ตอนที่ 299 กลับไปบริษัทอีกครั้ง
เหยียนเฟิงนั่งอยู่ด้านล่างสักพักหนึ่ง ฟังพ่อแม่ถกเถียงกัน จนสุดท้ายเมื่อทั้งสองคนเถียงกันจนพอใจแล้วจึงกลับไปนอนโดยไม่สนใจกันและกัน
เหยียนเค่อ ดูซิ ตั้งแต่นายกลับบ้านก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย เหยียนเฟิงนั่งอยู่บนโซฟา ลูบถ้วยชาราคาแพงก่อนจะมองตามแผ่นหลังของพ่อกับแม่ที่ห่างออกไปแล้วขบคิดอย่างหนัก
เหยียนเค่อฝันดีตลอดทั้งคืน วันต่อมาจึงตื่นแต่เช้าตรู่ ตอนตื่นนอนยังรู้สึกหนักหัวจนเกือบจะกลิ้งตกเตียงไปเสียแล้ว หลังจากจัดการตัวเองเสร็จก็อาศัยช่วงที่คนทั้งบ้านยังไม่ตื่นออกจากบ้านไปก่อน
เขาถือแวะไปซื้อเกี๊ยวน้ำให้ตัวเองที่ร้านที่เมื่อก่อนซย่าเสี่ยวมั่วไปบ่อยๆ ตอนเช้า ก่อนจะหิ้วไปกินที่บริษัท
อากาศยามเช้ายังคงเย็นเยียบเข้ากระดูก บนทางเท้ามีคนเดินถนนประปราย ในยามเช้าที่ยังมีละอองฝุ่นลอยล่อง ยังมีดวงไฟของบ้านที่ยังติดสว่าง แต่แสงแดดอันอบอุ่นไม่สามารถส่องกระทบดวงตาของคนใต้อาคารได้
เกี๊ยวน้ำที่ถูกวางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับมีควันร้อนลอยขึ้นปกคลุมกระจกรถ ทำให้บรรยากาศในยามเช้าเช่นนี้อบอุ่นไปด้วย
ฉินซื่อหลานและเซ่าหมิงฟ่านฝืนทนนอนหลับอยู่ในห้องพักตลอดทั้งคืน ถึงแม้ว่าห้องพักผ่อนของเหยียนเค่อจะตบแต่งอย่างดีก็ตาม แต่สภาพก็ไม่ได้ดีเท่าการนอนหลับที่บ้าน เมื่อฉินซื่อหลานตื่นก็เหลือบมองผ้าห่มที่เซ่าหมิงฟ่านแย่งไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะเป็นหวัด
“นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง” ฉินซื่อหลานฟาดก้นเขา ก่อนจะดึงชายผ้าห่มกลับมาตัวสั่น “นายเอาไปห่มคนเดียวเลย รู้ไหมว่าต้องแบ่งให้เท่าเทียมกันน่ะ!”
เซ่าหมิงฟ่านโดนเสียงเขาปลุกจนตื่น พลิกตัวลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด “นายจะเอายังไง ฉันไม่ได้ลืมบุญคุณใคร หรือว่าได้สาวแล้วทิ้งสักหน่อย”
เหยียนเค่อที่ยืนมองฉากนั้นอยู่หมุนตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะของตน ความรู้เรื่องสำนวนของสองคนนั้นสู้เขาไม่ได้เลย…
“ถ้าฉันเป็นหวัดนะ ฉันจะโยนนายลงไปในน้ำเย็นเลยคอยดู” ฉินซื่อหลานออกมารินน้ำร้อนให้ตัวเอง เห็นคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะ แวบแรกยังนึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอน ก่อนจะถามขึ้นอย่างแปลกใจ “นายมาได้ยังไงเนี่ย ไม่ไปรออยู่หน้าบ้านซย่าเสี่ยวมั่วเหรอ”
หางตาอันงดงามของเหยียนเค่อตวัดมองเหยียดเล็กน้อย “ทำความสะอาดห้องพักให้เรียบร้อยแล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว”
ฉินซื่อหลานเขยิบเข้าไปใกล้จึงจะเห็นว่าตรงหน้าเหยียนเค่อมีเกี๊ยวน้ำที่ยังมีควันลอยล่องวางอยู่
“เฮ้ย มีข้าวเช้าด้วยนี่หว่า” เขายกมือทำท่าจะหยิบไป
เหยียนเค่อยกมือขึ้นปิดปากชามเอาไว้ “นี่มันของฉันคนเดียว ถ้าอยากกินก็ออกไปซื้อเอง”
ฉินซื่อหลานชะงักมือค้างอยู่กับที่ มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “ฉันหนาวจนจะเป็นหวัดอยู่แล้ว แต่นายดันทำแบบนี้กับฉันเนี่ยนะ!”
