เมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้าทหารรับจ้าง ฉินหร่านก็ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ
เงยหน้าเหลือบมองหัวหน้าทหารรับจ้าง
เป็นสายตาที่เป็นปกติมาก หัวหน้าโจวคิดว่าไม่มีสายตาไหนปกติไปกว่าสายตาคุณหนูฉินอีกแล้ว
ดูไม่แยแสอะไร
ทว่าหัวหน้าทหารรับจ้างกลับกระโดดถอยออกไปเหมือนกระต่ายตื่นตูม
ผู้กองลั่วและคนอื่นๆ “…”
ใช้คำว่า “กระต่าย” มาบรรยายดูจะไม่เหมาะกับทหารรับจ้างเลือดเหล็กคนนี้ แต่ว่า…พวกเขาก็สรรหาคำที่เหมาะกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
“อือ” ฉินหร่านพยักหน้า “ย่างเนื้อใช้ได้เลย”
“คุณชอบก็ดีแล้ว” หัวหน้าทหารรับจ้างถอยออกไปหนึ่งก้าว
ก่อนจะเกิดการต่อสู้เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ฉินหร่านก็พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้
ฉินหร่านมองไปที่ตะแกรงย่างเนื้อแล้วพบว่าของทุกอย่างเก็บสะอาดเรียบร้อยหมดแล้ว เธอดีดนิ้ว “โอเค ไปได้”
ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ เหล่าทหารรับจ้างทั้งหมดที่นั่งกระจัดกระจายกันอยู่ก็ลุกขึ้นยืน กระโดดขึ้นไปบนรถบรรทุกขนาดกลางและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เหมือนพายุทอร์นาโด
ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เหลือเพียงพวกผู้กองลั่วกับพวกหัวหน้าโจว
ราวกับลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดใบไม้ที่ร่วงหล่นพาสิ่งไม่ดีออกไป
ฉินหร่านเปิดประตูเบาะหลังแล้วขึ้นไปนั่งบนรถในขณะที่เฉิงมู่กับซือลี่หมิงกำลังจัดกระเป๋าเดินทางของฉินหร่านที่คนอื่นเห็นเป็นกระเป๋าเที่ยวเล่น
“อือ ก็เป็นอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ” ผู้กองลั่วเอียงศีรษะพลางมองพวกหัวหน้าโจวที่ยังไม่ได้สติกลับมา “ไม่ใช่ผมและไม่ใช่เฉิงมู่ เแต่เป็นคุณหนูฉิน”
ที่ผ่านมา ผู้กองลั่วเรียก “คุณหนูฉิน” พอเป็นพิธีเท่านั้น
แต่คำว่า “คุณหนูฉิน” ในวันนี้กลับเพิ่มความเลื่อมใสที่มาจากใจ
ผู้กองลั่วคิดว่าแม้แต่เฉิงสุ่ย…ก็อาจจะสู้กับกลุ่มทหารรับจ้างเพียงลำพังด้วยความเฉียบขาดแบบนี้ไม่ได้
“อ้อ ที่แท้แล้วก็ย่างเนื้อกันจริงๆ ด้วยแฮะ…” หัวหน้าโจวก้มหน้ามองเนื้อย่างที่ถืออยู่ในมือ
อีกทั้งยังเป็นเนื้อย่างที่ย่างโดยลูกพี่ของกลุ่มทหารรับจ้างอีกด้วย
แบบนี้จะส่งไปประมูลได้ไหม?
