ตอนที่ 289 นึกขึ้นได้กะทันหัน
ตอนบ่ายเหยียนเค่อไม่มีอะไรทำ จึงกะว่าจะกลับไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลสักหน่อย จะได้ไปกระตุ้นหลี่หมิงฉวีด้วย
หลายวันมานี้ฉินซื่อหลานโดนพวกเขาก่อกวนจนไม่ได้เข้าร่วมประชุมวิชาการ ได้แต่นั่งเขียนวิทยานิพนธ์อยู่ในโรงพยาบาลและโดนพวกคนของเฉิงซีนั่นรบกวนอีกด้วย
“นายจะมาทำไม จะให้ฉันทายาให้เหรอ” ฉินซื่อหลานเหลือบตามองเขา กรอบแว่นสีทองล้วนบดบังใบหน้าด้านบนที่ได้รูปและขนตายาวงอนนั้นไว้ไม่ได้
“ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกว่านายเหมือนเกย์เลยนะ” เหยียนเค่อนั่งพิงกับโต๊ะของเขา มือยืนโต๊ะไว้ก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ส่วนขาเรียวยาวยันพื้นเอาไว้ เขายังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องเมื่อคืนนี้เลยนะ
“นายอย่ามาหาเรื่องน่า ระวังโดนฉันวางยาล่ะ” ฉินซื่อหลานหยิบปากกาในมือขึ้นมาชี้
เหยียนเค่อดึงปากกาออกมาจากมือของเขา นึกไปถึงปากกาของตนที่อยู่กับซย่าเสี่ยวมั่ว ก็ยึดเอามาเป็นของตัวเองอย่างหน้าไม่อาย “อันนี้เป็นของฉันละนะ เอาแอลกอฮอล์กับสำลีมาให้ฉันฆ่าเชื้อหน่อย”
“ไอ้เวร” ฉินซื่อหลานไม่พอใจ ไอ้หมอนี่มาทีไรก็แย่งของเขาไปทักที หยิบแอลกอฮอล์มาวางลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปให้เขา “ตอนเสิ่นจิ้งเฉินอยู่นายไม่เห็นเคยไปเอาของเขาเลย ตอนนี้ดันจะมาเอาของฉันซะงั้น”
“ตอนนั้นลืมไง” เหยียนเค่อเช็ดปากกาในมือ
“นายมาทำอะไรกันแน่” ฉินซื่อหลานมองหน้าเขา “นายคงไม่ได้คิดว่าหน้าตัวเองยังไม่หายดีแล้วจะมาลงกับหน้าฉันหรอกนะ”
“ชิ ถ้าฉันทำหน้านายเสียโฉมแล้วนายจะเอาอะไรทำมาหากินล่ะ” เหยียนเค่อไม่สนใจใบหน้าของเขาสักหน่อย
ฉินซื่อหลานที่โดนเสียดสีเข้าเต็มๆ มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เขาไม่ได้อาศัยหน้าตาทำมาหากินเสียหน่อย นี่มันเป็นการหยามความสามารถของเขาชัดๆ เลยนี่นา
“อย่ามาทำหน้าแบบนี้ หลี่หมิงฉวีพักอยู่ห้องไหน” เหยียนเค่อวางปากกาในมือไว้อีกด้าน
ฉินซื่อหลานเอารายการห้องพักผู้ป่วยให้เขาดู “นายอย่าทำเกินไปนักนะ ถ้าไปกระตุ้นจนเขาเป็นบ้าขึ้นมานั่นมันก็เกินไปหน่อย”
เหยียนเค่อไม่พูดพล่ามกับเขาต่อ จะเป็นบ้าหรือเปล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินใจได้เสียหน่อย
ตอนเหยียนเค่อเข้าไปหลี่หมิงฉวีก็อารมณ์ฉุนเฉียวอยู่พอดี กำลังสาดอาหารใส่ตัวหลี่หมิงเจ๋อ
“นายกินข้าวดีๆ อย่าโมโหสิ” หลี่หมิงเจ๋อเองก็ปวดหัวกับน้องชายคนนี้เช่นกัน โดนกับข้าวน้ำซุปสาดใส่ตัว น่าอนาถเป็นอย่างมาก
หลี่หมิงฉวีหันขวับอย่างนึกรำคาญ “ผมไม่…” ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นเหยียนเค่อที่ยืนเด่นอยู่ที่หน้าประตูเสียก่อน
เขาตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนจะดึงสติกลับมาได้ เขาเห็นเหยียนเค่อแต่กลับไม่ได้อารมณ์ขึ้นและโมโหเท่ากับตอนที่เห็นเหยียนเฟิงเมื่อเช้า
“นายมาทำไม ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย” หลี่หมิงฉวีเบนสายตาหลบอย่างเยือกเย็น
“ฉันก็ไม่อยากเห็นหน้านายเหมือนกัน” เหยียนเค่อมองไปทางหลี่หมิงเจ๋อที่ยืนกังวลอยู่ข้างๆ ก่อนจะเอ่ยเตือน “ไม่ไปเช็ดตัวสักหน่อยเหรอครับ”
