ตอนที่ 303 ตัวซวย
เหยียนเค่อนั่งให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง สำหรับพยาบาลสาวที่เข้ามาดูเขาทุกสิบนาทีแถมยังไม่ซ้ำหน้ากันนั้น จากตอนแรกที่รำคาญต่อมาก็กลายเป็นเมินเฉย แล้วนอนงีบอยู่บนเตียงสักพัก
ฉินซื่อหลานผลัดเวรกลับไปพักผ่อนที่บ้าน เขาจึงไม่ได้โทรไปก่อกวนฉินซื่อหลานอีก
“คุณคะ”
เหยียนเค่อรู้สึกว่ามีคนมาจับแขนเขาจึงเบี่ยงหลบโดยไม่รู้ตัว คิ้วขมวดมุ่นแล้วลืมตาขึ้น ตรงหน้าเป็นพยาบาลสาวที่หน้าตาจัดว่าสะสวยคนหนึ่ง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” โดนคนปลุกให้ตื่นทีไรเขาก็ไม่เคยอารมณ์ดีเลย น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปจึงฟังดูหงุดหงิดเป็นธรรมดา
แต่พยาบาลคนนั้นกลับไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิด ก่อนเอ่ยเตือน “คุณห่มผ้าได้นะคะ เมื่อกี้ฉันเพิ่งเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้ไป”
เหยียนเค่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพยาบาลคนนี้เป็นคนที่ฉีดยาให้เขา และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เข้ามาอีก
“คุณอย่าให้พยาบาลพวกนั้นเข้าออกบ่อยๆ แบบนี้ได้ไหมครับ” เหยียนเค่อเอ่ยความต้องการของตนขึ้น
พยาบาลคนนั้นมองเหยียนเค่ออย่างกระอักกระอ่วน “นี่เป็นเขตสาธารณะค่ะ ฉันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน”
เหยียนเค่อมองเธออย่างจริงจัง ขณะกำลังจะคิดวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงหรือไม่อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงกระแอมไอที่ดังขึ้นไม่ถูกเวล่ำเวลา
ทั้งสองคนที่กำลังจ้องตากันอยู่นั้นหันไปมองทางประตูอย่างงุนงง
พยาบาล ‘ใครมาขัดจังหวะฉันกันนะ’
เหยียนเค่อ ‘เทพเจ้าองค์ไหนมาช่วยลูกเอาไว้กันนะ…’
เมื่อหันกลับไปก็เห็นสวีอิ๋งอิ๋งสะพายกระเป๋า สีหน้าท่าทางเหมือนพวกคุณหญิงคุณนายปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“โอ้โฮ ประธานเหยียนอารมณ์ดีด้วยแฮะ” สวีอิ๋งอิ๋งมองพยาบาลคนนั้นปราดหนึ่ง ก่อนจะวิจารณ์อย่างไม่ไว้หน้า “หน้าตาบ้านๆ ไม่โดดเด่นแบบนี้สู้ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ได้เลย คิดไม่ถึงว่าจะถูกใจประธานเหยียนด้วย”
เหยียนเค่อได้ยินชื่อซย่าเสี่ยวมั่วจากปากเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ก็พี่ชายสุดที่รักของฉันให้ฉันใส่ใจนายไงล่ะ ฉันก็เลยรู้”
ตอนที่สวีอันหรานส่งอีเมลให้เขา เหยียนเค่อบอกว่าตนอยู่โรงพยาบาล มีอะไรไว้คุยกันต่อหน้าพรุ่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจะไปเรียกสวีอิ๋งอิ๋งมา
เหยียนเค่อไม่มีอะไรจะพูดกับสวีอิ๋งอิ๋ง “นั่งตามสบาย”
สวีอิ๋งอิ๋งเห็นสีหน้าเขาไม่อยากจะสนใจตนก็แสยะยิ้มในใจ นายหนีไม่พ้นจุดจบที่ต้องแต่งงานกับฉันด้วยซ้ำ จะทำหน้าบูดหน้าบึ้งไปให้ใครดูกันล่ะ
เหยียนเค่อก็แค่อารมณ์ไม่ดี เขานึกว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะมาเยี่ยมตนสักหน่อย สุดท้ายเขาก็แค่คิดมากเกินไป
