ได้ยินถังชิงพูดแบบนี้ เฉิงหั่วเขย่ากระบอกฉีดน้ำในมือ เขาหันหลังมาทำให้ตำแหน่งของปากกระบอกน้ำที่เพิ่งฉีดเสร็จตรงกับถังชิงพอดี แต่ว่าดีที่น้ำในกระบอกฉีดมีเหลืออยู่ไม่มาก
เท้าของถังชิงจึงมีรอยเปียกเป็นจุดอย่างชัดเจน
คนที่มองว่าการเขียนโปรแกรมคือทุกอย่างของชีวิต แน่นอนว่าเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมย่อมมีมาก
โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่หน่วยข่าวกรองทางฝั่งนั้นล้วนรอข่าวคราวของคุณลุงของถังชิง
ตอนแรกคิดว่าถ้าตนพูดจบแล้ว เฉิงหั่วจะแสดงท่าทีกระดี๊กระด๊า
แต่เฉิงหั่วเพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้ถามอะไร ทั้งเอียงตัวมองฉินหร่าน “คุณหนูฉิน เมื่อกี้คุณพูดอะไรเกี่ยวกับรหัสนะ?”
สำหรับทักษะเรื่องคอมพิวเตอร์ของฉินหร่าน เฉิงหั่วก็ไม่รู้แน่ชัด แต่หลังจากที่เคยถามเฉิงมู่ ลู่จ้าวอิ่งกับผู้กองห่าวคนพวกนั้นมา
เฉิงมู่กับลู่จ้าวอิ่งไม่ได้รู้เรื่องละเอียดมากนัก แต่กับผู้บัญชาการเฉียนที่เคยทำงานกับร่วมกับผู้กองห่าวมาเป็นเวลานานก็พอเข้าใจบ้าง จนได้ข้อสรุปว่า เฉิงหั่วรู้สึกว่าฉินหร่านอาจจะเป็นถึงปรมาจารย์คนหนึ่ง
ฉินหร่านมองดูดอกไม้สีแดงดุจเปลวเพลิงใต้ฝ่าเท้า แต่ไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้พันธุ์อะไร ในช่วงที่อากาศหนาวจัดยังออกดอกงดงามได้ขนาดนี้
“เปล่า ไม่มีอะไรแล้ว”เธอละสายตาจากเฉิงหั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเช่นเคย ก่อนวางมือหลังท้ายทอยแล้วเดินจากไปด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ฉันจะกลับไปอ่านหนังสือ”
เฉิงหั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม หรี่ตามองหลังของฉินหร่านที่เดินจากไป
แต่ว่าถังชิงยังยืนอยู่ข้างเขาเช่นเดิม เขามุ่นหัวคิ้ว มีเรื่องที่ไม่ได้ถามฉินหร่านอยู่หลายเรื่อง ทำได้แต่เพียงมองมายังถังชิงเท่านั้น “ลุงของเธอจะมาถึงเมื่อไหร่?”
ถังชิงไม่รู้ว่าเฉิงหั่วกับฉินหร่านจะหารือปัญหาของเสี่ยวเฮยกันอีกทำไม
แต่ว่าสายตายังหันกลับไปมองฉินหร่าน ก่อนหันมาพูดกับเฉิงหั่วประโยคหนึ่งว่า “ก็คงสองวันนี้แหละ คุณลุงใกล้ทำธุระเสร็จแล้ว”
เมื่อพูดถึงหน่วยข่าวกรอง นี่นับเป็นข่าวที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่ง
ตอนนี้คนของหน่วยข่าวกรองต่างปรึกษากันอย่างกระตือรือร้น แม้แต่เจอร์รี่ที่นอนอยู่บนเตียงยังต้องคลานขึ้นมาอย่างอเน็จอนาจเพื่อฟังคนพูดเรื่องนี้
**
ในช่วงบ่าย ฉินหร่านยังคงเฝ้าดูเฉิงมู่กับซือลี่หมิงฝึกซ้อม
ตกเย็น โทรศัพท์แจ้งเตือนขึ้นอีกครั้ง ส่งมาจากหลินซือหราน
บอกอยากให้ถ่ายคลิปวิดีโอดอกสีแดงในยามเย็นให้
ฉินหร่านก็ยอมออกจากประตูไปแต่โดยดี เฉิงเจวี้ยนไม่ได้สนใจอะไรกับดอกไม้พวกนั้นเลย แต่ก็ไปถ่ายวิดีโอกับเธอด้วย
“คือดอกนี่?” เขาชี้ไปยังดอกสีแดง ครุ่นคิดสักครู่ ก่อนเอียงหัวพิจารณาอยู่สักพักหนึ่ง “พรุ่งนี้จะให้เฉิงสุ่ยหาคนมาขุดส่งมันกลับไปเหรอ?”
