ตอนที่ 279 ฟ้อง
สวีอิ๋งอิ๋งฝันดีตลอดทั้งคืน วันต่อมาเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ไปหยิบแผ่นขิงมาโปะไว้ที่ตา ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บแสบจนน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด บดขยี้อยู่หลายครั้งจนดวงตาบวมแดง ก่อนจะเช็ดน้ำตาทิ้ง สะพายกระเป๋าแล้วเดินทางไปยังบ้านตระกูลเหยียน
หลายวันแล้วที่คุณแม่เหยียนไม่ได้ทราบข่าวคราวของเหยียนเค่อ กระวนกระวายใจรู้สึกย้อนกลับไปเหมือนเมื่อก่อนที่เหยียนเค่อไม่กลับบ้าน แต่ไม่ได้กังวลถึงขนาดนั้นแล้ว
เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งไปถึงเหยียนเฟิงเพิ่งกินข้าวเสร็จและกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กับคุณพ่อเหยียนบนโซฟา
“คุณน้าคุณอา พี่ใหญ่” สวีอิ๋งอิ๋งเอ่ยทักทาย ก่อนจะนั่งลงข้างๆ คุณแม่เหยียนอย่างน้อยอกน้อยใจ
“เป็นอะไรลูก” คุณแม่เหยียนดึงเธอเข้ามาหา เห็นสีหน้าของเธอแล้วก็รู้ว่าน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับลูกชายคนรองของตน
เหยียนเฟิงเห็นว่าสวีอิ๋งอิ๋งมาก็เข้าใจในทันที จึงกลับไปนั่งพิงโซฟาตามเดิม แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรอดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น
สวีอิ๋งอิ๋งพูดพลางสะอื้น “เมื่อคืนหนูเจอเหยียนเค่อที่ ‘หลิวเยี่ยน’ ค่ะ”
“อ่อ น่าจะมีนัดสังสรรค์ล่ะมั้ง” คุณพ่อเหยียนรู้สึกรำคาญที่เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งเจอเรื่องอะไรนิดหน่อยก็รีบแจ้นมาหา
สวีอิ๋งอิ๋งเปิดกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปให้คุณแม่เหยียนดู “เหยียนเค่อควงผู้หญิงสองคนค่ะ”
คุณแม่เหยียนเห็นผู้ชายในรูปกำลังกอดผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าคือเหยียนเค่อ ลูกชายเขา เขาต้องจำได้แน่นอนอยู่แล้ว
สวีอิ๋งอิ๋งเห็นว่าสีหน้าของคุณแม่เหยียนเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง จึงเลื่อนเปิดรูปต่อไป และเอารูปที่เหยียนเค่อกอดผู้หญิงอีกคนมาให้คุณแม่เหยียนดู “แต่เหยียนเค่อชอบผู้หญิงคนนี้มากกว่าค่ะ” แถมสวีอิ๋งอิ๋งยังน้ำตาร่วงเผาะอย่างสมจริง ทำให้ดูอ่อนแอน่าสงสารจับใจ
สีหน้าของคุณแม่เหยียนดูแย่ลงทันตา คุณพ่อเหยียนเองก็แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน รู้สึกว่าสวีอิ๋งอิ๋งร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้ช่างไม่มีคุณสมบัติของผู้ดีเอาเสียเลย จึงกระแทกไม้เท้า ก่อนจะแสดงความคิดเห็นของตน “ในฐานะที่เป็นภรรยาที่ดีก็ควรจะเข้าใจเขา และการออกไปสังสรรค์ก็มีบางเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่ตอนนี้เหยียนเค่อไปเกี่ยวพันกับเรื่องเหล่านี้เพราะงานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้นนะ แต่ในอนาคตระหว่างสามีภรรยายังมีเรื่องขัดแย้งอีกมากมาย หนูต้องอดทน การที่หนูต้องอดกลั้น พวกเราบ้านตระกูลเหยียนจะชดเชยให้อย่างแน่นอน”
