ตอนที่ 273 เปิดเผย
ซย่าเสี่ยวมั่วที่กินดื่มจนอิ่มท้องแล้วก็นั่งพิงเก้าอี้ฟังพวกเขาพูดคุยกัน แต่ส่วนใหญ่ก็ฟังไม่เข้าใจเท่าไร ในขณะที่งุนงงอยู่นั้นก็ได้ยินเสิ่นจิ้งเฉินพูดถึงหนานซาน
“อย่าลืมนะว่าฉันมีหุ้นของหนานซานด้วย” ถึงแม้เสิ่นจิ้งเฉินจะนอนขี้เซาเลยพลาดโอกาสไปกินข้าวที่หนานซานก็ตาม แต่ก็ยังไม่ลืมผลประโยชน์ของตัวเอง
เหยียนเค่อเสียวสันหลังวาบ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อแผ่นหลังของตนหดเกร็งขึ้นมา
ตอนแรกซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่รู้ตัว รู้สึกคุ้นๆ แต่หลังจากที่ปะติดปะต่อเรื่องราวในสมองได้แล้ว ก็ตะลึงงัน
“หนานซาน?” เธอเอ่ยซ้ำหนึ่งครั้ง
เสิ่นจิ้งเฉินหันมามอง นึกว่าเธอสนใจ “ทำไม อยากได้เหมือนกันเหรอ งั้นฉันเอาส่วนของฉันจดเป็นชื่อเธอดีไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบมองเหยียนเค่อที่แสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะส่ายหัวเงียบๆ “พูดต่อเถอะ ไม่มีอะไร”
‘พูดต่อเถอะ ไม่มีอะไร’ กับผีน่ะสิ…เหยียนเค่อเติมคำพูดของเธอในหัวเสร็จสรรพ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกใจฝ่อจนตัวเย็นวาบแบบนี้ แอบคิดในใจ ‘เสิ่นจิ้งเฉิน ฝากไว้ก่อนเถอะ!’
ซย่าเสี่ยวมั่วเคยสงสัยในตัวตนของเหยียนเค่อ แต่ไม่เคยได้ยืนยันเลย อีกเดี๋ยวคงต้องไปเค้นความจริงจากเสิ่นจิ้งเฉินเสียแล้ว
เสิ่นจิ้งเฉินไม่รู้ว่าตัวเองจะโชคร้ายถึงขนาดโดนโจมตีจากทั้งสองฝ่าย ยังคงพูดคุยกับเหยียนเค่อไม่หยุด
ถึงแม้ว่าสวีอันหรานจะไม่รู้สถานการณ์ภายใน แต่เห็นสีหน้าไม่พอใจของซย่าเสี่ยวมั่วและใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มละมุนของเหยียนเค่อแล้วก็พูดขัดจังหวะ “เอาเถอะๆ นายจะไปอยู่แล้วยังจะมาคิดถึงเรื่องนี้ทำไมอีก คืนนี้นายก็เรียกพวกเราออกมาแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงกลายเป็นว่านายมาคุยกับเหยียนเค่อสองคนล่ะ”
เสิ่นจิ้งเฉินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนต้องนั่งเครื่องบินกลับปักกิ่งตอนตีสอง เหล่าเพื่อนฝูงต่างก็เคยชินเสียแล้วกับการที่ได้พบปะกันน้อย ต้องห่างกันไกลแบบนี้ ปกติมักจะโทรศัพท์บอกว่า ฉันจะกลับที่นี่หรือว่าฉันจะไปที่นั่นนะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทำนองนี้ แต่ครั้งนี้เขาต้องจากไปนานเลยทีเดียว
“ฉันต้องไปทำวิจัยในที่ที่กันดารมาก เพราะฉะนั้นต้องนัดเจอกันก่อน ตรุษจีนปีนี้ก็คงไม่ได้กลับมา ปีหน้าค่อยนัดเจอกันอีกก็แล้วกันนะ” เสิ่นจิ้งเฉินโดนส่งตัวให้ไปทำวิจัยกะทันหัน เมื่อก่อนต้องมาร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปีของ YAN แต่ตอนนี้เขากลับมาเจอกับเพื่อนพี่น้องในเทศกาลที่สำคัญอย่างตรุษจีนไม่ได้ รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย “พวกนายต้องคิดถึงฉันด้วยนะเว้ย”
เซ่าหมิงฟ่านเอือมระอา “ฉันไปอยู่เมืองนอกตั้งปีหนึ่งไม่เห็นจะเป็นเหมือนนายเลย อยากจะอ้วก”
“ตรุษจีนเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตเลยนะเว้ย คนที่คลุกคลีแต่วัฒนธรรมตะวันตกอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร” เสิ่นจิ้งเฉินโจมตีเซ่าหมิงฟ่าน “นายก็ขี้เกียจกลับมาทุกครั้งนั่นล่ะ จะรวมตัวกันไปลากคอนายกลับมาอยู่แล้ว นายจะไปเข้าใจความรักที่มีต่อเทศกาลที่สืบทอดกันมาได้ยังไง!”