ฉินหร่านส่งคลิปวิดีโอให้หลินซือหรานอีกรอบ ก่อนเดินกลับมาอย่างช้าๆ “เหมือนว่าพ่อของเธอจะปลูกดอกไม้พันธุ์นี้ไว้ น่าจะชอบของอะไรแบบนี้อยู่บ้าง เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองถามดู”
ทั้งสองเดินผ่านลานฝึกซ้อมด้านนอก
ตอนนี้ท้องฟ้ายังไม่มืดมากนัก เวลาประมาณห้าโมง ไฟที่สนามฝึกซ้อมก็เปิดสว่างแล้ว
สองวันมานี้ผู้คนในคฤหาสน์ดูเหมือนถูกกระตุ้นเป็นพิเศษ ทุกวันที่ลานสนามฝึกซ้อม จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่เสี่ยงตายฝึกซ้อม ทั้งยังมีคนเซ็นสัญญากับกลุ่มหมัดดำเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
เมื่อฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนปรากฏตัว ก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนทั้งสนาม
ผู้กองลั่วเปิดปากพูดก่อน เขาวางอุปกรณ์ลง เช็ดเหงื่อเล็กน้อยก่อนเดินออกมาจากลานฝึก แล้วตะโกนเสียงดังว่า “คุณหนูฉิน ผมมีคำถามหนึ่งอยากปรึกษากับคุณหนูเล็กน้อย…”
เฉิงเจวี้ยนใช้มือข้างหนึ่งยันเสาไม้บนด้านนอก เมื่อเห็นดังนั้น ผู้กองลั่วก็เอียงตัวมอง เลิกคิ้วด้วยความสงสัย
ฉินหร่านที่นอนอยู่ด้านข้างก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน ก่อนถามเขาว่า “ถามอะไรเหรอ?”
แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้กองลั่วพูดย่อมเป็นปัญหาใหญ่
ผ่านช่วงเวลานี้ไป ผู้กองลั่วก็พอเข้าใจฉินหร่านบ้าง ดูเหมือนสายตาของเธอจะเกรี้ยวกราดกว่าเฉิงเจวี้ยนมาก ดวงตาคู่นั้นทั้งเยือกเย็นและไม่อาจควบคุมได้
แต่ในความเป็นจริงเธอดูพูดง่ายกว่าเฉิงเจวี้ยน
ฉินหร่านได้ยินปัญหา จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย ลานฝึกอยู่ตำแหน่งลึก ด้านนอกล้อมรอบด้วยทางเดินเล็กสายหนึ่งที่มีประตูใหญ่และบันไดอยู่ เธอไม่ได้ใช้ทางเดินด้านข้าง แต่กลับยืนขึ้นแล้วยันเสาไม้ด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นกระโดดจากด้านบนลงมา ระดับความสูงของสนามฝึกซ้อมไม่ได้สูงมากนัก แต่รวมเสาไม้ที่อยู่ด้านบนด้วยก็มีขนาดประมาณสองเมตรกว่า
ผู้คนที่มองดูอยู่ด้านนอกต่างถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งอัตโนมัติ
เฉิงเจวี้ยนที่ไม่ได้สอดมือเข้าในเรื่องฝั่งนี้ครึ่งปีแล้ว ทำเพียงเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ระดับหนึ่ง แต่เห็นว่าฉินหร่านมีท่าทีราวกับสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ก็ไม่ได้กลับเข้าไป แต่พิงอยู่ทางเสาไม้คอยดูเหตุการณ์ต่อ
คนในคฤหาสน์ส่วนมากจะเกรงกลัวเขา ดังนั้นเขาก็ไม่ได้โดดลงไป เพียงยืนอยู่ด้านบน
ไม่ไกลนัก ถังชิงก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนด้วย
ในตอนแรกเฉิงหั่วไม่ได้ตัดสินใจให้เธอเข้าร่วมการทดสอบของเดือนหน้า เพราะอยากให้ถังชิงเลื่อนขั้นเป็นรองหัวหน้าก่อน แต่ไม่กี่วันมานี้เฉิงหั่วมีความคิดใหม่
ถังชิงมีนิสัยหยิ่งทะนงในตัวเองสูง เธอต้องเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในการเข้าร่วมการทดสอบของคฤหาสน์ ดังนั้นหลายวันมานี้นอกจากอยู่ที่หน่วยข่าวกรอง ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่ที่นี่
เธอถูกคนของหน่วยข่าวกรองกลุ่มหนึ่งล้อมตัวไว้
ตอนนั้นเองมีคนหนึ่งในนั้นเริ่มถามถังชิงก่อนว่า “คุณหนูถัง คุณลุงของคุณหนูฝีมือเก่งกาจมากใช่ไหมครับ?”