ถึงคุณแม่เหยียนรู้สึกว่าเหยียนเค่อจะทำเกินไปหน่อย แต่ใจก็ยังเข้าข้างเหยียนเค่อมากกว่าอยู่ดี “เป็นผู้หญิงน่ะ หนูต้องยอมเขานะ ต่อให้จะแย่แค่ไหนก็เที่ยวบอกให้คนอื่นรู้ไม่ได้ ถ้ามีปัญหาระหว่างสามีภรรยาก็ต้องให้พวกเขาแก้ไขกันเอง ตอนนี้หนูกับเหยียนเค่อยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ในอนาคตถ้าแต่งกันแล้วหนูอาจจะต้องเจอกับเรื่องที่รับไม่ได้ยิ่งกว่านี้อีกก็เป็นได้ เรื่องแค่นี้จะมองแค่ผิวเผินไม่ได้หรอกนะ”
สวีอิ๋งอิ๋งไม่คิดว่าคุณพ่อและคุณแม่เหยียนจะให้เธออดทน ก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ แต่ก็กลัวว่าคุณพ่อคุณแม่เหยียนจะรู้สึกรำคาญ จึงสะอึกสะอื้นแล้วกลั้นหยาดน้ำตา
เหยียนเฟิงได้ฟังจบก็รู้อยู่แล้วว่าต้องได้ผลสรุปเช่นนี้ จึงหาจังหวะเหมาะแล้วพูดขึ้น “ถ้าเหยียนเค่อทำแบบนี้ก็เกินไปจริงๆ นะครับ คนที่ใกล้จะแต่งงานแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสำรวมไว้บ้าง ทำแบบนี้ไม่มีความรับผิดชอบเลยนะครับ”
คุณพ่อเหยียนถอนหายใจ “พอกลับมาจากเมืองนอกก็เที่ยวเล่นไปทั่ว หลายปีมานี้ก็ขี้เกียจจะสนใจแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้เหยียนเค่อก็ทำไม่ถูกอยู่ดี พวกเราเป็นพ่อแม่ทำได้แค่ขอโทษหนูแทนเขาเท่านั้นแหละนะ”
ถึงคุณพ่อเหยียนจะพูดเช่นนี้ แต่คนอายุน้อยกว่าจะกล้ารับคำขอโทษจากผู้อาวุโสได้อย่างไร
สวีอิ๋งอิ๋งทำได้เพียงสะกดคำพูดที่เหลือของตนไว้ในใจ “ไม่หรอกค่ะ เรื่องนี้หนูจัดการได้ไม่เหมาะสมเอง ต่อไปจะ ไปปรับความเข้าใจกับเหยียนเค่อนะคะ”
“ขอโทษหนูด้วยนะลูก” คุณแม่เหยียนลูบหลังเธอคิดว่าถ้าลูกชายของตนไม่สำรวมใจเช่นนี้แต่งงานไปไม่รู้ว่าจะเละเทะขนาดไหน
“น่าขายหน้าจังเลยนะคะ” สวีอิ๋งอิ๋งปาดน้ำตา ท่าทางฝืนยิ้มนั้นทำให้คนมองรู้สึกรักใคร่และสงสารไปในที
ตอนที่ 280 รูปหลุดออกไป
เหยียนเฟิงออกไปส่งสวีอิ๋งอิ๋ง เขาลูบหัวเธอเบาๆ “ลำบากแย่เลยนะ”
สวีอิ๋งอิ๋งส่ายหัว “เหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์เลยนะคะ”
เหยียนเฟิงรู้ว่าพ่อกับแม่ของตนไม่ยอมเสียหน้า ต่อหน้าสวีอิ๋งอิ๋งต้องเข้าข้างเหยียนเค่ออยู่แล้ว แต่ในใจก็คงไม่พอใจเหยียนเค่อมากแน่นอน ความไม่พอใจเหล่านั้นก็มากพอที่จะให้เหยียนเฟิงร่างเขียนลงเป็นบทความได้
“ไม่หรอก เธอทำดีแล้ว” และเหยียนเฟิงส่งรูปภาพเหล่านั้นไปที่สำนักหนังสือพิมพ์รายใหญ่หลายรายแล้ว
เมื่อส่งสวีอิ๋งอิ๋งกลับบ้านแล้ว เหยียนเฟิงเดินกลับมาก็เห็นพ่อแม่ของตนกำลังโทรศัพท์หา
เหยียนเค่อ
“พ่อครับแม่ครับ” เขาเดินเข้าไปหาก็เห็นว่าคุณแม่เหยียนโทรศัพท์หาเหยียนเค่อซ้ำไม่หยุด “ผมโทรเข้าบริษัทเขาดีกว่า”
“เร็วๆ เลย ตาลูกคนนี้ทำไมทำตัวเลินเล่ออย่างนี้นะ” คุณแม่เหยียนก็กลุ้มใจ สองบ้านนี้เป็นดองกันก็ดี แต่ถ้าจบกันไม่สวยล่ะก็ ต่อไปอาจจะกลายเป็นศัตรูได้
สายจากของเหยียนเฟิงต่อตรงเข้าหาห้องทำงานของเหยียนเค่อทันที ตอนที่เซ่าหมิงฟ่านรับโทรศัพท์ก็ไม่รู้เรื่องราวอะไรมาก่อน
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“เหยียนเค่อ พ่อกับแม่ให้นายกลับบ้าน” เหยียนเฟิงฟังไม่ออกว่านั่นไม่ใช่เสียงของเหยียนเค่อ จึงพูดโดยไม่อ้อมค้อม
“ขอโทษนะครับ ตอนนี้ประธานเหยียนไม่ได้อยู่ในประเทศ ไปพักผ่อนที่ต่างประเทศแล้ว อีกสองวันถึงจะกลับ” เซ่าหมิงฟ่านรู้ว่าเป็นเสียงของเหยียนเฟิงแต่ไม่ได้แนะนำตัวเอง
เหยียนเฟิงขมวดคิ้ว นี่ต้องไม่ใช่เสียงของเหยียนเค่อแน่นอน จึงตอบกลับ “ถ้าเหยียนเค่อกลับมาแล้วรบกวนแจ้งให้ทราบหน่อยนะครับ”