“อย่ามาเสแสร้งเลย นายไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายสักหน่อย” เซ่าหมิงฟ่านเดินบิดขี้เกียจออกมาแล้วโบกมือให้เหยียนเค่อ “นายมาแล้วงั้นฉันกลับล่ะนะ”
“เอาฉินซื่อหลานไปด้วย” เหยียนเค่อไม่อยากเห็นหน้าใครทั้งนั้น หากุญแจรถบนโต๊ะแล้วโยนให้ไป
เซ่าหมิงฟ่านรับมาก่อนจะมองสัญลักษณ์ด้านบนแล้วโยนมันขึ้นไปบนอากาศ ก่อนจะผิวปาก “คันนี้ของฉันล่ะนะ” ก่อนจะผลักฉินซื่อหลานให้เดินออกไป ส่วนฉินซื่อหลานก็เดินออกไปอย่างจำยอม
ประตูไม่ได้ปิดสนิท ยังได้ยินเสียงฉินซื่อหลานด่าเซ่าหมิงฟ่านอยู่ตรงทางเดินอย่างเลือนราง
“ไม่มีศักดิ์ศรี!”
“ถ้านายมีศักดิ์ศรีมากก็ไปต่อยกับเขาสิ”
“เหอะ” ผ่านไปเนิ่นนานก็ได้ยินเสียงอ่อนแอของฉินซื่อหลาน “รถคันไหนนะ”
…
เหยียนเค่อกินอาหารเช้าเสร็จก็เก็บกวาดโต๊ะจนสะอาดเอี่ยมอ่อง ก่อนจะหันไปมองห้องพักผ่อนที่เละไม่เป็นท่าปราดหนึ่งแล้วเรียกคนเข้ามาจัดการ
เขาไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เขาเวียนหัวอยู่ตลอด จ้องเพ่งตัวอักษรบนเอกสารก็รู้สึกเหมือนพวกมันลอยอยู่ตรงหน้าเขาทีละตัว ลองกะพริบตาดูแล้วก็ไม่ได้ช่วยทำให้ดีขึ้น จึงใช้มือยันหน้าผากไว้อย่างทรมาน หลับตาแล้วนั่งพักไปทั้งอย่างนั้น
ตอนที่ 300 ตัวร้อนทรมาน
ชวีไหน่ที่เข้ามาส่งเอกสารเห็นว่าประตูปิดไม่สนิทจึงยกมือขึ้นเคาะ รออยู่นานก็ไม่มีเสียงคนตอบกลับมา
ช่วงก่อนหน้านี้เซ่าหมิงฟ่านทำงานหนักจนลืมสิ่งรอบตัว จึงมักจะไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู ดังนั้นหากมีธุระอะไรให้พวกเขาเคาะประตูบอกก่อนแล้วเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องรอคำตอบ ถ้าเป็นประธานเหยียนล่ะก็ ถ้าเข้าห้องทำงานโดยไม่ได้รับคำสั่งจากเขาล่ะก็ เขาต้องโมโหแน่นอน
เธอแง้มประตูเปิดอย่างเบามือที่สุด ขณะกำลังจะส่งเสียงก็เห็นคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เสียก่อน ในห้องทำงานไม่มีใครอื่น ชวีไหน่นึกว่าตัวเองตาฝาดจึงลองขยี้ตาดู ลังเลระหว่างก้าวเข้าไปและถอยออกมาอยู่เนิ่นนาน
เหยียนเค่อได้ยินเสียงเคาะประตู ตอนแรกก็ไม่ได้อยากสนใจแต่รู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามา ทำได้เพียงลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองคนที่ยืนอยู่ตรงประตู
“ท…ท่านประธาน” ชวีไหน่โดนเขากวาดสายตามองก็ใจกระตุก เอ่ยเรียกเขาตะกุกตะกัก
“พอผมไม่อยู่คุณก็ลืมกฎไปหมดแล้วเหรอครับ” เหยียนเค่อเบนสายตาออกมา ก่อนจะเลื่อนเมาส์บนโต๊ะ
“ขอโทษค่ะ” ชวีไหน่ไม่รู้ว่าเขากลับมาที่บริษัทแล้ว แถมเซ่าหมิงฟ่านก็ยังไม่อยู่ที่นี่เสียด้วย ตนคงต้องรอรับบทลงโทษเสียแล้วล่ะ
เหยียนเค่ออารมณ์ปกติ ไม่อยากถือสาเอาความอะไรกับเธอ และคิดว่าก่อนหน้านี้เซ่าหมิงฟ่านอาจจะตั้งกฎขึ้นมาก็ได้ ทำให้ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ “ครั้งหน้าระวังด้วย มีอะไรครับ”
ชวีไหน่ชินเสียแล้วกับการที่เจ้านายของตนมักจะระเบิดลงอยู่บ่อยๆ จึงยื่นตารางงานสำรองไปให้ “รบกวนท่านช่วยดูหน่อยค่ะ วันนี้มีงานไหนบ้างที่จะปฏิเสธ หรือว่าจะให้คนอื่นไปแทน”
เหยียนเค่อสงสัยว่าตัวเองจะเป็นไข้เสียแล้ว ตอนนี้ต่อให้เป็นแค่งานสังสรรค์เขาก็ไม่อยากจะไป
