดิมทียังคิดว่าการตะลุมบอนครั้งนี้ยากที่จะเอาชนะคนหมู่มากได้
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินหร่านจะเคลื่อนตัวได้เร็วขนาดนี้ แต่ละหมัดกระแทกไปยังจุดสำคัญ เธอเตร่อยู่ท่ามกลางกลุ่มทหารรับจ้าง ร่างกายพลิ้วไหวดังเมฆเคลื่อนสายน้ำไหล
กลุ่มทหารรับจ้างล้มไปนอนกับพื้นโดยแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมาก
ฉินหร่านยังคงยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนโดยมีทหารรับจ้างนอนเกลื่อนอยู่รอบๆ
คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ตกสู่ภวังค์ความเงียบอย่างแปลกประหลาด
ผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง
“ผ.. ผู้.. ผู้กอง ผู้กองลั่ว” ในที่สุดก็มีคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังผู้กองลั่วรู้สึกตัวก่อน “เมื่อกี้ผมเหมือนจะเห็น เห็น คุณหนูฉิน…”
เขามึนงงเล็กน้อย
ผู้กองลั่วไม่พูด ซือลี่หมิงก็ไม่พูด และแม้แต่เฉิงมู่เองยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่…
ในที่สุด เวลานี้เขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าทำไมเฉิงเจวี้ยนถึงบอกว่าไม่ได้ให้เขามาคุ้มครองเธอ…
ทุกคนเงียบ แต่ฉินหร่านกลับยืดตัวแล้วกลับไปที่ข้างรถ เปิดประตูหยิบเอากระดาษเช็ดมือมาหนึ่งแผ่น ขณะที่ทำความสะอาดมือก็เดินไปตรงหน้าหัวหน้าทหารรับจ้าง
เธอย่อตัวลงพลางเช็ดมืออย่างใจเย็น เอียงศีรษะเล็กน้อยและพูดช้าๆ “ตะแกรงย่างเนื้อของฉันโดนนายเตะคว่ำไปแล้ว”
ห้านาทีต่อมา
กลุ่มผู้กองลั่วมองสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไป
กลุ่มทหารรับจ้างยืนอยู่อีกด้านเพื่อความอยู่รอด โดยมีหัวหน้าทหารรับจ้างของพวกเขากำลังนั่งเอาน้ำเช็ดตะแกรงย่างเนื้ออยู่บนพื้นอย่างสะอาดสะอ้านแล้วจุดไฟใหม่
จนกระทั่งไฟได้ที่แล้ว เขาถึงจะเริ่มทำการย่างเนื้อ
เพียงแต่ว่าเนื้อที่เพิ่งเอาออกมาหล่นลงพื้นไปหมดแล้ว
เขามองไปรอบๆ แต่ก็ยังไม่เจอเนื้อสะอาดๆ เลย
“คุณ…คุณผู้หญิงท่านนี้” หัวหน้าทหารรับจ้างลากร่างตัวเองเดินมา เดิมทีเขาไม่คิดจะรบกวนฉินหร่าน แต่ก็ทำใจกล้าถามเธออย่างระมัดระวัง “ไฟจุดเสร็จแล้วครับ เนื้อพวกนั้นที่อยู่บนพื้น…”
ทหารรับจ้างพวกนี้เป็นพวกเดนตาย จึงเข้าใจการปรับตัวให้เข้าสถานการณ์ได้ดีกว่าใครๆ ขอแค่มีชีวิตรอด ให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือฉินหร่านทั้งโหดเหี้ยมและน่ากลัว
ฉินหร่านพิงอยู่กับประตูรถพลางก้มหน้าเล่นเกมในโทรศัพท์
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอก็เงยหน้ามองไปทางเฉิงมู่ “ในกล่องยังมีเนื้อไหม?”