ผู้กองลั่วเข้าใจความรู้สึกของหัวหน้าโจวดี จริงๆ เลย เขาตบไหล่หัวหน้าโจว “หัวหน้าโจว กินซะสิ ชิ้นสุดท้ายแล้ว หัวหน้าทหารรับจ้างคนนั้นฝีมือใช้ได้เลยนะ”
หัวหน้าโจวเองก็ไม่รู้จะขยับไม้ขยับมือยังไง เขายัดเนื้อเข้าปาก
กลุ่มลูกน้องเขาก็ถึงกับสมองโล่ง คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น รู้แค่ว่าตั้งแต่พวกเขาได้กลิ่นย่างเนื้อตอนลงจากรถ พวกเขาก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทิศทางไหน
พวกเฉิงมู่เหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เหมือนมาเที่ยวเล่นมากกว่า
**
ในรถ ฉินหร่านถอดเสื้อแจ็คเกตขนเป็ดออก ของที่คนช่วงชิงกันยังวางอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา
พอเสียบหูฟังเสร็จ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นเฉิงเจวี้ยน
เสียงของเขาฟังดูนิ่งมาก “ลงมือแล้ว?”
“เปล่า” ฉินหร่านนั่งตัวตรง เธอเลิกคิ้วแล้วตอบโต้โดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่ได้หาเรื่อง”
ปลายสาย เฉิงเจวี้ยนวางเอกสารในมือลงแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง “แน่ใจเหรอ?”
ตั้งแต่เฉิงสุ่ยยกเลิกแจ้งตำรวจ เฉิงเจวี้ยนก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
“พวกเขาหาเรื่องก่อน เตะเนื้อที่ฉันย่างคว่ำ” ฉินหร่านมองออกไปด้านนอก รถได้ออกเดินทางแล้ว
เธอยกเหตุผลมาแย้ง
เฉิงมู่กับซือลี่หมิงที่นั่งอยู่ด้านหน้า “…”
นั่นก็ถูก ทหารรับจ้างพวกนั้นเข้ามาหาเรื่องก่อน…
เฉิงเจวี้ยนถามฉินหร่านไปไม่กี่คำก็แน่ใจแล้วว่าทหารรับจ้างพวกนั้นไม่ได้ใช้มีด เขาถึงจะวางใจได้
หลังจากวางสาย ก็มีคนเคาะประตูด้านนอกพอดี
เป็นเฉิงสุ่ยที่เดินเข้ามา
“เรื่องคุณหนูฉิน…” เฉิงสุ่ยเพิ่งจะได้รับข่าวมาจากผู้กองลั่วและหัวหน้าโจว เขาจึงเข้ามารายงานเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนยกมือเป็นสัญญาณบอกเขาว่าไม่ต้องพูดแล้ว
“ของล่ะ?” เขามองเฉิงสุ่ย
เฉิงสุ่ยไม่ได้พูดต่อ แค่ยื่นแฟ้มในมือให้เฉิงเจวี้ยนไปโดยตรง “นี่คือรายชื่อที่ผมได้มาจากรุ่ยจิน เวทีมวยทำเงินได้เร็ว มีคนเข้าร่วมไม่น้อย แม้ว่านักมวยเดนตายที่มีฝีมือขั้นเทพจะมีเพียงไม่กี่คน แต่ทุกวันก็ชกกันหลายยก รายชื่อสมาชิกที่ตายไปถูกตัดชื่อออกหมดแล้ว รายชื่อของรุ่ยจินทั้งหมดอยู่ในฐานข้อมูล ผมให้คนหาอยู่ตั้งนานกว่าจะหาฐานข้อมูลพบ”
ที่ชายแดนรัฐ M มีสังเวียนมวย ที่นั่นไม่ได้รับการจัดการโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีคนจำนวนมากที่ขึ้นสู้บนเวทีมวยเดนตายแห่งนั้น ดังนั้น ที่นี่จึงไม่มีปัญหาการขาดแคลนคนสิ้นหวังที่ต้องการร่ำรวยจากการขึ้นเวทีมวยเดนตาย
แม้ว่าเวทีมวยภายในรัฐ M จะมีคนคอยจัดการ แต่ความเป็นจริงก็ไม่ได้ดีไปกว่าเวทีมวยแถวเขตชายแดนมากนัก มวยเดนตายล้วนเป็นการลงนามข้อตกลง ใครก็เข้ามาดูแลไม่ได้
เวทีเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้การจัดการของตระกูลมาส เฉิงสุ่ยยังเจรจากับตระกูลมาสอยู่ตั้งหลายครั้งเพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลใต้ดินของพวกเขา
เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าดูกองเอกสารที่เฉิงสุ่ยยื่นให้ เขาลดคิ้วลงโดยไม่ได้ยื่นมือไปรับในทันที
เฉิงสุ่ยรู้สึกว่าท่าทางเฉิงเจวี้ยนดูแปลกๆ
เขาเงยหน้าขึ้นพลางเรียกอย่างระมัดระวัง “นายท่าน?”
เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าแล้วยื่นมือไปรับกองเอกสารมา “เอามาให้ฉัน”
หลังจากรับเอกสารมาแล้ว เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ได้อ่านในทันที แค่หันข้างแล้ววางกองเอกสารไว้บนโต๊ะด้านหลัง
“พรุ่งนี้เฉิงหั่วก็กลับมาแล้ว” เฉิงสุ่ยนึกถึงเรื่องเฉิงหั่วขึ้นมาได้ “เมื่อคืนผมให้เฉิงหั่วตรวจสอบเรื่องการโจมตีที่ลานจอดเครื่องบินแล้ว”
ตอนที่หัวหน้าโจวถูกโจมตีเครือข่าย ก็ได้แจ้งเฉิงหั่วไปแล้ว
และได้รับการแก้ไขในเวลาต่อมา พวกหัวหน้าโจวคิดว่าแก้ปัญหาได้ง่ายๆ แต่เฉิงสุ่ยกลับคิดว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เขาจึงส่งเรื่องให้เฉิงหั่วจัดการ
“แฮ็กเกอร์โจมตี?” เมื่อได้ยินที่เฉิงสุ่ยบอก เฉิงเจวี้ยนก็หรี่ตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ดูเหมือนเขาจะยิ้ม “ไม่เป็นไร นายให้เฉิงหั่วตรวจสอบแล้วกัน”
แม้เฉิงหั่วจะเป็นสมาชิกของสมาคมแฮ็กเกอร์ แต่ฝีมือการแฮกยังเก่งไม่เท่าหัวหน้าสมาคมแฮ็กเกอร์ อย่างไรก็ตาม เฉิงเจวี้ยนเดาว่าฝีมือฉินหร่านเก่งพอๆ กับหัวหน้าสมาคมแฮ็กเกอร์
**
วันรุ่งขึ้น เวลาเก้าโมงเช้า
ในที่สุดขบวนรถของพวกหัวหน้าโจวที่ออกเดินทางก็ค่อยๆ ขับเข้ามายังเขตคฤหาสน์
หัวหน้าตู้และคนอื่นๆ กำลังรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ในปราสาทโบราณแถวที่สองของคฤหาสน์
“คุณเฉิงสุ่ย แน่ใจเหรอว่าหัวหน้าโจวกับคนอื่นๆ ไม่เป็นอะไร?” หัวหน้าตู้นั่งด้วยท่าทางขึงขัง พูดเสียงเข้ม “ผมได้ยินมาว่ากลุ่มทหารรับจ้างมีกันทั้งหมดสามสิบคน”
พวกผู้กองลั่วแยกออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ เจ็ดคนเพื่อคุ้มครองฉินหร่าน
หัวหน้าตู้เป็นห่วงความปลอดภัยของกลุ่มผู้กองลั่วมาก เพราะลูกน้องที่เขามอบให้หัวหน้าโจวไปคุ้มครองฉินหร่านล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่งทั้งนั้น
โดยเฉพาะผู้กองลั่ว
แม้จะเก่งไม่ถึงระดับลูกพี่ของพวกเขา แต่ถึงอย่างไรน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ การมีคนเก่งเยอะย่อมเป็นเรื่องดี
ตอนนี้หัวหน้าตู้เริ่มเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่ให้ผู้กองลั่วติดตามไปกับพวกหัวหน้าโจว
ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก “ขบวนรถของหัวหน้าโจวกลับมาแล้วครับ!”