หรือว่า…ซย่าเสี่ยวมั่วจะตัดความสัมพันธ์กับเขาจริงๆ งั้นเหรอ เมื่อก่อนก็ไม่เห็นว่าเธอจะว่าง่ายขนาดนี้เลยนี่นา
ซย่าเสี่ยวมั่วทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับบริษัทไปทำงานต่ออีกสักพักใหญ่แล้วเอางานไปถวายให้อันหร่าน
พูดกันเสียดิบดีว่าสองคนไม่ติดค้างกันอีก แต่ทำไมเธอต้องเข้าไปตีสนิทกับเขาด้วย
“พระเจ้า เธอฝีมือดีขนาดนี้ยังบอกว่ากับข้าวในร้านอาหารเราอร่อยอีกเหรอ” อันหร่านกินปลาต้มผักดองและกุ้งผัดผักกวางตุ้งแล้วเอ่ยชมไม่หยุดปาก
ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบตามองฟ้าอย่างเอือมระอา “น่าจะเพราะหัวใจมีความรัก อาหารที่ทำก็เลยอร่อยมั้ง”
อันหร่านไม่รับรู้ถึงความหมายที่แฝงไว้ในคำพูดนั้น จึงเอ่ยแซว “เธอคิดถึงสุดหล่อคนนั้นในใจล่ะสิถึงทำออกมาได้อร่อยขนาดนี้”
ซย่าเสี่ยวมั่วเงียบลง อันหร่านจึงจะสังเกตว่าสถานการณ์เริ่มจะแย่ลง…คงไม่ได้คิดถึงผู้ชายคนไหนตอนทำอาหารจริงๆ หรอกนะ
อันหร่านเปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกไป คิดอยู่นานจึงเอ่ยขึ้น “วันนี้
เหยียนเค่อโทรมาหาเธอทำไมเหรอ”
“เขาไข้ขึ้น” ซย่าเสี่ยวมั่วมือหนึ่งเท้าศีรษะ อีกมือก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะ
อันหร่านกินข้าวช้าลง ที่เธอกินอยู่คงไม่ใช่อาหารที่ซย่าเสี่ยวมั่วคิดถึงใครบางคนตอนทำแถมอยากจะเอาไปให้เขาด้วยหรอกนะ……
ถ้าให้เหยียนเค่อรู้เข้า ไม่รู้ว่าเธอจะโดนแบนหรือเปล่า…
ซย่าเสี่ยวมั่วดึงสติกลับมาได้เห็นท่าทางเศร้าๆ ของอันหร่านก็งุนงง “เป็นอะไรไป ไม่อร่อยเหรอ”
“อร่อยมากเลย อร่อยจนฉันอยากจะร้องไห้” อันหร่านพูดกลบเกลื่อน เห็นซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้สังเกตว่าเธอเดาทางออกหมดแล้ว จึงก้มหน้ากินข้าวต่อไป เธอจะทำเป็นว่าไม่รับรู้อะไรก็แล้วกัน
ตอนที่ 304 โชว์สวีตให้ดู
สวีอิ๋งอิ๋งสั่งอาหารจากข้างนอกมากินกับเหยียนเค่อ
เหยียนเค่อมองดูน้ำแกงแห้งๆ หน้าตาแสนจืดชืดนั่นแล้วก็จนปัญญา เมื่อก่อนซย่าเสี่ยวมั่วซื้อแกงฟักให้เขาเพราะหวังดียังโดนเขาโมโหใส่ แต่ตอนนี้ดันต้องมานั่งกินซุปเพื่อสุขภาพกับสวีอิ๋งอิ๋ง…
“นายไม่กินเหรอ” สวีอิ๋งอิ๋งดึงตะเกียบออกจากกันแต่เห็นว่าเหยียนเค่อยังไม่ขยับเขยื้อน
เหยียนเค่อส่ายหัว “กินไม่ลง เธอกินเถอะ” เขาบีบนวดขมับของตน ก่อนจะพลิกตัวลงไปนอนบนเตียง กะว่าจะหลับอีกสักตื่น “ถ้าเธอไปแล้วรบกวนปิดประตูให้ฉันด้วยนะ”
การที่สวีอิ๋งอิ๋งมาความจริงก็ยังมีประโยชน์อยู่ อย่างเช่นไม่มีเสียงเดินน่ารำคาญดังขึ้นและไม่โดนก่อกวนอยู่บ่อยๆ แต่แน่นอนว่าก็มีกลิ่นต่างๆ นานาที่ทำให้เขาไม่ชอบเพิ่มเข้ามาแทน
เหยียนเค่อคลุมผ้าห่มจนถึงจมูก ยอมดมกลิ่นยาฆ่าเชื้อดีกว่าดมน้ำหอมกลิ่นต่างๆ ที่ส่งกลิ่นออกมาจากสวีอิ๋งอิ๋ง
สวีอิ๋งอิ๋งเองก็ไม่สนใจเขา หยิบน้ำยาทาเล็บและลิปสติกหลายสีหลายเบอร์ออกจากกระเป๋ามาลองใช้ ราวกับไม่ได้กลิ่นของเครื่องสำอางเหล่านั้นเลย
[สวีอันหราน ฉันว่านายคงไม่อยากแต่งงานแล้วสินะ]
สวีอันหรานได้รับข้อความจากเหยียนเค่อก็ตกตะลึงไม่น้อย ทุกครั้งเหยียนเค่อจะบอกว่าการส่งข้อความเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเวลา แต่ตอนนี้กลับมีความอดทนขึ้นมาเสียอย่างนั้น เมื่อกดดูแล้วก็พบว่ามันผิดปกติจริงๆ นี่เจ้าหมอนั่นมาข่มขู่เขาหรือเนี่ย
[ฉันไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ร้ายแรงลงไปหรอกใช่ไหม]
[สวีอิ๋งอิ๋ง] เหยียนเค่อพิมพ์สามคำนี้แล้วรู้สึกเหมือนโทรศัพท์ตัวเองใกล้จะพังอย่างไรอย่างนั้น…
เมื่อสวีอันหรานรู้เรื่องที่ตนได้ไปก่อไว้แล้วก็เริ่มเถียงข้างๆ คูๆ [ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ นั่นมันคู่หมั้นนาย ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน]
[ฉันจะไม่ถือสาเลยถ้าคู่หมั้นเป็นสวีรั่วชี]
[ไม่สิ…] ไอ้หมอนี่ทำไมทำตัวไม่มีเหตุผลเลยนะ! สวีรั่วชีที่นั่งอยู่อีกด้านมองสีหน้าสวีอันหรานจากที่สะใจก็ค่อยๆ กลายเป็นความขุ่นเคือง ไม่ต้องคิดก็รู้ทันทีว่ากำลังกระชับความสัมพันธ์กับเหยียนเค่ออยู่
“เหยียนเค่อทำอะไรอีกล่ะ” ลมหายใจบางเบาพ่นรดอยู่หลังใบหูของเขา สวีอันหรานสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ดึงแขนที่โอบรอบคอของสวีรั่วชีไว้ ก่อนจะเอ่ยฟ้องอย่างน้อยอกน้อยใจ “เหยียนเค่อบอกว่าจะแย่งตัวไปน่ะสิ”
สวีรั่วชีฟังแล้วก็เหลือบตามองสวีอันหรานปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “กล้าเหรอ!”
สวีอันหรานพึงพอใจ เสี่ยวชีรักเขาจริงๆ ด้วยสินะ จากนั้นก็ได้ยินสวีรั่วชีพูดขึ้นอย่างโมโห “กล้าแย่งผู้ชายของฉันไป ไปแปลงเพศมาก่อนค่อยมาแย่งแล้วกัน!”
“…” เมียครับ เหมือนว่าเราจะคุยกันคนละเรื่องนะ สวีอันหรานไม่กล้าโต้แย้ง เอนตัวพิงโซฟาแล้วพลิกมือโอบรอบคอสวีรั่วชีไว้ ประทับรอยจูบบางเบาบนริมฝีปากสวยได้รูปของสวีรั่วชี
สวีรั่วชีที่เมื่อครู่ยังทำเป็นเก่งอยู่เลย ในตอนนี้ใบหน้าฉาบไปด้วยสีแดง รีบผละจากสวีอันหราน แล้ววิ่งตึงตังขึ้นบ้านไป
ผ่านไปเนิ่นนาน เหยียนเค่อไม่ได้รับข้อความตอบกลับก็เริ่มหงุดหงิด
[นายทำอะไรอยู่]
สวีอันหรานตอบอย่างอารมณ์ดี [ไปจูบเมียมา]
“เฮ้ย” เหยียนเค่อเห็นเขาพูดอวดก็ชิงปิดเครื่องก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้สวีอันหรานพูดหัวข้อสนทนาที่พิสดารอีกมากมาย
เขาไม่เข้าใจสวีอันหรานเลย ตอนนั้นขนาดสวีรั่วชีเอาลูกกวาดที่เหลือมาให้ มันยังต้องบอกเล่าความรู้สึกนั้นให้พวกเขาฟัง หรือว่าตอนนี้จะโชว์สวีตกันยิ่งกว่าเดิมอีกนะ
ซย่าเสี่ยวมั่วก็เคยประสบมาแล้วกับความรู้สึกที่เหยียนเค่อพูดถึง
“เสี่ยวชี ถึงไปทำงานแล้วฉันจะดูว่าง แต่ฉันก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกันนะ”
ความคิดจินตนาการของซย่าเสี่ยวมั่วกำลังพรั่งพรู ขณะเขียนบทสนทนาลงบนกระดาษอย่างลื่นไหลอยู่นั้นก็โดนสวีรั่วชีโทรมาขัดจังหวะเสียก่อน
“ตอนนี้ฉันตื่นเต้นมากเลย”
“ฟังไม่ออกเลย” ซย่าเสี่ยวมั่วฟังไม่ออกจริงๆ ว่าเธอตื่นเต้นตรงไหน รู้สึกว่าน้ำเสียงที่พูดนั้นสงบกว่าตอนปกติเสียอีก ยังไม่ทันได้พูดอะไรเพิ่มก็ได้ยินเสียงกรี๊ดที่หาฟังได้ยากของสวีรั่วชีดังขึ้น
“เธอเป็นอะไร” เสียงนั้นฟังแล้วดูลั้นลาเป็นอย่างมาก คงไม่ได้มีอันตรายอันใด
“ตื่นเต้น” คำตอบของสวีรั่วชีทำให้คนหมดแรงจะตอบกลับ