ฉินหร่านจ้องมองข้อความประโยคนี้ ก่อนตอบกลับอีกครั้ง
(ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอ?)
ที่อยู่ของที่นี่ เธอเคยส่งไปทางอวิ๋นกวงแล้ว
เพียงแต่ไม่ได้ระบุชื่อถนนหลักชัดเจน ส่งไปให้แค่ชื่อของคฤหาสน์เท่านั้น คฤหาสน์สไตล์ยุโรปในรัฐ M น่าจะมีที่นี่ที่เดียว
แต่อีกฝั่งยังถามเธอซ้ำอีก ฉินหร่านยังเคยส่งเลขที่ถนนหลักอย่างละเอียดไปแล้ว มีเฉพาะบ้านเลขที่ที่ฉินหร่านไม่ได้สนใจส่งไปให้
ไม่นานอีกฝั่งก็ตอบกลับ
(ไม่มีอะไร ถามให้แน่ใจเฉยๆ)
มาถึงห้องอาหารชั้นหนึ่ง ฉินหร่านวางโทรศัพท์ลง
เฉิงมู่กับซือลี่หมิงเพิ่งออกมาจากห้องฝึกซ้อม ขณะที่ฝึกซ้อมกัน ซือลี่หมิงก็รอเฉิงมู่เพื่อไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้ใบหน้าของเขายังคงบวมช้ำ
ในทางตรงกันข้ามเฉิงมู่ดูไม่เป็นอะไรแล้ว
ทั้งหมดนั่งลงเริ่มกินข้าว เฉิงมู่ไม่พูดจาอะไร เพียงนั่งมองฉินหร่านอยู่เงียบๆ ในขณะที่มือถือตะเกียบอยู่ “เฉิงมู่ ได้ข่าวว่าวันนี้นายไปหาคู่แข่งมาเหรอ?”
“อืม” เฉิงมู่กินข้าวอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่ตอบกลับก็ฟังไม่ค่อยชัดเจน
เนื่องจากวันนี้โค้ดหุ่นยนต์ตัวนั้นที่หน่วยข่าวกรองตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉิงหั่วจึงพึ่งได้มากินข้าวเย็น เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาพลันเลิกคิ้วหันไปถามอีกฝ่าย “นายหาใครมาสู้ด้วย? สู้ชนะรึ?”
“เจอร์รี่” เฉิงมู่ยังคงกินข้าวต่อ ตอบกลับเพียงไม่กี่คำเช่นเคย
เจอร์รี่คือคนจากหน่วยข่าวกรอง เป็นสมาชิกไม่กี่คนที่มีความแข็งแกร่งใช้ได้ อีกทั้งเฉิงหั่วมีความประทับใจที่ดีมากต่อเจอร์รี่
หากเฉิงมู่ต่อสู้กับเขาคงแพ้ราบคาบ
เฉิงหั่วเอามือเท้าโต๊ะ ยกคิ้วด้วยความสงสัยถึงที่สุด “นายสู้ชนะหรอ?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ มือของเฉิงมู่ถึงกับชะงัก จากนั้นเงยหน้ามองเฉิงหั่วอย่างไร้อารมณ์โดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งยังก้มหน้าก้มตาคีบข้าวคำสุดท้ายเข้าปากกลืนลงไป
“คุณชายเจวี้ยน คุณหนูฉิน ผมไปห้องฝึกซ้อมก่อนนะครับ” เขาลากเก้าอี้ออกแล้วยืนขึ้น
เฉิงเจวี้ยนมองเขาครั้งหนึ่ง พลางลืมตา ในแววตามีเสียงของ “อืม” ตอบอย่างขี้เกียจเล็กน้อย
ฉินหร่านโบกมือลาให้อย่างสบายๆ
ซือลี่หมิงเห็นเฉิงมู่เดินไปแล้ว ก็รีบกินข้าวให้เสร็จ หลังจากนั้นพูดเพียงประโยคเดียวกับคนบนโต๊ะแล้วไปห้องฝึกซ้อมต่อ
“ที่แท้เฉิงมู่ไม่ได้สนใจฉันเลย?” เฉิงหั่วถือตะเกียบพลางมองไปยังเฉิงสุ่ย “สงสัยว่าถูกชกจนสติฟั่นเฟือนแล้วละมั้ง?”
เฉิงสุ่ยส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงมองไปที่ฉินหร่าน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจถามออกไปอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง “คุณหนูฉิน ช่วงนี้คุณกำลัง…. ฝึกซ้อมหนักกับเฉิงมู่อยู่หรือครับ?”