ได้ยินดังนั้น ถังชิงยิ้มเล็กน้อย ผมลอนฟูสีทองสะท้อนกับแสงไฟเย็นสว่างวาบ “คุณลุงเก่งกว่าฉันมาก ฉันไปที่องค์กรแฮ็กเกอร์โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ เพราะพ่อของฉันให้เขาเขียนจดหมายรับรองให้ฉบับหนึ่ง”
คนที่สามารถเข้าไปในองค์กรแฮ็กเกอร์ได้โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบ นับว่าเป็นคนที่เก่งกาจจริงๆ
คนกลุ่มหนึ่งที่โม้กันไปไม้กันมา ทั้งยังมีคนของฝ่ายยุติธรรมและหอจัดซื้ออยู่ด้วยไม่น้อย แต่ว่าหลังจากนั้นจำนวนคนที่ยืนล้อมรอบถังชิงก็ลดน้อยลงครึ่งหนึ่ง
มาล้อมรอบผู้กองลั่วที่อยู่อีกฝั่งแทน
แม้คนของฝ่ายยุติธรรม ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายการค้าระหว่างประเทศจะเกรงกลัวถังชิง แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องโค้ดกันเท่าไร รหัสผ่านลึกลับที่ไหนจะเทียบกับความแข่งแกร่งได้ สิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญยังคงเป็นเรื่องของการต่อสู้
ถังชิงพูดจบไปเล็กน้อย ก่อนหันไปทางฉินหร่านหรี่ตามองอีกฝั่งอย่างไม่ตั้งใจ หันตัวถามคนของหน่วยข่าวกรองคนหนึ่ง “พวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?”
คนของหน่วยข่าวกรองเห็นฉินหร่าน คิดอยู่สักพักจากนั้นตอบว่า “น่าจะปรึกษาหารืออยู่กับคุณหนูฉินครับ”
เฉิงมู่ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนสั้นๆ ก็ยกระดับตัวเองขึ้นมาอย่างมาก ทำให้คนจำนวนไม่น้อยอยากพูดคุยกับฉินหร่าน แต่ไม่มีใครกล้าพอทั้งยังไม่มีหน้า…
ถังชิงก็เห็นฉินหร่าน ไม่เพียงแค่ฉินหร่านยังมีเฉิงเจวี้ยนที่พิงอยู่ตรงเสาไม้ คิ้วของเขาเรียวยาวดำขลับ
“คุณหนูฉินคนนี้ เธอเก่งขนาดนั้นเชียว?” ถังชิงละสายตาหันไปถามคนข้างๆ
นอกจากผู้กองลั่วและอีกไม่กี่คน ส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นฉินหร่านลงมือ เพียงได้ยินมาบ้างเล็กน้อย
คนของหน่วยข่าวกรองก็ไม่รู้แน่ชัด ได้แต่ลูบหัวตัวเอง “น่าจะมีฝีมือเก่งกาจ แต่ไม่เคยเห็นคุณหนูลงมือ พวกเราก็ไม่รู้อะไรมาก คุณเฉิงสุ่ยกับหัวหน้าตู้น่าจะรู้นะครับ”
“หล่อนเก่งกาจขนาดนั้นแต่ไม่เคยแสดงฝีมือ?” ถังชิงหรี่ตา
พลางคิดพิจารณา
**
ในช่วงเย็น
เฉิงหั่วยังคงกินข้าวอยู่ชั้นล่าง แต่ว่ารอไปรอมาอยู่ครึ่งค่อนวัน ฉินหร่านก็ไม่ได้คุยกับเขาต่อเรื่องรหัสโค้ด
เฉิงเจวี้ยนเห็นเขามีท่าทางเอื่อยเฉื่อยเช่นนี้ ทั้งช่วยคนใช้ล้างจาน จึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “คิดจะล้างจานหรอ?”
