ตอนที่ 261 ป้องกันศัตรูร่วมกัน
สวีรั่วชีเพิ่งตื่นก็ได้รับโทรศัพท์จากสวีอันหราน
“ฮัลโหล” สวีรั่วชีกำลังแปรงฟันอยู่ เสียงจึงไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนปกติ
เมื่อสวีอันหรานได้ยินเสียงเธอ น้ำเสียงที่อ่อนหวานอยู่แล้วก็ยิ่งนุ่มนวลมากขึ้นไปอีก “เธอจะกลับมาเมื่อไรเหรอ”
สวีรั่วชีฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงเขา จึงถามขึ้นอย่างนึกรำคาญ “นายเป็นใครน่ะ”
สวีอันหรานตะลึงงัน หัวใจแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
สวีรั่วชีดูโทรศัพท์ ก่อนจะเอ่ยทักทายอย่างขัดเขิน “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่”
“อืม…” จากบ้านไปแค่วันเดียวก็ลืมเขาไปเสียแล้ว ต้องเรียกตัวเธอกลับมาให้ได้ “เธอจะกลับมาเมื่อไร”
ในที่สุดน้ำเสียงก็กลับมาเป็นปกติเสียที สวีรั่วชีโล่งใจก่อนจะตอบกลับ “ดูก่อนแล้วกัน วันนี้ฉันจะไปฮุยเถิง”
“ระวังตัวด้วยนะ”
“อืม” สวีรั่วชีนึกอะไรขึ้นได้อีกอย่าง “ฉันพามั่วมั่วไปที่เรือนหอได้ไหม”
“ได้สิ” สวีอันหรานได้ยินคำว่า ‘เรือนหอ’ แล้ว โลกทั้งใบก็งดงามขึ้นมาทันที “ดูแล้วกันว่าอยากซื้ออะไรอีกก็ไปซื้อเพิ่มได้นะ”
“ค่ะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วดูท่าทางเหมือนภรรยาตัวน้อยของสวีรั่วชีแล้วก็รู้ทันทีว่าเธอคุยโทรศัพท์กับใครอยู่
“ไม่ไหวเลย ทำไมรอบตัวฉันมีแต่ผู้หญิงแต่งงานแล้วทั้งนั้นเลยล่ะเนี่ย”
สวีรั่วชีวางสายก่อนจะร้องเหอะ “ก็มีแค่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วนี่แหละที่ใจกว้างรับเธอได้น่ะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วยืนแปรงฟันอยู่ข้างๆ เธอ สาววัยรุ่นสองคนที่หัวยุ่งเป็นรังนกไร้ซึ่งภาพลักษณ์ที่เห็นได้ในชีวิตประจำวันอย่างสิ้นเชิง
“ให้ฉันดูหน่อยซิว่าตอนนี้เซียวอู๋อี้เป็นยังไงบ้าง” สวีรั่วชีเคยเจอเซียวอู๋อี้แค่ครั้งเดียว เนื่องจาก
สวีรั่วชีเป็นคนแข็งๆ ไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนเธอไปรังแกเขาอยู่ เธอจึงยอมแพ้ความคิดที่จะมานั่งร่วมโต๊ะถกเถียงกับเซียวอู๋อี้ ลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ซย่าเสี่ยวมั่วนึกถึงหมูพะโล้ของตัวเอง ไม่อยากไปข้องเกี่ยวกับเซียวอู๋อี้อีก “เราไม่ต้องไปสนใจเขาได้ไหม”
“ไม่ได้ ปล่อยทิ้งไว้ก็เป็นหายนะ”
“แต่ฉันก็ไม่ใช่เจ้าหญิงเสียหน่อย จะสั่งตัดหัวก็ไม่ได้อีก ทำไมฉันต้องหาเรื่องให้ตัวเองทุกข์ใจด้วยล่ะ”
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น ซย่าเสี่ยวมั่วจะต้องลุกขึ้นมาพูดด้วยใจรักความยุติธรรมอันแรงกล้าแน่นอน แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง เธอจึงรู้สึกว่ามันช่างยุ่งยากเหลือเกิน
“คนแบบนี้น่ะนะ สักวันกรรมจะตามสนอง” ซย่าเสี่ยวมั่วผลักให้เขาเดินออกจากประตูไป “วันนี้เธอเป็นคนขับรถให้ฉันแล้วกัน”
สวีรั่วชีอยากไปสำรวจดูก่อน เธอรู้สึกว่าผู้หญิงอย่างเซียวอู๋อี้ไม่ใช่คนที่รับมือด้วยง่ายนัก ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