ฉินหร่านพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก
ที่สุดแล้วเฉิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไร
รอให้ฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนกินข้าวเสร็จแล้วเดินออกไป เฉิงหั่วถึงได้ถามเฉิงสุ่ยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“นายคิดว่าผลการแข่งขันของเฉิงมู่กับเจอร์รี่เป็นยังไง? เจอร์รี่เป็นคนของหน่วยข่าวกรองของพวกนายหนิ” เฉิงสุ่ยไม่ตอบ ราวกับเป็นประโยคคำถามที่ไม่มีคำตอบ
เฉิงหั่วเลิกคิ้ว ก่อนเปิดปากพูดอย่างกระตือรือร้น “ฝีมือของเจอร์รี่ร้ายกาจมาก ค่าพลังหมัดอยู่ที่820กว่า หากคิดจะสู้กับเขา เกรงว่ามีเฉิงมู่ถึงสามคนคงไม่พอ”
“วันนี้ที่เฉิงมู่และเจอร์รี่สู้กันหนึ่งยก ลงมือไม่ถึงห้าหมัด เจอร์รี่ก็คลานไม่ขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ที่ห้องพยาบาลอยู่เลย คนข้างนอกทายกันว่าค่าพลังหมัดน่าจะถึง900แล้ว” เฉิงสุ่ยพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่น้ำเสียงเจือความสุภาพอย่างยิ่ง
เฉิงหั่วถึงกับกระโดดโหยง “เป็นไปได้ยังไง?! ค่าพลังหมัดของเขามากที่สุดคือ650เอง!”
สำหรับค่าพลังหมัด650 ถ้าเป็นเฉิงหั่วประมือกับเฉิงมู่ยังนับว่าเข้าใจได้
แต่เฉิงสุ่ยก็ไม่มีทางโกหกตน ทันใดนั้นในหัวของเฉิงหั่วมีความคิดหนึ่งโผล่ออกมา “นายพึ่งบอกว่าคุณหนูฉินเข้มงวดกับเฉิงมู่เป็นพิเศษ…”
“อืม พวกเราไปดูว่าเฉิงมู่ฝึกซ้อมกันยังไงเถอะ” ดวงตาของเฉิงสุ่ยจับจ้องไปยังห้องฝึกซ้อม
เดิมทีห้องฝึกซ้อมนี้เป็นของเฉิงเจวี้ยน แต่เขาไม่เคยใช้
ตอนที่พวกเขาทั้งสองคนเข้าไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงกำลังสู้กันอยู่ ดูท่าเฉิงมู่ไม่มีความคิดที่จะเริ่มโจมตี ท่าทางทั้งหมดอยู่ในท่าป้องกัน ในการต่อสู้ช่วงบ่ายซือลี่หมิงยังสามารถหาช่องทางโจมตีที่หน้าของเขาได้ ในตอนนี้กลับหาช่องโหว่ไม่เจอเลย
ส่วนช่วงเช้าเฉิงหั่วและเฉิงสุ่ยไม่ได้ดูการต่อสู้ของเฉิงมู่และเจอร์รี่ เมื่อรู้เรื่องผลการแข่งขันจากข่าวลือจึงรู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย
แต่เมื่อเห็นเฉิงมู่กับซือลี่หมิงสู้กัน เดิมทีทั้งสองก็นับว่ามีฝีมือดีเยี่ยม แน่นอนว่าย่อมมองกันออก
ความก้าวหน้าของเฉิงมู่เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งระดับ
“เฉิงสุ่ย ตอนนี้เฉิงมู่นำฉันไปมากกว่าเดิมละมั้ง?” เฉิงหั่วมองเฉิงสุ่ยเงียบๆ
เฉิงสุ่ยผงกศีรษะ สายตาอันจริงจังมองดูทั้งสองสู้กันอยู่ไม่ไกล
เฉิงมู่ไม่พูดอะไร ทุกกระบวนท่าล้วนมีการเปลี่ยนแปลงจนน่าตกใจยิ่ง และการเคลื่อนไหวของซือลี่หมิง…ก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาดอยู่บ้าง
ห้านาทีผ่านไป เฉิงมู่กับซือลี่หมิงถึงหยุดการต่อสู้ พลางมองเห็นเฉิงหั่วกับเฉิงสุ่ยที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลกำลังเดินเข้ามาหา
ซือลี่หมิงทักทายด้วยความสุภาพ “คุณเฉิงสุ่ย คุณเฉิงหั่ว”
เฉิงหั่ว “อืม” ออกมาครั้งหนึ่ง นิสัยของเขาราวกับไฟไม่ผิด ใจร้อนขี้หงุดหงิด เอาแต่มองมาทางเฉิงมู่ “เฉิงมู่ ได้ยินมาว่าช่วงเช้านายถึงกับทำให้เจอร์รี่คลานไม่ขึ้น? ทั้งยังมีข่าวลือว่าค่าแรงหมัดของนายถึง900แล้ว?”