“ครับ” เซ่าหมิงฟ่านไม่พูดอะไรต่อ วางหูโทรศัพท์ทันที
ชวีไหน่รีบร้อนวิ่งเข้ามาหา เห็นว่าเซ่าหมิงฟ่านคุยโทรศัพท์อยู่จึงยืนรออยู่ด้านข้างสักครู่ เมื่อเห็นว่าเขาคุยจบแล้วจึงรีบรายงานสถานการณ์ทันทีโดยไม่ต้องรอให้เขาถาม
“ครั้งนี้มีรูปหลุดออกไปด้วยค่ะ หัวข้อไม่ได้กล่าวถึง แต่ว่าบอสของเราได้ซื้อข่าวกลับมาจากสื่อหนังสือพิมพ์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหลายบริษัทแล้ว แต่ยังมีสำนักหนังสือพิมพ์บางเจ้าที่ยังปล่อยข่าวออกไปอยู่ ส่วนในอินเทอร์เน็ตจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ”
หลังจากเซ่าหมิงฟ่านมาก็ได้ยินฝ่ายประชาสัมพันธ์บอกว่ารูปของเหยียนเค่อหลุดออกไป จึงสั่งให้รีบยับยั้งไว้โดยเร็ว เขายังไม่รู้ว่าใครจะมีรูปในคืนวันนั้น แถมยังส่งต่อให้กับสื่ออีกหลายเจ้าอีกด้วย แต่โทรศัพท์จากเหยียนเฟิงทำให้เซ่าหมิงฟ่านก็พอจะจับทางได้
หนังสือพิมพ์ที่เผยแพร่ออกไปต่างก็อยู่ในการดูแลของเหยียนเค่อทั้งหมด ในตอนแรกที่ได้รับข่าวจากซูอี้เขาก็ผูกขาดหนังสือพิมพ์ฉบับของวันนี้ทั้งหมดแล้ว
ดูเหมือนว่าสวีอิ๋งอิ๋งจะมีที่พึ่งเสียแล้ว เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องเป็นฝีมือของเหยียนเฟิง
ไม่มีใครกล้าทำให้เขาไม่พอใจ คนที่ต่อกรกับเขาได้นอกจากเหยียนเฟิงแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก
เหยียนเค่อรู้สึกอ้างว้างขึ้นมานิดหน่อย ถ้าเหยียนเฟิงเป็นคู่แข่งทางธุรกิจคนหนึ่ง บางทีในวงการนี้ก็อาจจะไม่มีคนชื่อเหยียนเฟิงอีกต่อไปแล้วก็ได้ แต่น่าเสียดาย คนที่ต่อกรกับเขาอยู่คือพี่ชายของตนเอง
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย เฉินเจวี้ยนต้องสังเกตถึงได้อยู่แล้ว หลังจากตื่นนอนแล้วก็โทรศัพท์ไปถามไถ่เหยียนเค่อสักหน่อย
“ไง คั่วสาวสนุกเลยสิ”
“ฉันอยากคั่วแต่ยังไม่มีเลย” พอไม่มีเสิ่นจิ้งเฉินคอยห้ามอยู่ตรงกลาง พวกเขาก็เริ่มลับฝีปากกันทันที
“นายสงสัยหรือเปล่าว่าฉันเป็นคนทำ” เฉินเจวี้ยนเอ่ยหยอก
เหยียนเค่อรู้นิสัยของเฉินเจวี้ยนดี ถึงทั้งคู่จะช่วยเหลือกัน แต่เฉินเจวี้ยนไม่ใช่คนที่เล่นตุกติกลับหลังแน่นอน โดยเฉพาะทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ในช่วงเวลาสัญญาเช่นนี้ด้วยแล้ว “ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย ใครเป็นคนทำแค่มองทีเดียวก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ”
เฉินเจวี้ยนยืนอยู่หน้ากระจกจัดปกคอเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ก่อนจะลงไปนั่งบนวีลแชร์ตามเดิม “ให้ฉันแสดงความเห็นใจหน่อยละกัน ถ้าต้องการอะไรก็มาหาฉันได้ตลอดเลยนะ”
ในเมื่อเขามอบน้ำใจให้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ไม่รับไว้ เหยียนเค่อตอบรับ “ในอนาคตต้องได้เรียกใช้นายแน่นอน”
“อย่าทำเหมือนฉันเป็นลูกน้องของนายได้ไหม” อย่างไรเสียเฉินเจวี้ยนก็ควบคุมพวกแก๊งผิดกฎหมายอยู่ ให้เขาเป็นลูกน้องขืนใครรู้เข้าคงโดนหัวเราะแย่ “เอาเถอะ มีอะไรก็มาหาฉันแล้วกัน”
“อืม” เหยียนเค่อวางสายทันที เขาไม่มีเวลามาพูดคุยอย่างลึกซึ้งเพิ่มมิตรภาพกับเฉินเจวี้ยน
เฉินเจวี้ยนจะพูดต่ออีกสักประโยค แต่เมื่อเห็นเวลาสิ้นสุดการสนทนาแล้วก็ส่ายหัวแล้วยิ้มบางๆ
เหยียนเค่อยังเหมือนเดิมเลยจริงๆ