“ว่าง่ายๆ ก็คือนายชอบความคึกคักนั่นแหละ” เหยียนเค่อไม่ปล่อยเสิ่นจิ้งเฉินไว้แน่นอน พูดเสียดสีเขาแม้กระทั่งตอนสุดท้าย
เสิ่นจิ้งเฉินไม่รู้ว่าไปแหย่ให้เขาไม่พอใจตอนไหน โอบกอดหัวใจอันบาดเจ็บของตัวเองแล้วตัดจบการพูดคุยของตัวเองในครั้งนี้ “พวกนายสนุกกันเถอะ ขอฉันอยู่เงียบๆ”
ทุกคนที่กินอิ่มแล้วต่างก็แยกย้าย สวีอันหรานและสวีรั่วชีร้องเพลงรักคู่กัน อีกทั้งยังหนีบฉินซื่อหลานผู้น่าสงสารไว้ตรงกลางด้วย
ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งอยู่ข้างๆ เสิ่นจิ้งเฉินไม่ขยับเขยื้อน เหยียนเค่อเดินไปนั่งพักลงบนโซฟาข้างๆ ที่มีโต๊ะตัวหนึ่งวางคั่นไว้
เสิ่นจิ้งเฉินมองคนที่ปลีกตัวออกไป ก่อนจะโอบไหล่ซย่าเสี่ยวมั่วอย่างอัดอั้นตันใจ “ฉันเหลือแค่เธอแล้วนะ มั่วมั่ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองเหยียนเค่อไปนั่งไกลๆ อย่างรู้หน้าที่ ก็ใช้นิ้วยันตัวเสิ่นจิ้งเฉินออก จ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม “ฉันขอถามหน่อย ตัวตนที่แท้จริงของเหยียนเค่อคือใครกันแน่ เขาเป็นใคร?”
“เขาเป็นใคร?” เสิ่นจิ้งเฉินเพิ่งจะพบว่ามีอะไรที่แปลกไป เหลือบมองเหยียนเค่อที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีงามสง่าปราดหนึ่งแล้วกัดลิ้นตัวเอง ยิ่งพูดมากก็ยิ่งผิดพลาดจริงๆ เขารอรับบทลงโทษของเหยียนเค่อได้เลย
ตอนที่ 274 เปิดเผยตัวตน
“เขาก็คือเหยียนเค่อไง” เสิ่นจิ้งเฉินแกล้งโง่ หวังว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะไม่ทำให้เขาลำบากใจ
“พูดมาเถอะค่ะ เหยียนเค่อไม่สนใจหรอก”
ไม่สนใจก็บ้าแล้ว เธอไม่เห็นสายตาอันตรายนั่นของเหยียนเค่อหรือไง เสิ่นจิ้งเฉินไม่กล้าถามเธอ จำต้องแสร้งทำตัวน่าสงสาร “มั่วมั่ว เธอเข้าใจฉันเถอะนะ ฉันกำลังจะไปลำบากแล้ว ถ้าฉันทำให้เหยียนเค่อไม่พอใจ ฉันคงต้องถูกส่งไปที่อัฟกานิสถานแน่เลย” เสิ่นจิ้งเฉินดึงแขนเธอแล้วโยกไปโยกมา
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาต่อ เสิร์ชคำว่า ‘เหยียนเค่อ’ ลงไปบนเว็บไป่ตู้ทันที ก่อนจะกดเลือกคำที่ปรากฏขึ้นในแถบแรกแล้ววางโทรศัพท์ลงตรงหน้าเสิ่นจิ้งเฉิน “นี่เขาใช่ไหม”
เสิ่นจิ้งเฉินกดรูปโปรไฟล์สีฟ้าที่ไม่ได้อัปโหลดรูปภาพ ก่อนจะมองซย่าเสี่ยวมั่วด้วยสีหน้าน่าสงสาร “เขานี่แหละ ไม่มีหน้าไม่มีตาเหมือนเขาเลย”
“เหอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วแค่นหัวเราะ “ที่แท้ฉันก็เช่าลูกเศรษฐีมาอย่างนั้นเหรอ”
เสิ่นจิ้งเฉินปลอบใจเธอ “ไม่เป็นไรนะ เธอก็เป็นลูกเศรษฐีเหมือนกัน”
“ฉันอยากอยู่เงียบๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นน้องสาวของเสิ่นจิ้งเฉิน จึงด่าเขาไม่ได้ ทำได้เพียงใช้การกระทำแสดงออกถึงความรู้สึกตัวเอง ถีบเก้าอี้ไล่เสิ่นจิ้งเฉินออกไป
“แม้แต่เธอก็ไม่ต้องการฉันแล้วเหรอ!” เสิ่นจิ้งเฉินรู้สึกเหนื่อยใจ
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากสนใจเขา จมอยู่ในความตกตะลึง ที่แท้เหยียนเค่อก็เป็นหนุ่มหล่อโสดมากความสามารถในตำนาน เป็นลูกเขยทองคำในสายตาของแม่