เฉิงสุ่ยเดินตามหัวหน้าตู้ออกไปข้างนอกทันที
ขบวนรถที่ขับเข้ามามีรถมากกว่าก่อนออกเดินทางสองคัน เป็นคนของฮอลล์ที่เพิ่มกำลังคนให้พวกเขา
กลุ่มแรกที่ลงจากรถคือกลุ่มหัวหน้าโจวกับผู้กองลั่ว
นอกจากท่าทางที่ดูแปลกไป ก็ไม่พบร่องรอยการบาดเจ็บตามร่างกายเลยแม้แต่น้อย พวกเขาน่าจะไม่ได้เป็นอะไร หัวหน้าตู้จึงเบาใจไปชั่วขณะ
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นายท่านบอกว่าของจะยังไงก็ได้ ขอแค่ทุกคนกลับมาก็ดีแล้ว” หัวหน้าตู้ตบไหล่หัวหน้าโจว
“ของมันเรื่องเล็กซะที่ไหนล่ะ” หัวหน้าหยวนแห่งหน่วยการค้าระหว่างประเทศหน้าบึ้ง นี่คือผลงานของพวกเขาในเดือนถัดไป เขาลดเสียง “บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าพาผู้หญิงคนนั้นไปด้วย”
ถ้าพวกผู้กองลั่วกับพวกหัวหน้าโจวไม่ได้แยกทางกันกลับมา กลุ่มพวกเขาก็มีคนตั้งยี่สิบคน ไม่แน่ว่าอาจจะมีกำลังเพียงพอที่จะสู้กับพวกทหารรับจ้างกลุ่มนั้นได้
คนเหล่านี้ไม่พูดอะไร แต่ในเวลานี้พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
ถ้าฉินหร่านทำตัวดีๆ อยู่ในคฤหาสน์และทำในสิ่งที่เธอควรทำ คนอื่นคงไม่ว่าอะไร
แต่เธอกลับทำตัวงี่เง่าจะออกไปเที่ยวเล่นให้ได้ หัวหน้าหยวนกับคนอื่นๆ จะทำใจยอมรับได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้กองลั่วเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หัวหน้าหยวน คุณหนูฉินแค่ไปเที่ยวเล่น”
หัวหน้าหยวนขมวดคิ้ว “ฉันรู้ แต่ไม่ใช่ว่าจะมาเที่ยวเล่นกันแบบนี้ รัฐ M มีตั้งหลายที่”
เฉิงสุ่ยไม่สนใจพวกเขา แค่เงยหน้ามองไปทางรถคันสีดำที่อยู่ตรงกลาง “คุณหนูฉินคงไม่เป็นไรนะ?”