หลี่หมิงเจ๋อคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเหยียนเค่อในสถานการณ์แบบนี้ บรรยากาศคุกรุ่นในตอนแรก ถูกคำพูดเดียวของเหยียนเค่อทำลายไปเสียหมด จึงหันตัวกลับไปจัดการรอยเปื้อนบนตัวของตนต่ออย่างกระอักกระอ่วน
“นายอยู่ให้ห่างจากซย่าเสี่ยวมั่วหน่อย” หลี่หมิงฉวีมองเขาแล้วเอ่ยเตือน “ตอนนั้นฉันไม่รู้ตัวตนของนาย ตอนนี้รู้แล้ว ดังนั้นนายเลิกคิดที่จะได้อยู่เคียงข้างซย่าเสี่ยวมั่วอีก”
“ไม่ว่านายจะรู้ตัวตนของฉันหรือเปล่า แต่การที่ฉันอยู่เคียงข้างซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย” เหยียนเค่อเริ่มสงสัยในระดับไอคิวของนายคนนี้แล้ว “ตอนนี้นายไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพูดคำนั้นด้วยซ้ำ”
“มีสิทธิ์มากกว่านายแล้วกัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามั่วมั่วรู้ตัวตนของนายแล้วจะยอมคบกับนายต่ออีก” หลี่หมิงฉวีจ้องเขาเขม็ง มือกำผ้าปูเตียงแน่น
น่ารำคาญจริง เขาไม่ได้มาเพื่อคุยเรื่องซย่าเสี่ยวมั่วกับเขาสักหน่อย เข้าใจอะไรยากจริงๆ
“เรื่องของนายกับซย่าเสี่ยวมั่วฉันไม่อยากยุ่งหรอกนะ และเรื่องของฉันกับซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้เกี่ยวกับนาย” เหยียนเค่อหงุดหงิด “นายอยากพูดความในใจก็ไปพูดกับซย่าเสี่ยวมั่ว อย่ามาพูดกับฉัน”
ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วชอบเขาล่ะก็ ตอนนี้เขาต้องเอาเรื่องของเหยียนเค่อมาขู่เหรอ? หลี่หมิงฉวีตัดสินใจแล้ว ต่อให้ซย่าเสี่ยวมั่วคบกับเขาไม่ได้ แต่ก็ให้เหยียนเค่อไปไม่ได้เด็ดขาด
ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วรู้ว่าตัวเองเป็นความดื้อดึงในรักแต่ไม่อาจได้มาของหลี่หมิงฉวีล่ะก็ คงไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือว่าหัวเราะดี
เดิมทีเหยียนเค่อก็แค่นึกขึ้นได้กะทันหันเลยมาเยี่ยมสักหน่อย ไม่อยากคุยกับเขาในเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ต่ออีก จึงหันตัวเดินออกไป
“เหยียนเค่อ แค้นนี้ไม่ชำระฉันไม่ขอเป็นคน” หลี่หมิงฉวีคำรามอย่างโกรธขึ้งใส่แผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างสง่างาม เขาต้องทำให้เหยียนเค่อมาเสียใจทีหลังให้ได้
หลี่หมิงเจ๋อมองเหยียนเค่อเดินจากไปไกล ความคิดหนึ่งวาดผ่าน กิริยาท่าทางของเหยียนเค่อนั้นดีกว่าเหยียนเฟิงมากจริงๆ
ตอนที่ 290 เหนือความคาดหมาย
“นายไปกระตุ้นอะไรเขามาล่ะ” ฉินซื่อหลานคาดเดาสีหน้าของเขาไม่ออก จึงถามอย่างระมัดระวัง
“ประสาทชัดๆ” เหยียนเค่อนึกว่าหลี่หมิงฉวีต้องเกลียดเขามากๆ แต่สุดท้ายกลับเอาแต่พูดเรื่อง
ซย่าเสี่ยวมั่วอยู่นาน ทำให้เขาอารมณ์เสียยิ่งไปกว่าเดิมอีก
ฉินซื่อหลานเกาศีรษะตัวเอง “นายด่าฉันหรือด่าเขาอะ”
“นายไม่ได้ประสาทหรอก” เหยียนเค่อเหลือบมองเขาหนึ่งที ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออก “ทายาให้ฉันหน่อย”
ฉินซื่อหลานดึงคอเสื้อยืดที่ใส่ทับอยู่ด้านในของเขาแล้วก็พูดไม่ออก “เสื้อคอกว้างขนาดนี้ นายชิลล์เกินไปหรือเปล่า”
เหยียนเค่อปัดมือเขาออก ก่อนจะเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่ามารุ่มร่ามน่า ผลกระทบไม่ดีนะ”
“นายกลัวเรื่องผลกระทบตั้งแต่เมื่อไร” ฉินซื่อหลานเลิกชายเสื้อของเขาขึ้นมา รอยบวมช้ำเขียวที่หลังยังไม่จางไป จึงเอ่ยกับเขาก่อน “นายอย่าแหกปากละกัน วันนั้นฉันไปดูหลี่หมิงฉวีทำกายภาพ ฟังเขาแหกปากตะโกนจนหูแทบแตก”