สวีรั่วชีกระตุกแขนเสื้อสวีอันหราน “ฉันว่านะ ซย่าเสี่ยวมั่วต้องมาคิดบัญชีกับฉันแน่เลย พวกพี่เล่นอะไรกันไม่รู้เรื่องเลย”
“ใครจะไปคิดล่ะว่าโลกจะแคบขนาดนี้” สวีอันหรานมนางในใจแล้วก็ไม่สนใจสิ่งอื่น “นี่คือโชคชะตา แต่จะเป็นโชคชะตาที่ดีหรือร้ายอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ฉันเดาว่าเป็นชะตาร้าย ยากแท้หยั่งถึง ไร้ซึ่งผลลัพธ์” ฉินซื่อหลานมองดูทั้งสองคนที่ปลีกไปนั่งอยู่คนเดียวแล้วส่ายหัว “ของแบบนี้ก็ไม่แน่หรอก”
เสิ่นจิ้งเฉินที่เข้ามาร่วมด้วยพูดด้วยเสียงนิ่ง “ใช่ ไม่แน่หรอก ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายอายุสามสิบจะไปหลงรักเด็กอายุสิบเก้าล่ะ”
“ไปไกลๆ เลย!” ฉินซื่อหลานรู้สึกเจ็บปวดจากการโดนแทงใจดำ จึงถีบเสิ่นจิ้งเฉินไปหนึ่งที
“ทำไมพวกนายถึงเกลียดฉันกันขนาดนี้ล่ะ ถ้าฉันคิดสั้นกระโดดหน้าผาบนถ้ำหินที่ตุนหวงจะทำยังไง”
ฉินซื่อหลานและสวีอันหรานพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าพร้อมกัน
“ถ้านายโดดฉันก็จะช่วย”
“หุ้นส่วนหนานซานในส่วนของนายก็จะตกเป็นของฉัน”
เสิ่นจิ้งเฉินโถมตัวลงใส่พนักโซฟา ยื่นหัวไปอยู่ระหว่างสวีอันหรานและสวีรั่วชีและยุแยงตะแคงรั่ว “เธอดูซิ ทำไมผู้ชายของเธอถึงหน้าเงินขนาดนี้ เธอแต่งกับเขาไปได้ยังไง”
สวีรั่วชีผลักหัวเขาออก “แน่นอนว่าเขาต้องเอาเงินของนายมาเลี้ยงฉันไง เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง”
เสิ่นจิ้งเฉินที่โดนสาดความสวีตใส่หน้าลุกขึ้นยืนเงียบๆ ก่อนจะไปเกาะกลุ่มกับฉินซื่อหลานที่
โดดเดี่ยวไร้คู่
“ฉันก็อยากมีแฟนแล้วอะ” เขาพูดจากใจ
ฉินซื่อหลานทอดสายตามองออกไปไกล แต่เมื่อขยับเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบว่าในดวงตาของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกอันใด
เสิ่นจิ้งเฉินแหย่เขาต่ออย่างไม่กลัวตาย “ความรู้สึกที่ทำได้แค่เฝ้ามองแต่ครอบครองไม่ได้นี่เจ็บปวดมากเลยใช่ไหมล่า”
ฉินซื่อหลานกวาดตามองเขานิ่งๆ “ก็ดีกว่าบางคนที่ไม่มีแม้แต่คนให้เฝ้ามองก็แล้วกัน”
จู่ๆ เสิ่นจิ้งเฉินก็จริงจัง “ความจริงอายุยี่สิบก็จดทะเบียนสมรสได้แล้วนะ ก็ใกล้ถึงเวลาที่จะไม่ต้องทนต่อไปแล้วนี่”
“นายคิดว่าฉันกลุ้มใจเพราะแค่เรื่องทะเบียนสมรสใบเดียวหรือไง” ถ้าแค่เรื่องทะเบียนสมรส ก็เป็นสิ่งที่สามารถตัดสินใจได้ภายในไม่กี่นาทีเท่านั้นไม่ใช่หรือ
เสิ่นจิ้งเฉินโดนเขาดูถูกอีกครั้ง จึงเลือกที่จะแสร้งทำเป็นหยิ่ง ไม่พูดอะไรออกไป
“ใจคนกว่าจะได้มาช่างยากลำบาก ว่ากันตามหลักการ นายกับเหยียนเค่อก็มีสาวมาพัวพันเยอะนี่ ทำไมไม่ไปเปิดหูเปิดตาบ้างล่ะ” ฉินซื่อหลานมองดูคนที่นั่งอย่างเบื่อหน่ายอยู่อีกฝั่ง ไม่รู้จะเอ่ยเตือนสติเจ้าคนพวกนี้อย่างไรแล้ว
เสิ่นจิ้งเฉินถูกพูดถึงพร้อมกับเหยียนเค่อก็ไม่พอใจ “การมีสาวมาจีบเยอะนี่โทษพวกเราได้ด้วยเหรอ เหยียนเค่อมันโง่จริงๆ ต่างหาก”
“นายก็ไม่ได้ฉลาดไปกว่ากันสักเท่าไรหรอก” ฉินซื่อหลานละจากพวกเขาแล้วเดินไปหาเซ่าหมิงฟ่าน รู้สึกดูถูกอีคิวของเสิ่นจิ้งเฉินจากใจจริง