คนเหล่านี้ต่างก็คิดว่าผู้กองลั่วและคนอื่นๆ ได้มอบของให้กลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นไปแล้ว ถึงได้พากันถอยไป
สู้กันแบบเจ็ดต่อสามสิบคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเจ็ดคนนั้นมีเฉิงมู่กับฉินหร่านที่ฝีมือการต่อสู้ไม่เอาไหน ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเอาชนะพวกทหารรับจ้างได้
ขณะที่เฉิงสุ่ยกำลังพูด พวกฉินหร่านก็ลงจากรถ
ฉินหร่านยังคงเหมือนเดิม พอลงจากรถก็ดึงหมวกเสื้อแจ็คเdตขนเป็ดขึ้น ส่วนซือลี่หมิงก็เดินไปเอากระเป๋าเดินทางออกมาจากท้ายรถ
เฉิงมู่ถือกระถางดอกไม้อยู่อย่างเงียบๆ
วันนี้ดอกไม้ในกระถางดูไม่ได้เหี่ยวเฉาขนาดนั้น เขาจึงส่งข้อความไปบอกเรื่องนี้กับคนสวนและหลินซือหราน
หลังจากลงจากรถ คนของหน่วยจัดซื้อและคนของผู้กองลั่วก็ยืนเป็นสองแถว เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางใบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก
โดยเฉพาะกลุ่มของผู้กองลั่ว พวกเขานึกถึงวีรกรรมที่พวกเฉิงมู่ย่างเนื้อกันเมื่อวาน…
“คุณหนูฉิน คุณไม่เป็นไรนะครับ” ในที่สุดใจเฉิงสุ่ยก็เบาใจลงหลังจากปล่อยวางไม่ได้มาทั้งคืน เขามองไปทางฉินหร่าน “นายท่านยังอยู่ในห้องหนังสือ”
ฉินหร่านพยักหน้าแล้วเดินเบี่ยงไปทางด้านข้าง
ทันใดนั้นผู้กองลั่วก็นึกอะไรขึ้นได้ “คุณหนูฉิน ของของพวกเราล่ะครับ?”
เขามองฉินหร่านและพูดด้วยความเคารพ
นับถือจากใจจริง
เฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้ต่างก็ประหลาดใจในน้ำเสียงของเขา คนทั้งคฤหาสน์เรียกฉินหร่านว่าคุณหนูฉิน แต่ส่วนใหญ่แล้วเรียกไปตามหน้าที่ น้อยมากที่จะเคารพด้วยความจริงใจ
แต่ตอนนี้ทั้งสองไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้
เพราะพวกเขาได้ยินผู้กองลั่วพูดคำว่า “ของ”
“ของ? พวกนายไม่ได้เอาของให้กลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้นหรอกเหรอ?” หัวหน้าตู้ถามด้วยเสียงที่ดังมากพลางมองหน้าผู้กองลั่ว
หัวหน้าหยวนก็คิดมาตลอดว่าของถูกส่งไปแล้ว เขาถึงได้พูดจาไร้มารยาทไปแบบนั้น ทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้กองลั่ว เขาก็มองไปทางพวกผู้กองลั่วด้วยความประหลาดใจ
ผู้กองลั่วพยักหน้า
อีกด้าน พอฉินหร่านรู้ตัวก็หันหลังกลับ หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากเบาะหลังแล้วโยนให้ผู้กองลั่วส่งๆ
กล่องใบนี้เคยผ่านมือฉินหร่านกับหัวหน้าโจวเท่านั้น
คนอื่นจึงไม่รู้น้ำหนักของมัน เมื่อเห็นฉินหร่านถือได้สบายๆ ทุกคนก็เลยคิดว่ามันไม่หนัก
ผู้กองลั่วเองก็คิดแบบนี้ตามสัญชาตญาณ แต่พอมันตกอยู่ในมือของผู้กองลั่ว ผู้กองลั่วก็รู้สึกราวกับกำลังแบกกล่องหิน
เดิมทีเขาเห็นฉินหร่านถือ เขายังคิดว่าตัวเองน่าจะรับกล่องขนนก แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นกล่องหิน ? !