“เรื่องของเจอร์รี่เป็นความจริง แต่เรื่องแรงหมัดไม่ถึงกับแรงขนาดนั้น” เฉิงมู่ส่ายหน้า “พูดเกินไปแล้ว”
เฉิงหั่วถอนหายใจทีหนึ่ง “ฉันก็ว่า ค่าพลังหมัดของฉันพึ่งถึง890 นายจะทำถึง900ได้ยังไง?”
เฉิงสุ่ยกลับมุ่นหัวคิ้ว “ตอนนี้ค่าพลังหมัดของนายเท่าไหร่?”
“860มั้ง?” เขามองดูเครื่องทดสอบพลังหมัด บนข้อมูลบรรทัดที่สามด้านบน ตัวเลขอยู่ระหว่าง850-865
เฉิงหั่วที่สบายใจได้ไม่นานก็กลับมาหนักใจอีกครั้ง ดวงตาของเขาทั้งสองจ้องเขม็งไปยังเฉิงมู่ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้เองถึงกับพูดไม่ออกเลยสักคำ “ให้ตายเถอะ…”
เฉิงสุ่ยก็ถึงกับอึ้ง เขาเองต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไรออกมาได้ “คุณหนูฉินฝึกนายหนักตั้งแต่ตอนอยู่อวิ๋นเฉิงเลยรึเปล่า? นี่ผ่านมาไม่กี่เดือนเอง?”
ตัวเลขอยู่ที่650ถึง850 ช่องว่างของค่าแรงสองร้อยกว่า คนทั่วไปเมื่อถึงขีดจำกัด โดยปกติจะหยุดพัฒนา นอกจากมีอุปสรรคในรูปแบบใหม่ แต่จากสถิติแล้วก็ไม่อาจเพิ่มค่าแรงขึ้นได้ภายในสองถึงสามปี
อย่างเฉิงสุ่ยเอง ค่าแรงของหมัดหยุดลงที่910เมื่อสองปีที่แล้ว ขนาดตนเองก็ยังไม่อาจเพิ่มได้มากกว่านี้แล้ว
คนอื่นก็ไม่ต่างอะไรกันมาก
สำหรับเฉิงมู่ที่ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี ค่าแรงหมัดเพิ่มขึ้นจาก650เป็น850?
ทันใดนั้นเฉิงหั่วก็รู้สึกขนลุกขนพองเฉิงมู่กับฉินหร่านขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะฉินหร่าน ที่ใช้วิธีไหนถึงทำให้ขีดจำกัดของเฉิงมู่…..
เพิ่มขึ้นได้?
เมื่อได้ยินเฉิงหั่วพูดแบบนี้ เฉิงมู่ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่ “ไม่นะ คุณหนูฉินไม่ได้เริ่มฝึกฉันตอนอยู่อวิ๋นเฉิง”
เฉิงหั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เป็นแบบนั้นก็คงมากกว่าสองสามเดือน เฉิงหั่วรู้สึกว่าตัวเองสามารถยอมรับความจริงได้อย่างไม่เต็มใจนัก
แต่ทว่า…
ประโยคถัดมาของเฉิงมู่คือ “น่าจะประมาณครึ่งเดือนที่แล้วมั้ง? ใช่ไหม?”
พูดจบก็เอียงหัวไปถามซือลี่หมิงให้แน่ใจอีกทีหนึ่ง
ซือลี่หมิงถูใบหน้าของตัวเอง พลางคิด ก่อนตอบว่า “ถ้าจะพูดให้ถูก คือสิบสามวันก่อน”
ในทุกๆ วันเขาเห็นแต่ฉินหร่านต่อยเฉิงมู่ ยังจำช่วงเวลานั้นได้อย่างชัดเจนอีกด้วยว่ามีการทดลองใช้ยา
ครั้งนี้เฉิงหั่วถึงกับพูดไม่ออก แม้แต่เฉิงสุ่ยที่มักใช้เหตุผลและความใจเย็นกับตัวเองมาตลอดก็ตัวแข็งทื่อเช่นเดียวกัน “นาย พวกนาย…”
เฉิงสุ่ยกับเฉิงหั่วหันหน้ามองกัน ไม่ว่าจะฝึกนานกี่เดือนเฉิงหั่วก็ยอมรับไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นใช้เวลาเพียงสิบสามวันสามารถฝึกซ้อมเฉิงมู่จนกลายเป็นแบบนี้ได้…
ให้ตายเถอะ…คุณหนูฉินยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?