อันหร่านเห็นซย่าเสี่ยวมั่วควงสาวสวยเข้ามาคนหนึ่ง จึงเอ่ยหยอกล้อ “เธอกล้าไปยืนอยู่ข้างเขาได้ยังไงน่ะฮะ”
“หุบปากไปเลย” เมื่อคืนเธอก็เจ็บปวดหัวใจมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะมาเย้ยหยันเธออีก
ซย่าเสี่ยวมั่วแนะนำให้สวีรั่วชีรู้จัก “นี่บ.ก.ของฉันเอง อันหร่าน” จากนั้นจึงขยิบตาให้สวีรั่วชี
“อันหร่านนะ ไม่ใช่อันหราน”
สวีรั่วชีอยากตีเขาให้ตายนัก ก่อนจะยื่นมือไปจับกับอันหร่าน “สวัสดีค่ะ ฉันสวีรั่วชี เป็นหมอผู้รับผิดชอบรักษาโรคสมองผิดปกติของซย่าเสี่ยวมั่วค่ะ”
ทั้งคู่จับมือและคุยกันอย่างถูกคอ ซย่าเสี่ยวมั่วที่โดนทำร้ายจนบาดเจ็บแอบสำรวจตัวเองว่าคิดผิดหรือไม่ที่ตัดสินใจพาสวีรั่วชีมาด้วย
“ฉันว่าพวกเธอช่วยอย่าโจมตีฉันจะได้ไหม ฉันก็เจ็บปวดนะ”
ทั้งสองคนเลือกที่จะไม่สนใจเธอ
เซียวอู๋อี้และผู้ช่วยของเธอที่เพิ่งเดินตามเข้ามาทีหลังเห็นซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มอย่างขัดหูขัดตาแล้วก็เดินไปยังลิฟต์อีกตัวหนึ่ง
“มั่วอวี๋นี่โชคดีจริงๆ” ผู้ช่วยของเซียวอู๋อี้พึมพำออกมา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
เซียวอู๋อี้เห็นซย่าเสี่ยวมั่วแต่เช้าก็อารมณ์เสีย จึงพูดด้วยเสียงเฉียบขาด “หุบปากซะ เธอยังคิดว่าฉันปัญหาเยอะไม่พอหรือไง”
ผู้ช่วยเห็นเธอหน้าดำคร่ำเครียดก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ตอนที่ 262 ไอดอลและลาหยุด
ในช่วงประชุมตอนเช้า
อันหร่านตั้งใจดูตารางเวลา เมื่อมั่นใจแล้วว่าวันนี้มีประชุมตอนเช้า จึงลากซย่าเสี่ยวมั่วให้ขึ้นไปประชุมด้วยกัน
“ฉันต้องไปด้วยเหรอ”
“ไปสิ ไอ้หนู เธอเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเลยนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วหาวหวอดอย่างเบื่อหน่าย “ก็ได้ บ่ายนี้ฉันขอลาหยุดนะ”
“เพิ่งมาทำงานได้สองวันก็ขอลาแล้ว ไม่เอาโบนัสแล้วเหรอ”
“ฉันจะเอาโบนัสไปทำไม ฉันไม่ได้ร้อนเงินสักหน่อย” คำตอบของซย่าเสี่ยวมั่วกวนประสาทเป็นอย่างมาก “ปีนี้ฉันออกการ์ตูนไปสองเล่ม แล้วก็เซ็นสัญญากับเซ่าอีอีกเล่ม พอให้ฉันกินอิ่มไปอีกห้าปีแล้ว”
“พวกอวดรวยต้องโดนฟ้าผ่า” อันหร่านผลักเธอเข้าไปในห้องประชุม ทั้งสองคนนั่งลงข้างๆ กัน
ถึงแม้ว่าบนประกาศจะบอกว่าเซียวอู๋อี้ไม่ต้องมาร่วมประชุมเช้าอีกก็ตาม แต่เซียวอู๋อี้ก็ยืนหยัดที่จะเข้าร่วมทุกครั้ง ยึดที่นั่งตัวเองไว้ ทำให้การประชุมเช้าหลายครั้งไม่ได้พูดเรื่องความคืบหน้าของการทำงานตามความเป็นจริง กลัวว่าเซียวอู๋อี้จะเอากำหนดการของบริษัทออกไปแพร่งพราย หัวหน้าเองก็จนปัญญา คนเคยร่วมงานกันมาจะให้พูดตรงๆ ก็ไม่กล้า ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้
ครั้งนี้ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งลงตรงข้ามกับเซียวอู๋อี้พอดี ทั้งคู่ต่างก็อารมณ์ไม่ดี
“ฉันนั่งตรงข้ามกับเขามานานแล้ว ดังนั้นวันนี้เธอทนเอาหน่อยแล้วกัน” อันหร่านกระซิบบอกเธอเสียงเบา