เขาใช้แรงที่รับกล่องขนนกไปรับกล่องหินมาแทน จึงควบคุมพละกำลังไม่ได้ โงนเงนไปทั้งตัวจนเกือบจะล้มลงไป
ผู้กองลั่ว “…”
หัวหน้าโจวที่รู้น้ำหนักของกล่องใบนี้ “…”
คนที่เห็นเหตุการณ์ “…”
ฉินหร่านโยนกล่องให้ผู้กองลั่วก่อนเดินกลับ
ไม่รู้ว่าพวกลูกน้องที่ติดตามเฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้ที่อยู่ด้านหลังมองเธอด้วยสายตาแบบไหน ถึงได้หลีกทางให้เธอแต่โดยดี
ซือลี่หมิงลากกระเป๋าตามหลังเธอไป
เฉิงมู่ถือกระถางดอกไม้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
พวกเฉิงสุ่ยออกมารับกลุ่มหัวหน้าโจวและผู้กองลั่ว
พวกเขาคิดว่าจะไม่ได้เห็นของแล้ว แต่สุดท้ายฉินหร่านก็สร้างความตกใจโดยการโยนของให้ผู้กองลั่ว
จนกระทั่งพวกฉินหร่านหายลับตาไป เฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้และคนอื่นๆ ถึงจะรู้สึกตัว
หัวหน้าหยวนเลื่อนสายตามองมายังกล่องที่อยู่ในมือผู้กองลั่ว “พวกนายไม่ได้เอาของมอบให้พวกทหารรับจ้างเหรอ?”
“อืม พวกเขาไม่ได้เอาไป” ผู้กองลั่วตอบสั้นๆ ได้ใจความ
“งั้นพวกนายหนีจากเงื้อมมือของพวกทหารรับจ้างออกมาอย่างปลอดภัยได้ยังไง?” พวกเขาล้วนคลุกคลีอยู่ในรัฐ M ทหารรับจ้างโหดเหี้ยมขนาดไหน ทุกคนต่างก็เคยเห็นมาหมดแล้ว
จะลำบากลำบนสักแค่ไหนก็ไม่น่าปล่อยพวกผู้กองลั่วมาได้ง่ายๆ ถึงขนาดไม่เอาของไปด้วย?
หัวหน้าโจวได้แต่มองไปทางผู้กองลั่วอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน ผู้กองลั่วก็โตขึ้นมาก เขาไม่ได้อธิบายนำไปก่อน แต่หยิบโทรศัพท์ออกมา หาโซเชียลเน็ตเวิร์ก จากนั้นกดไปที่หน้าโปรไฟล์ของซือลี่หมิงแล้วเลื่อนดูความเคลื่อนไหวของเขา
อันแรกเป็นความเคลื่อนไหวที่เขารีโพสต์ลงเมื่อคืนที่ผ่านมา
ผู้ส่งดูเหมือนจะเป็นเฉิงมู่ ผู้กองลั่วจึงกดเข้าไปที่หน้าเพจของเฉิงมู่
เรื่องราวเป็นแบบนี้——
เฉิงมู่ : ฉันหวังว่าพวกเขาจะเปิดร้านเนื้อย่างในอนาคต (วิดีโอ)
เปิดเป็นโหมดสาธารณะ
ด้านล่างเหมือนจะมีคนที่ชื่อลู่จ้าวอิ่งถามว่าเขาคนนี้เป็นใคร
เฉิงมู่ตอบ : เชฟ
ผู้กองลั่วขยายวิดีโอให้พวกหัวหน้าตู้และเฉิงสุ่ยดู
เฉิงมู่ถ่ายวิดีโอในระดับทั่วไป แต่โทรศัพท์มีฟิลเตอร์ ภาพเนื้อย่างจึงดูชัดแจ๋ว คนย่างเนื้อดูไม่เหมือนกับเนื้อที่ย่าง
รูปร่างกำยำ หน้าตาปูดโปน ดูก็รู้ว่าไม่ควรไปแหย่
หัวหน้าตู้และคนอื่นๆ ก็เห็นคำตอบของเฉิงมู่เหมือนกัน “เชฟนี่ทำไมเหรอ? คนของฮอลล์?”
ทันใดนั้นผู้กองลั่วก็เข้าใจความรู้สึกของเฉิงมู่เมื่อคืน “เปล่า พวกคุณถามผมไม่ใช่เหรอว่าหนีมาได้ยังไง คนที่ย่างเนื้อคนนี้ก็คือหัวหน้าทหารรับจ้างยังไงละ เมื่อคืนเขาไม่ได้เอาของไป เพราะเขากำลังย่างเนื้อให้คุณหนูฉินอยู่”