“อ้อ” เฉิงมู่เดินไปอีกด้านทันที “มี มีแน่นอน ตอนไปหาแม่ครัว เตรียมเอาไว้เยอะมาก”
เขาเดินไปถึงท้ายรถ ถือกระเป๋าเดินทางออกมาและหยิบเอากล่องใส่ของสดข้างในยื่นให้หัวหน้าทหารรับจ้าง
หัวหน้าทหารรับจ้างพูด “ขอบคุณ” ด้วยความจริงใจ
จากนั้นก็เอาเนื้อไปย่างบนตะแกรง
แม่ครัวยังเตรียมเครื่องปรุงรสให้อีกจำนวนมาก มีทั้งขวดและกระปุกเป็นกองๆ
เมื่อกี้มันเพิ่งถูกเตะออกไป ด้านนอกจึงเปื้อนขี้เถ้าเล็กน้อย เช็ดให้สะอาดก็ใช้ได้แล้ว
หัวหน้าทหารรับจ้างถามฉินหร่านว่าต้องการรสชาติแบบไหน
ฉินหร่านไม่ได้เงยหน้า เธอกดโทรศัพท์และตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เผ็ดหน่อยๆ”
“ครับ” หัวหน้าทหารรับจ้างพยักหน้า จากนั้นก็หยิบพวกกระปุกในกองเครื่องปรุงมาดูเพื่อหาโลโก้พริก
กลุ่มคนที่อยู่รอบข้างรวมถึงกลุ่มผู้กองลั่วต่างก็คิดว่าเห็นภาพหลอน คนเดนตายพวกนี้กำลังนั่งข้างตะแกรงพร้อมกับย่างเนื้อด้วยอาการสั่นงกๆ
ท่าทางเคารพนบน้อมและยังดูสุภาพมากอีกด้วย
“ตอนที่ทหารรับจ้างพวกนี้มาถึงเมื่อกี้นี้ คุณหนูฉินกำลังย่างเนื้ออยู่ ที่แท้แล้วก็ย่างเนื้อจริงๆ สินะ…” คนหนึ่งที่อยู่ข้างผู้กองลั่วพึมพำ “คนพวกนี้เอาชนะเธอไม่ได้ ส่วนเธอเองก็ไม่ได้เห็นทหารรับจ้างกลุ่มนี้เป็นศัตรู ถึงได้ย่างเนื้ออย่างสบายใจ…”
“ผู้กองลั่ว คุณดูออกไหมว่าคุณหนูฉินต่อสู้แบบไหน?” มีคนถามอย่างหวาดระแวง
ทั้งโหดเหี้ยมดุเดือด พวกเขาเห็นแล้วยังเจ็บแทนพวกทหารรับจ้างพวกนั้นอยู่เลย
ผู้กองลั่วหรี่ตา ผ่านไปได้สักพักถึงจะพูดขึ้นมาว่า “เหมือนพวกเดนตายยิ่งกว่าทหารรับจ้างเสียอีก… แล้วยัง”
“แล้วยัง?” ซือลี่หมิงอึ้งไปชั่วขณะ เหมือนกับที่คาดเดาเอาไว้ทั้งหมด เขามองผู้กองลั่วด้วยความตกใจ
ผู้กองลั่วไม่ได้เคลื่อนสายตาไปทางอื่น เขามองฉินหร่านด้วยความเคารพที่เพิ่มขึ้น “เหมือนพวกเดนตายยิ่งกว่าทหารรับจ้างเสียอีก แล้วฉันยังแค่เคยเห็นแต่นักมวยเดนตายบนสังเวียนประลองเท่านั้น”
คนที่อยู่รอบตัวเขาไม่มีใครพูดอะไรเลย
คนในหน่วยต่างๆ ต่างทำหน้าของตัวเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาล้วนนับถือคนที่มีพละกำลังและความสามารถขั้นสูง
ตอนนี้ สายตาที่ทุกคนมองฉินหร่านได้เปลี่ยนไป
คนที่คฤหาสน์ล้วนเคยไปดูเวทีมวยปล้ำมาแล้วทั้งนั้น และเคยขึ้นชกเวทีทั่วไป แต่คนที่กล้าขึ้นเวทีสังเวียนเดนตายกลับมีไม่กี่คน
ความกลัวตายเป็นธรรมชาติของมนุษย์
ผู้กองลั่วยังคงมองไปทางฉินหร่าน ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขาจึงรีบรับสาย
พอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก็พบว่าเป็นสายของหัวหน้าโจวที่แยกทางไปกับพวกเขา
“ผู้กองลั่ว ตอนนี้สถานการณ์ฝั่งพวกนายเป็นยังไงบ้าง?” ขณะนี้หัวหน้าโจวยังอยู่ในรถ พูดอย่างร้อนใจ “พวกเราผ่านถนนเส้น26มาแล้ว แต่ยังไม่เห็นคนของตระกูลมาสเลย ฉันกลัวว่านี่จะเป็นแผนการพวกมัน พวกนายอย่าเพิ่งขับไป ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปหาพวกนาย! มีข่าวแจ้งมาว่ามีทหารรับจ้างหลายสิบคนรอจัดการพวกนายอยู่ คนพวกนั้นฝีมือโหดเหี้ยม โดนพวกมันจัดการก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าโดนเอาของจะเป็นปัญหาเอาได้!”
เมื่อได้ยินหัวหน้าโจวพูดด้วยความร้อนใจ ผู้กองลั่วก็มองไปทางหัวหน้าทหารรับจ้างที่กำลังย่างเนื้อด้วยสีหน้าว่างเปล่า ชะงักเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า “ไม่ต้องแล้ว”
หัวหน้าโจวได้ยินน้ำเสียงของเขาฟังดูแปลกๆ “ทำไมล่ะ?”
ผู้กองลั่วพูดเรียบๆ “พวกเราเจอทหารรับจ้างแล้ว”
“อะไรนะ?!” แววตาหัวหน้าโจวที่อยู่ปลายสายหดแน่น เสียงเครียดขึ้น “พวกนายรีบหนีเร็ว! อดทนไว้ พวกเราจะรีบไปที่นั่น! พวกมันล้อมพวกนายไว้หรือเปล่า? ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
“เอ่อ” ผู้กองลั่วเงยหน้า “พวกเขากำลังย่างเนื้อ”