ตำแหน่งที่อันหร่านนั่งควรจะเป็นของซย่าเสี่ยวมั่ว แต่เธอไม่อยากนั่งตรงข้ามกับเซียวอู๋อี้แล้วจริงๆ ดังนั้นจึงสลับที่นั่งกับซย่าเสี่ยวมั่วโดยที่เธอไม่รู้
“มีคนที่เล่นงานคนสนิทอย่างเธอด้วยเหรอ”
“เธอเข้าใจฉันเถอะนะ ต่อไปเราค่อยสลับกัน”
ศัตรูของตน จะยากลำบากแค่ไหนก็ต้องทนให้ได้
เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลยตลอดการประชุม นั่งมองดูกระดาษไม่กี่ใบที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เธอมองสไลด์หน่อยเถอะ หัวหน้าเราเริ่มไม่พอใจแล้ว” อันหร่านกระตุกแขนเสื้อของเธอ
ซย่าเสี่ยวมั่วฝืนหันไปมองสไลด์เพาเวอร์พ้อยต์ ก็พบว่าหัวหน้าของพวกเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีพอสมควร
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดการทรมานก็สิ้นสุดลง คนตำแหน่งสูงต่างก็ออกจากห้องประชุมไปกันก่อนแล้ว ส่วนซย่าเสี่ยวมั่วยังคงนั่งไหล่ตกพิงพนักเก้าอี้อยู่อย่างนั้น “โคตรเหนื่อยเลย ฉันจะยื่นเรื่องขอให้ต่อไปไม่ต้องมาร่วมประชุม”
“ไม่ได้ ถ้าเธออยู่ระดับเดียวกับอีเสินเมื่อไร เมื่อนั้นเธอไม่ต้องมาก็ได้”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินชื่อนั้นแล้วก็ตาเป็นประกาย “ไอดอลของฉัน!”
อันหร่านเคาะกะโหลกเธอ “รักษามาดหน่อย! ก่อนหน้านี้เขาเซ็นสัญญากับฮุยเถิง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป ฉันแอบบอกให้เธอรู้นิดหนึ่งแล้วกัน”
ซย่าเสี่ยวมั่วมีความสุขจนแทบเป็นลม “ฉันจะได้วาดรูปในสถานที่เดียวกับไอดอลของฉันแล้ว”
“เขาจะเข้ามายังต้องลงชื่อไว้ก่อนเลย ยังไงเธอเป็นเบอร์หนึ่งของบริษัทเราอยู่ดี”
“ช่างเถอะน่า ฉันยังห่างกับเขาตั้งเยอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ตัวเองดี “แต่การที่ไอดอลมาก็ห้ามการตัดสินใจลาหยุดของฉันไม่ได้หรอก ไอดอลกับลาหยุดมีในครอบครองพร้อมกันไม่ได้ งั้นยอมทิ้งไอดอลเพื่อให้ได้หยุดก็แล้วกัน”
เกินจะเยียวยาแล้ว…อันหร่านคิดว่าต้องไปเสิร์ชหาดูสักหน่อย ว่าจะทำให้แมวป่ากลายเป็นแมวบ้านได้อย่างไร ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วยังทำตามใจตัวเองอยู่อย่างนี้ต้องชวดโบนัสสิ้นปีแน่นอน
สวีรั่วชีนั่งดูการ์ตูนที่ซย่าเสี่ยวมั่ววาดอยู่ในห้องทำงาน เธอยังจำได้ว่าตอนเด็กๆ ซย่าเสี่ยวมั่วชอบเล่นสีมาก และก็ชอบวาดรูปการ์ตูนเด็ก ในระหว่างช่วงหกปีที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอกลายเป็นคนที่วาดศีรษะคนได้ภายในห้านาที วาดภาพคนแบบเต็มตัวได้ภายในสิบห้านาที และตอนนี้ก็เป็นนักวาดการ์ตูนหน้าใหม่ที่เป็นที่นิยมที่สุดด้วย
“ทำไมมานั่งเหม่ออยู่ตรงนี้ ตกหลุมรักพระเอกของฉันแล้วใช่ไหมล่ะ”
“เรื่องนี้เธอวาดได้อบอุ่นดีนะ” สวีรั่วชีโจมตี “แต่เมื่อไรเธอจะออกการ์ตูนแนวโบราณสักที ฉันอายุเกินกว่าจะอ่านพล็อตเรื่องแบบนี้แล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วเก็บของบนโต๊ะแล้วเหลือบมองเธอปราดหนึ่ง “ฉันจะอายุสิบแปดตลอดไป พล็อตเรื่องแบบนี้เหมาะกับฉันมาก”
“หน้าไม่อาย” สวีรั่วชีด่าไปหัวเราะไป