ตอนที่ 203 มิ่งขวัญ
เสิ่นมั่วหลีโตกว่าซย่าเสี่ยวมั่วแค่ปีเดียว แต่ระดับสมองของทั้งคู่ห่างไกลกันกว่าร้อยปี
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ยอมใครทั้งนั้น แต่กลับนับถือพี่ชายของตนมากๆ
บนโลกนี้มีคนหนึ่งประเภทที่มีความสามารถหนึ่งที่เรียกว่าไม่ต้องสอนก็เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง อย่างเช่นพี่ชายของเธอ
คนประเภทนี้ไม่ใช่แค่โอรสกษัตริย์เท่านั้น แต่เขาเป็นคนที่คุณยายเมิ่ง[1]ยอมปล่อยตัวไปด้วย
งานอดิเรกความสนใจของเสิ่นมั่วหลีล้วนเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณ การจัดแจกันดอกไม้ ศิลปะการชงชา ขี่ม้ายิงธนู และศิลปะชั้นสูงอย่างการบรรเลงดนตรีเครื่องสาย หมากรุกจีน พู่กันจีน วาดภาพ
สิ่งเหล่านี้เขาล้วนทำเป็นตั้งแต่ในวัยที่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว แถมนายคนขี้โกงคนนี้ ก่อนขึ้นมอต้นก็สนใจแค่เรื่องเหล่านี้เท่านั้น แต่เมื่อขึ้นมอปลายอาจจะรู้สึกว่าของพวกนี้ไม่น่าสนใจแล้ว เขาไม่เอาที่หนึ่งในสายศิลป์ แต่ไปเรียนสายวิทย์อยู่สามปี สุดท้ายก็ได้อันดับหนึ่งของสายวิทย์ระดับมณฑลมา แล้วไปเรียนต่อในด้านภาษาจีนโบราณในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด
คนประเภทนี้ อย่าคิดจะท้าทายเขา เขาจะทำให้คุณรู้ว่าทำไมตัวคุณถึงโง่เง่าแบบนั้น
“ครั้งนี้พี่กลับมาอยู่บ้านกี่วัน”
“ไม่นานหรอก” เสิ่นมั่วหลีเช็ดใบบัว ดวงตานิ่งสงบและลึกซึ้งจับจ้องไปที่ดอกไม้ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ ทำให้คนรู้สึกว่าเขาไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ทำให้คนรู้สึกว่าเขาคิดอะไรอยู่ในหัวมากมายเช่นกัน
“เธอจะมองฉันทำไม”
ซย่าเสี่ยวมั่วเอาแต่จ้องใบหน้าด้านข้างของเขา ถึงแม้ว่าเสิ่นมั่วหลีจะไม่ใส่ใจนักแต่ก็ถามขึ้น
“ฉันคิดว่ารอบตัวฉันมีแต่คนหล่อ ต่อไปฉันจะหาสามียังไงดีอะ”
เสิ่นมั่วหลีพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการที่ซย่าเสี่ยวมั่วจะหาสามี เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “งั้นเธอก็อยู่เป็นมิ่งขวัญให้เหล่าสาววัยกลางคนต่อไปเถอะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วคิดไม่ทัน นี่หมายความว่าพี่ชายชมเธอว่าสวย แต่เพราะว่ามีสายเลือดเดียวกันเลยคบกันไม่ได้ ไม่อยากเอาเปรียบสาววัยกลางคนคนอื่นหรือเปล่า
เสิ่นมั่วหลีเห็นว่าเธอยิ้มมีความสุขก็ไม่ไปขัด การค่อนแคะจะทำอย่างเปิดเผยได้ยังไง ชิงจิน
ของเขานี่สิที่ฉลาดและเป็นที่รักมากว่า
“พี่รองกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่เห็นเลยล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วนึกขึ้นได้ว่ายังมีพี่ชายอีกคน แต่ตัวเธอไม่รู้จักพี่คนนั้นเลย ทำได้เพียงถามความเห็นของพี่ใหญ่ก่อน “พี่รองหน้าตาเป็นยังไงเหรอ”
“คุณปู่พาออกไป ส่วนจะเป็นยังไง เธอดูเองแล้วกัน”
เสิ่นมั่วหลีเป็นปัญญาชนที่แท้จริง
ซย่าเสี่ยวมั่วบ่น “นี่ พี่เป็นต้นไผ่[2]หรือไง”
เสิ่นมั่วหลีไม่พูดอะไร เช็ดใบบัวเสร็จก็เริ่มอ่านหนังสือต่อ
ซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ไปกวนเขา นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ พี่ชายเธอไม่ชอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่พกโทรศัพท์ไว้กับตัว ไม่ใช้อุปกรณ์สื่อสารพวกนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
หนังสือเพียงหนึ่งเล่มก็ทำให้เขาหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบได้ ราวกับตัดขาดกับสรรพสิ่งรอบข้าง คุณเข้าไปในโลกของเขาไม่ได้ และจะไม่มีวันเข้าใจด้วย
ตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งหาวอยู่บนโซฟาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างดังของคุณตาและเสียงของชายวัยรุ่นอีกคนดังออกมาจากนอกบ้าน
ไม่เหมือนกับเสียงราบเรียบราวกับปลงสิ้นทุกอย่างของพี่ใหญ่ เสียงของผู้ชายคนนี้น่ารักและสดใส น่าจะเป็นคนที่ร่าเริงนะ
จะว่าไปพี่รองของเธอจะโตกว่ากันสักกี่เดือนกันเชียว โตกว่ากันแค่วันเดียวก็กดคนอื่นได้แล้วจริงๆ
เสิ่นมั่วหลีปิดหนังสือ ใช้สันหนังสือสะกิดขาของเธอ แล้วเอ่ยสั่งสอน “ไม่มีมารยาทเลยหรือไง”
“อ้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วรีบวิ่งออกไปต้อนรับ เป็นเด็กนั่งอยู่ในบ้านไม่ทักไม่ทายถือว่าเป็นการเสียมารยาท กระโดดโลดเต้นไปหาคุณตาของตนอย่างร่าเริง
แต่คุณแม่ซย่าดึงเธอไว้ก่อนที่เธอจะกระโดดถึงตัว “คุณตารับแกไม่ไหวหรอก ไปกระโดดใส่พี่ชายแกไป”
พอซย่าเสี่ยวมั่วโดนแม่เธอดึงไว้ภาพลักษณ์ก็ป่นปี้หมดแล้ว ดึงปกคอเสื้อแล้วจัดเสื้อให้เรียบร้อย
——
[1] คุณยายเมิ่ง หรือ เมิ่งผัว เป็นเทพเจ้าในตำนานจีนโบราณ มีความสามารถในการลบความทรงจำของวิญญาณ
[2] ต้นไผ่ เป็นสัญลักษณ์ของหนึ่งในสี่ปัญญาชนของจีน
ตอนที่ 204 พี่ชายคนรอง
เสิ่นมั่วหลีเดินเข้ามาหาช้าๆ คุณแม่ซย่ามองดูหลานชายคนโต แล้วสอนลูกสาวของตน “ดูพี่คนโตแกซิ เป็นสาวเป็นนางจะมากระโดดโลดเต้นได้ยังไง!”
ซย่าเสี่ยวมั่วพึมพำเสียงเบา “เอาหนูไปเทียบกับพวกสาวๆ ได้ด้วยหรือไง”
เสิ่นมั่วหลีปรายตามองเธอหนึ่งที
ซย่าเสี่ยวมั่วหุบปากฉับทันที
เมื่อเสิ่นจิ้งเฉินเห็นซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็ตกอยู่ในภวังค์ รู้สึกว่าสายฟ้ากำลังจะผ่าลงมาที่ตัวเขา
เขารู้แค่ว่าคุณอานามสกุลซย่า แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวของตนจะชื่อว่า ‘ซย่าเสี่ยวมั่ว’ …
“พี่!” ซย่าเสี่ยวมั่วคล้องแขนคุณตาแล้วทักทายกับพี่ชายคนรองของตนอย่างน่ารัก ทำไมรู้สึกว่าพี่ชายคนรองถึงหน้าคุ้นๆ กันนะ?
เสิ่นจิ้งเฉินประหลาดใจแต่ก็รีบกลับมาเป็นปกติ ความรักจากพระเจ้ามาถึงอย่างรวดเร็วอะไรปานนี้ เขารู้สึกตื่นเต้นในใจ ยายคนนี้จำเขาไม่ได้แล้วงั้นเหรอ
“อืม” เขาลูบหัวของซย่าเสี่ยวมั่ว “คุณลุงกับคุณป้าของเธอฝากของมาให้ แล้วฉันก็ซื้อของมาให้เธอด้วย เดี๋ยวเข้าไปเอาที่ห้องด้วยนะ”
“อื้มๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วกดความรู้สึกแปลกๆ ในใจเอาไว้ พยักหน้าอย่างว่าง่าย ช่างเขาสิ ยังไงเสียนี่ก็เป็นพี่ชายจริงๆ ของเธอ
เสิ่นจิ้งเฉินเห็นท่าทางว่านอนสอนง่ายของซย่าเสี่ยวมั่วก็หัวเราะในใจ ฮ่าๆๆ ให้ไอ้เหยียนมาเห็นภาพนี้จะโมโหจนกระอักเลือดเลยไหมนะ มีน้องสาวคนนี้นี่มันดีจริงๆ