“ฉันจะไปเหมือนเขาได้ยังไงเล่า”
“ไม่เหมือนหรอก ตอนควรจะร้องนายไม่ร้อง ตอนไม่ควรจะร้องดันแหกปากดังกว่าชาวบ้านเขาอีก” ฉินซื่อหลานเบื่อจะค่อนแคะเขาแล้ว ตอนแขนหักขาหักทนได้ยิ่งกว่าคนอื่น แต่พอเจ็บตัวนิดหน่อยก็ร้องเหมือนจะตาย
“…” เหยียนเค่อดึงชายเสื้อขึ้นเพื่อให้ฉินซื่อหลานทายาได้ถนัด
ทั้งคู่เงียบลงครู่หนึ่ง กลิ่นยาที่เจือกลิ่นขมลอยอบอวลไปในอากาศ
เหยียนเค่อปิดปากจามอย่างสุภาพ “ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นรู้เลยว่ามีกลิ่นนี้ด้วย”
“หอมจะตาย” ฉินซื่อหลานเอานิ้วที่ใช้ทายาขึ้นจรดปลายจมูกแล้วดม “กลิ่นหอมสดชื่น”
รอจนฉินซื่อหลานทายาเสร็จ เหยียนเค่อจึงปล่อยชายเสื้อตัวเองลงแล้วสวมเสื้อคลุมกลับไปตามเดิม
“เซ็กซี่นะเรา” ฉินซื่อหลานดึงคอเสื้อยืดย้วยๆ ของเหยียนเค่อลงมาที่ไหล่อย่างมือบอน “มีแค่นายนี่แหละที่ใส่สูทแต่ไม่ใส่เสื้อเชิ้ตข้างใน”
“นายพูดเหมือนว่าข้างในฉันโป๊งั้นแหละ” เหยียนเค่อปัดมือเขาออก “คืนนี้ฉันจะกลับบ้าน นายไปดูเซ่าหมิงฟ่านให้ฉันหน่อยแล้วกัน”
“เซ่าหมิงฟ่านคงไม่ตายกะทันหันหรอกนะ” ถึงกับให้เขาไปดู แสดงว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี
“ฝันไปเถอะ” เหยียนเค่อเท้าศีรษะมองเอกสารวิทยานิพนธ์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา “พรุ่งนี้รอเก็บศพได้เลย”
“ฉันนึกว่านายกับหลี่หมิงฉวีเจอกันแล้วจะฟ้าถล่มดินสะเทือนซะอีก ไม่คิดว่าจะนิ่งๆ แบบนี้ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย”
เหยียนเค่อไม่อยากสนใจเขา รู้สึกอ่อนเพลียนิดหน่อย “ฉันขอไปพักก่อนนะ นายเลิกงานแล้วก็เรียกฉันด้วย”
ฉินซื่อหลานมองเขาเดินเข้าไปในห้องพักของตน ก่อนจะเขียนวิทยานิพนธ์ต่อไปอย่างจำนนต่อโชคชะตา ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีใครสักคนมาเล่นเป็นเพื่อน แต่ดันเข้าไปหลับแล้วซะงั้น
การที่ซย่าเสี่ยวมั่วได้รับโทรศัพท์จากหลี่หมิงฉวี เป็นสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายของเธอมาก
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
“ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ เธอมาหาฉันหน่อยได้ไหม”
“นายรู้เบอร์ฉันได้ยังไง!” แต่ไหนแต่ไรซย่าเสี่ยวมั่วไม่ให้เบอร์เขาก็เพราะกลัวว่าเขาจะโทรมาก่อกวน
อีกฝ่ายลังเลอยู่นาน “เธอมาหาฉันแล้วฉันจะบอกเธอโอเคไหม”
ไม่โอเคเลยสักนิด! ซย่าเสี่ยวมั่วลุกขึ้นนั่งลงบนโซฟา “นายบอกมาตอนนี้เลยก็ได้”
“เธอจะไม่ยอมมาเยี่ยมฉันหน่อยเหรอ ฉันเจ็บหนักมากจริงๆ นะ…”
ซย่าเสี่ยวมั่วทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะได้หลับ แต่กลับถูกปลุกจนตื่นแบบนี้ จึงขยุ้มหัวอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน พูดขัดคำพูดระบายความทุกข์ของเขา “รอฉันเลิกงานก่อนแล้วจะไป”
เธอเกลียดหลี่หมิงฉวีจะตายอยู่แล้ว เลิกกันไปตั้งนานทำไมยังตามตอแยไม่หยุดอีก ทำไมเหมือนพวกผู้หญิงที่ตามวอแวเหยียนเค่อไม่มีผิดเลยนะ เป็นผู้ชายก็ควรจะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดหน่อยไม่ใช่หรือไง
หลี่หมิงฉวีไม่รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วคิดอะไรอยู่ในใจ ทำได้เพียงนั่งรอซย่าเสี่ยวมั่วมาเยี่ยมเงียบๆ