เฉิงหั่ว “…” ไม่ เขาไม่ทำจริงๆ หรอก
เฉิงเจวี้ยนไม่เปิดโอกาสให้เขาเถียงกลับ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างยิ่งว่า “งั้นวันนี้ให้แม่ครัวลาหยุดไปละกัน”
เฉิงหั่ว “…”
แม่ครัวที่อยู่อีกครั้งหยิบผ้ากันเปื้อนแขวนกับผ้าขนหนูด้านนอก ล้างมือชั่วครู่ก่อนกล่าวขอบคุณเฉิงหั่วด้วยความจริงใจ “คุณชายเฉิงหั่ว งั้นดิฉันขอตัวกลับไปดูหนังก่อนนะคะ”
เฉิงหั่ว “…” เขา ต้อง การ คุย กับ ฉิน หร่าน เท่า นั้น
พอเขาล้างจานเสร็จ ก็ไม่ได้ไปที่หน่วยข่าวกรอง แต่เดินกลับห้องของตัวเอง
ห้องของเขาอยู่ระหว่างเฉิงสุ่ยและเฉิงมู่
ตกดึกสองทุ่มครึ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ต่อสายไปยังคนในประเทศ
“เฉิงหั่ว นายโทรหาฉันเหรอ?” ในประเทศเป็นเวลาแปดโมงครึ่ง ผู้กองห่าวรับสายในขณะที่กำลังจะเข้าเวร เขานั่งอยู่บนรถพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เฉิงหั่วเดินไปที่หน้าต่าง พลางคลำหาบุหรี่มวนหนึ่ง “ฉันอยากถามนายเกี่ยวกับคุณหนูฉิน”
ผู้กองห่าวรู้ว่าเขาจะถามถึงทักษะด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของฉินหร่าน แม้ไม่รู้ว่าทำไมเฉิงหั่วอยากรู้เรื่องนี้ของฉินหร่าน แต่เขาก็ตอบอย่างจริงจัง “เรื่องการสืบสวนคดีอาชญากรรม ลูกน้องของผู้บัญชาการเฉียนล้วนมีฝีมือที่ร้ายกาจ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค แต่ว่าทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคเทียบไม่ได้กับคุณหนูฉินเลยแม้แต่น้อย”
“เจ้าที่ฝ่ายเทคนิค?” เฉิงหั่วหรี่ตาเล็กน้อย พลางพ่นควันวนแหวนกลมวงหนึ่ง “นายมีข้อมูลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนนั้นไหม?”
“ข้อมูลของพวกผู้บัญชาการเฉียนฉันไม่มีหรอก” เมื่อถึงที่หมาย ผู้กองห่าวลงจากรถ กระชับเสื้อคลุมให้เข้าที่ “แต่รูปในสถานที่เกิดเหตุน่าจะมีใบหน้าของเขาติดอยู่ เดี๋ยวฉันจะหาแล้วส่งให้”
เกี่ยวกับนักแฮ็กเกอร์คนหนึ่ง โดยเฉพาะแฮ็กเกอร์ที่มีฝีมือระดับเก่งกาจ มีเพียงรูปภาพรูปเดียวก็เพียงพอที่จะหาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังได้
ไม่ถึงหนึ่งนาที ผู้กองห่าวก็ส่งรูปในสถานที่เกิดเหตุมาให้
มีใบหน้าของคนสองคนและศพหนึ่งศพ ผู้กองห่าววงใบหน้าของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคมาให้ ทั้งยังเตือนเฉิงหั่วว่าห้ามให้รูปสถานที่เกิดเหตุหลุดออกไปเด็ดขาด
เฉิงหั่วตอบกลับไปอย่างสบายๆ “อืม” จากนั้นคลิกเพื่อขยายรูปให้ใหญ่ขึ้น
หน้าตาของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคบนรูปภาพไม่ได้ดูพิเศษอะไร อายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดได้
เฉิงหั่วกัดบุหรี่ หรี่ตาเพ่งมอง เขาพิจารณาดูอีกทีรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคคนนี้ขึ้นมาเล็กน้อย ความจำของเฉิงหั่วนับว่าไม่เลว แต่ตอนนี้กลับคิดไม่ออก น่าจะบังเอิญเคยเจอแต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน
จากนั้นจึงใช้โปรแกรมค้นหาข้อมูลของเจ้าหน้าที่เทคนิค
ข้อมูลดูธรรมดายิ่ง แทบไม่เห็นข้อบกพร่อง เฉิงหั่วนั่งพิงบนเก้าอี้ ใช้สมองนึกไตร่ตรองอย่างอยู่เงียบๆ
**
สองวันหลังจากนั้น
คนของหน่วยข่าวกรองล้วนตื่นเต้นกันอย่างมาก เฉิงสุ่ยที่เจอแต่งานล้นมือก็ได้พักในช่วงเช้า พร้อมสวมชุดเต็มรูปแบบ เฉิงหั่วกับคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ใหญ่อีกฝั่ง
ตามการวิเคราะห์ของเฉิงหั่ว คุณลุงของถังชิงน่าจะมาจากชนชั้นสูงของอวิ๋นกวงกรุ๊ป
อวิ๋นกวงก็เป็นองค์กรยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
เฉิงสุ่ยในฐานะผู้จัดการใหญ่ของคฤหาสน์แน่นอนว่าต้องออกมาต้อนรับ
ถังชิงยืนอยู่ด้านข้างเฉิงหั่ว เฝ้ามองปากประตูทางเข้าอย่างไม่ลดละ นิ้วมือจับโทรศัพท์แน่น มองดูแล้วมีอาการตัวสั่นเล็กน้อย
ไม่ถึงหนึ่งนาที
ทุกคนที่ยืนคอยก็เห็นสิ่งที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามา รถยนต์รุ่นคลาสสิกแสนธรรมดาคันหนึ่งขับตรงมาทางนี้ช้าๆ