“เอาไปให้ผู้ช่วงหวัง ให้เขาตัดสินใจเอาเอง วันนี้ผมไม่ว่าง” เขาโบกมือไล่ “คุณออกไปได้แล้วครับ”
“ค่ะ” ชวีไหน่ไม่เคยคาดหวังเกินตัวว่าเหยียนเค่อจะมองมาที่เธอสักหน่อย แต่บางครั้งก็อยากให้เหยียนเค่อปฏิบัติต่อเธอเหมือนที่ปฏิบัติกับผู้หญิงคนหนึ่งบ้าง เหยียนเค่อเอาแต่เมินเธอแบบนี้ ในใจก็รู้สึกแย่เหมือนกัน
เสียงในใจของเหยียนเค่อ ‘ถ้าเห็นเธอเป็นเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคงไม่ได้เข้ามาที่บริษัทนี้หรอก’
“คุณมัวยืนทำอะไรอยู่ครับ” เหยียนเค่อขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ แต่ไม่ได้กระทบกับใบหน้าหล่อเหลาของเขาเลย
ชวีไหน่ผงกหัวเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
เหยียนเค่อไม่มีเวลามาคาดเดาว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ตอนนี้เขาทรมานจะตายอยู่แล้ว ลูกตาเปียกชื้น แถมยังปวดหัวอีก หลังจากล็อกประตูห้องแล้วก็เข้าไปนอนในห้องพัก
ซย่าเสี่ยวมั่วเลือกชุดที่จะใส่ไปนัดบอดวันเสาร์ตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนจะไปทำงานอย่างอารมณ์ดี
หลังจากเข้าประชุมตอนเช้าแล้ว อันหร่านก็คว้าตัวซย่าเสี่ยวมั่วที่นั่งอยู่ในหลืบมุมเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของเจ้านายเอาไว้
“คนเราเจอเรื่องดีๆ มาก็จะอารมณ์ดี ไปนัดบอดนี่มีความสุขมากนักหรือไง” อันหร่านเองก็สังเกตได้ถึงออร่าความตื่นเต้นที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ จึงดึงผมยาวๆ ของซย่าเสี่ยวมั่วไว้
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์ “ตื่นเต้นสิ ตื่นเต้นมาก ฉันตั้งตาคอยมากเลยล่ะ” ตั้งตาคอยดูสีหน้าท่าทางการแสดงออกที่แตกต่างกันของผู้ชายคนนั้น
บอกตามตรง อันหร่านเองก็คาดหวังการนัดบอดของซย่าเสี่ยวมั่วเหมือนกัน แต่ก็ยังสั่งกำชับอย่างมีเหตุผล “เธอไปนัดบอดจะไปแกล้งเขาไม่ได้นะ เขาอาจจะมาเดทกับเธออย่างจริงใจก็ได้”
ซย่าเสี่ยวมั่วกลอกตามองบน ยกมือขึ้นขัดจังหวะการเทศนาของเธอ “ฉันเป็นคนที่ไร้มารยาทขนาดนั้นเลยหรือไง ฉันก็แค่ตั้งตารอดูว่าคราวนี้จะเจอคนประหลาดแบบไหนอีก ถ้าไม่ใช่คนประหลาดทำไมฉันต้องไปแกล้งเขาด้วยล่ะ ก็ต้องเจอกันด้วยดี แล้วก็เลิกรากันด้วยดีสิ”
เธอก็เป็นคนยุติธรรมเหมือนกันนะ จะไปแกล้งคนได้อย่างไรกันเล่า
อันหร่านพยักหน้าแกนๆ แต่ถ้าเป็นคนประหลาดเธอก็คงจะแกล้งเขาจนร้องไห้เลยใช่ไหมล่ะ…
เหยียนเค่อหลับไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้ รู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่ม ผ้าม่านปิดสนิทไม่มีแสงสว่างใดเล็ดลอดเข้ามา ทำให้ไม่รู้ว่าฟ้ามืดแล้วหรือว่ายังเป็นตอนบ่ายอยู่ เขาคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทรออกด้วยสติที่เลอะเลือน
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็บึนปากแล้วควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าขึ้นมาดู ก่อนจะถลึงตาโต
ทำไมไอ้หมอนี่ถึงยังโทรมาหาเธออยู่อีกเนี่ย! ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ
อันหร่านมองเธอกดเปิดสปีกเกอร์แล้วคำรามตอบกลับด้วยความประหลาดใจ “ไม่ต้องโทรมาหาฉันแล้วนะ! ฉันไม่อยากคุยกับนาย” ไม่ทันรอให้คนทางนั้นตอบอะไรกลับมาก็กดตัดสายทันที