คุณแม่ซย่ารู้ว่าสองพี่น้องคู่นี้ไม่รู้จักกัน จึงแนะนำ “พี่ชายแกชื่อเสิ่นจิ้งเฉิน ทำงานอยู่ที่ศูนย์วิจัย”
ซย่าเสี่ยวมั่วนึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยซ้ำอีกครั้งอย่างประหลาดใจ “เสิ่นจิ้งเฉิน?” ก่อนจะจ้องหน้าพี่ชายคนรองของเธอไม่หยุด
เสิ่นจิ้งเฉินได้ยินเธอเรียกชื่อเขาก็ตอบรับอย่างเอาใจ
คุณแม่ซย่าตีเธอเข้าหนึ่งที “ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”
“อะไรอะ หนูเคยเจอพี่ชายหนูแล้ว” ในที่สุดซย่าเสี่ยวมั่วก็นึกออก “งานเลี้ยงวันเกิดหนูปีนี้ก็เคยเจอเขาแล้ว”
เสิ่นจิ้งเฉินรู้สึกเหมือนหายนะคืบคลานเข้ามา เขาไม่รู้เรื่องราวระหว่างซย่าเสี่ยวมั่วกับเหยียนเค่อเลย ถ้าถามเรื่องเหยียนเค่อขึ้นมา ถ้าตนพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดอะไรออกไปจะโดนตามฆ่าทีหลังหรือเปล่าเนี่ย
คุณแม่ซย่าไม่เข้าใจ สายตามองสลับไปมาระหว่างทั้งสองคน “ไม่รู้จักกันไม่ใช่เหรอ ทำไม…”
คุณตาของซย่าเสี่ยวมั่วโดนพวกเขาทำให้มึนงงไปหมด “อย่ามัวแต่พูดเรื่องจริยธรรมครอบครัวที่น่าปวดหัวนั่นอยู่เลย เข้าไปคุยข้างในดีกว่า”
ซย่าเสี่ยวมั่วตอบรับ รู้สึกว่าพี่ชายคนรองน่าจะเป็นคนแบบเดียวกับเธอ ต้องไม่ใช่คนน่าเบื่อเหมือนพี่ใหญ่แน่นอน
เสิ่นจิ้งเฉินเดินตามอยู่ด้านหลัง แอบส่งข้อความหาเหยียนเค่อ [เรื่องก่อนหน้านี้ที่นายไปเป็นแฟนคนอื่นเขาน่ะ สารภาพมาตามความจริงเลยนะ]
เหยียนเค่อดูแล้วก็ลบทิ้งทันที ตอนนี้เขางานยุ่งเป็นหมาหอบแดดแล้ว ยังจะมาสารภาพบ้าอะไรอีก
ตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วคิดไม่ถึงว่าจะเป็นพวกลูกคนรวยมีอิทธิพล และก็ไม่ได้คิดอะไรกับตัวตนที่แท้จริงของเหยียนเค่อมากนัก เพียงแค่ส่งสายตาให้พี่ชายคนรอง สั่งเขาเสียงเบา “ห้ามพูดชื่อเหยียนเค่อเด็ดขาดเลยนะ พี่บอกไปว่ารู้จักสวีรั่วชี”
ใครจะรู้ว่าถ้าแม่ตนรู้ว่าพี่รองกับเหยียนเค่อเป็นเพื่อนกัน จะบีบบังคับให้เขาไปเป็นลูกไม่แท้ของตัวเองอีกหรือเปล่า
เสิ่นจิ้งเฉินพยักหน้า ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร แต่วิธีของซย่าเสี่ยวมั่วก็ตรงกับความต้องการของเขาพอดี
ทั้งคู่มองตากัน สมคบคิดทำเรื่องชั่วร้าย
คุณตามองดูหลานชายหลานสาวนั่งด้วยกัน ทั้งคู่เข้ากันได้เขาก็ดีใจ “ดูพวกเขาสองคนสิ เข้ากันได้ดีจริงๆ”
เสิ่นจิ้งเฉินแอบมีความสุขในใจ เข้ากันได้ดีมาก
ทั้งคู่ถ่ายรูปด้วยกันบนโซฟา ‘โอบไหล่กอดคอ’ ‘สนิทชิดเชื้อ’ เสิ่นมั่วหลีพยายามอยู่ให้ห่างสองคนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เสิ่นจิ้งเฉินจงใจส่งรูปซย่าเสี่ยวมั่วหอมแก้มเขาไปให้เหยียนเค่อรูปหนึ่ง ความรักตลอดหลายปีระหว่างพี่น้องหวนคืนมาอีกครั้ง เขาพอใจกับน้องสาวคนนี้อย่างถึงที่สุด
“หน้าร้อนปีหน้าฉันจะพาเธอไปเที่ยวที่สวิสต์เซอร์แลนด์ หน้าหนาวปีนี้จะไปเมือง G ก็ได้นะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วหลายปีมานี้ได้รับแต่การปฏิบัติอันโหดร้ายจากเสิ่นมั่วหลี ลูกพี่ลูกน้องอีกคนก็เอาแต่ซื้อของ ไม่รู้จักความบันเทิงเลยสักนิด เสิ่นจิ้งเฉินคือสิ่งที่สวรรค์ส่งมาทดแทนให้เธอจริงๆ