วันต่อมา
ถังชิงรอข่าวจากคุณลุงตลอดทั้งวัน แต่ก็ได้แค่รอ
เธอกับคุณลุงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สนิทกัน ตลอดทั้งปีคุณลุงใช้ชีวิตในประเทศ และเธออยู่ต่างประเทศ อีกทั้งเจอหน้ากันผ่านๆ ไม่กี่ครั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่เด็กจำได้ว่า พ่อแม่ของเธอนับถือคุณลุงอย่างมาก แน่นอนว่าถังชิงก็นับถือเขาเช่นเดียวกัน
“วันนี้รุ่นพี่เฉิงหั่วไม่มาเหรอคะ?” เมื่อมาถึงหอหน่วยข่าวกรอง ถังชิงมองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเฉิงหั่ว จึงถามออกไปประโยคหนึ่ง คนที่อยู่ด้านในตอบอย่างมีมารยาทว่า “ยังไม่เห็นครับ แต่ว่าตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาก็เห็นคุณเฉิงหั่วอยู่บริเวณฝั่งใต้ของสวนดอกไม้นะครับ”
สวนดอกไม้?
ถังชิงรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร
เธอเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อลงมือทดลองโค้ดที่หยุดรันกลางคันเมื่อวานของตัวเองต่อ
เพิ่งได้เปิดคอม ก็มีข้อความยาวข้อความหนึ่งจากแอปโทรศัพท์ปรากฏขึ้น
(รอลุงทำธุระเสร็จแล้วจะไปหาพวกเธอที่นั่นนะ)
“ติ๊ด ติ๊ด” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
ในมือของถังชิงจับเมาท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นพรวดก่อนหันไปถามตำแหน่งที่ชัดเจนของสวนดอกไม้ฝั่งใต้ แล้ววิ่งออกไปหาเฉิงหั่วอย่างรวดเร็ว
ในตอนเช้าตรู่ เฉิงหั่วนั่งยองอยู่กับฉินหร่าน
เมื่อคืนเขาไม่ได้หลับทั้งคืน ใต้ตามีรอยดำคล้ำชัดเจน
ฉินหร่านกำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายดอกไม้ในสวน
เฉิงหั่วถือกระบอกรดน้ำดอกไม้อย่างสบายใจอยู่ด้านหลังเธอ “คุณหนูฉิน คุณทำยังไงถึงสอนเฉิงมู่ให้กลายเป็นแบบนั้นได้?”
นี่เฉิงมู่กำลังกอบกู้จักรวาลอยู่หรือนี่?!
เพิ่งจะปีนขึ้นมาได้ ก็ถูกโฉบขึ้นไปแล้ว?
ฉินหร่านถ่ายวิดีโออย่างละเอียดเสร็จคลิปหนึ่ง มือทั้งสองที่ถือโทรศัพท์ก็กดส่งให้หลินซือหรานต่อ
หลินซือหรานให้ความสนใจกับการปลูกพืชพรรณต่างๆ ในคฤหาสน์หลังนี้ของเฉิงเจวี้ยนมาก ช่วงนี้เฉิงมู่เอาแต่ฝึกซ้อมไม่มีเวลา ฉินหร่านจึงช่วยหลินซือหรานถ่ายวิดีโอที่เธอชื่นชอบได้ตามอำเภอใจ มีเวลาว่างก็สอบถามคนสวนเกี่ยวกับลักษณะของดอกไม้พวกนี้
เมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย จึงตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรมากว่า “ก็ กินยาไงละ”
กินยา?
แค่กินยาก็สามารถกลายเป็นชายกล้ามโตภายในสิบสามวันได้?
เฉิงหั่วเกาหัวอย่างครุ่นคิด รอโอกาสอีกสักหน่อยค่อยถามเฉิงมู่ว่ากินยาเทวดาอะไรกันแน่
ฉินหร่านเก็บโทรศัพท์ มองเฉิงหั่วอีกครั้งก่อนถามว่า “จริงสิ รหัสที่นายให้…”
เธอยังถามไม่จบประโยค เสียงของถังชิงที่อยู่ไม่ไกลก็ดังลอยเข้ามา “รุ่นพี่เฉิงหั่ว คุณลุงของฉัน…”
เธอวิ่งมาหยุดข้างเฉิงหั่ว ผมลอนสีทองดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทำท่าทีมองไม่เห็นฉินหร่าน ก่อนพูดกับเฉิงหั่วต่อไปว่า “คุณลุงของฉันกลับมาแล้ว! เขาจะมาที่คฤหาสน์!”