ตอนที่ 397 ระแวดระวัง
“อืม” ฉินซื่อหลานรู้อยู่แล้วว่าต้องขาดคำถามนี้ไปไม่ได้ “วันนี้เช้าเก็บของเสร็จก็กลับไปแล้ว”
เหยียนเค่อบีบกระดุมแขนเสื้อเบาๆ “เขาแผลหายแล้วเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ” เจ็บแค่นั้นสำหรับฉินซื่อหลานแล้วไม่นับว่าเป็นแผลหรอก
“อืม” เหยียนเค่อไม่รู้ว่าจะถามอะไรต่ออีก ก็แค่รู้สึกเหนื่อยๆ
ฉินซื่อหลานเห็นสีหน้าของเขาดูเศร้าหงอยจึงพูดออกมาอย่างหมดเปลือกโดยอัตโนมัติ “วันนี้เช้าฉันให้คนไปส่งเขากลับบ้านแล้ว ตอนกลับก็เอาขนมไปหมดเลยด้วย ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เหยียนเค่อนึกไปถึงก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่ซย่าเสี่ยวมั่วต้องไปเผชิญหน้ากับแม่ของเธอนั้น ก็เหมือนกับต้องจะไปออกรบ ต้องทำสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเสมอ
“ไปส่งเขากลับบ้านแล้วเหรอ”
“นายถามเหมือนฉันจะจับเขาไปขายงั้นแหละ” ฉินซื่อหลานรู้สึกเหมือนโดนสงสัย
เหยียนเค่อหันไปมองเขาตาขวาง “ฉันก็แค่ถามดู” ต้องมีรีแอคชั่นใหญ่โตขนาดนี้เลยหรือไง
ก่อนซย่าเสี่ยวมั่วกลับบ้านในใจก็เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง แต่พอกลับถึงบ้านแล้วก็ระแวดระวังตัวอย่างสุดขีด
“คุณซย่า จะให้พวกเราช่วยยกของเข้าไปให้ไหมครับ”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองคนขับรถที่ช่างเอาอกเอาใจ ก่อนจะมองกระเป๋าเดินทางที่ข้างในเต็มไปด้วยขนม ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหารือกับเขา “ช่วยส่งกลับไปที่โรงพยาบาลให้ฉันหน่อยนะคะ แล้วให้ฉินซื่อหลานเอากลับมาให้ฉันวันนี้”
“ครับ” คนขับรถเจอจนกลายเป็นความเคยชิน ท่านประธานของพวกเขาเคยสั่งกำชับไว้ก่อนแล้ว ว่าถ้าสาวน้อยคนนี้ขออะไรก็ให้พวกเขารับปากไป
“ขอบคุณนะคะ” ซย่าเสี่ยวมั่วมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะเดินเข้าบ้านเดี่ยวหลังเล็กไปอย่างองอาจ เมื่อใกล้ถึงประตูบ้านก็นึกขึ้นได้ว่าต้องแสดงท่าทางอ่อนแอเสียหน่อย จึงทำเป็นแข้งขาอ่อนแรงแล้วเกาะลูกบิดประตูไว้
บอกได้เลยว่า ตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว
“แม่คะ!” เสียงตะโกนแหลมแสบแก้วหูของซย่าเสี่ยวมั่วดังไปทั่วทุกซอกมุมของบ้าน ห้องรับแขกอันกว้างขวางยังมีเสียงสะท้อนดังกลับมาเบาๆ
ไม่อยู่บ้านหรอกเหรอ ซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าไปดูรอบหนึ่งก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ จึงพึมพำเสียงเบา “ไม่ใส่ใจกันเลย ขนาดบอกแล้วว่าจะกลับบ้านตอนไหนก็ยังไม่อยู่บ้านต้อนรับหนูเลย”
“ต้อนรับใครเหรอ” เสียงอึมครึมของคุณแม่ซย่าดังมาจากข้างหลังของซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังจะหมุนตัวกลับไปได้ยินเสียงนี้ก็ล้มพับลงไปกับพื้นเสียก่อน
“แม่อะ! มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”
คุณแม่ซย่ายังสวมชุดนอนอยู่เลย ดูก็รู้แล้วว่าเพิ่งตื่นนอน
“แม่เพิ่งตื่นเหรอ แม่คงไม่ได้ไปมีกิ๊กลับหลังพ่อหรอกนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วชี้แม่ของตนก่อนจะถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
คุณแม่ซย่ากำลังสางผมยาวๆ ของตนอยู่ เมื่อได้ยินการคาดเดาที่ไร้ศีลธรรมของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็ฟาดกะโหลกเข้าไปที่หัวของซย่าเสี่ยวมั่วหนึ่งที “พูดบ้าๆ! มีสมองหรือเปล่าหา”
คุณพ่อซย่าที่ยังคงสะลึมสะลือได้ยินเสียงเสียงดังเอะอะอยู่ด้านล่างจึงเดินลงมาดู เมื่อเห็นซย่าเสี่ยวมั่วนั่งอยู่บนพื้นก็ตาสว่าง “ลูกพ่อคงไม่ได้ล้มเองอีกแล้วหรอกนะ”
“ตกใจเพราะเมียพ่อนั่นแหละ” ซย่าเสี่ยวมั่วยื่นแขนไปหาคุณพ่อซย่า หลังจากที่ถูกคุณพ่อซย่าดึงขึ้นมาแล้วก็เขยิบตัวออกห่างแม่ของตนทันที
คุณพ่อซย่าตบบ่าซย่าเสี่ยวมั่วเบาๆ แล้วเอ่ยถาม “ก่อนหน้านี้ทำไมเข้าโรงพยาบาลได้ล่ะลูก”
ซย่าเสี่ยวมั่วยื่นเอกสารที่เธอเตรียมไว้นานแล้วให้คุณพ่อซย่าดู ก่อนจะเริ่มฟ้องด้วยคำพูดเกินจริง “หนูจะเล่าให้ฟัง ผู้ชายคนนั้นที่แม่แนะนำให้หนูเป็นตัวซวยของหนูจริงๆ นะ แค่หนูออกจากบ้านก็ล้มหน้าคะมำจูบพื้นเลย”
คุณพ่อซย่าเห็นประวัติการรักษาก็ตกใจไม่น้อย ก่อนจะถามอย่างร้อนใจ “แล้วเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมากไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มโชว์ทักษะการแสดงข้อที่สอง…การพับขากางเกง
คุณพ่อซย่าเห็นรอยช้ำเขียวที่ขาของเธอแล้วก็เจ็บปวดใจ “ไปหาผู้ชายแบบนั้นมาได้ยังไง!”
คุณแม่ซย่ามองทั้งคู่เล่นละครกันเงียบๆ ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จา
“ใช่!” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดบรรยายสถานการณ์ตอนนัดบอดอย่างคล่องแคล่ว “ผู้ชายคนนั้นดูแล้วเหมือนจะปกติ ที่ไหนได้ รู้หน้าไม่รู้ใจ!”
คุณพ่อซย่าพยักหน้าเสริมทัพ ทั้งสองคนท่าทางรักใคร่ปรองดองกัน มีเพียงคุณแม่ซย่าที่มีอำนาจตัดสินความเป็นความตายอยู่ในมือเท่านั้นที่ไม่พูดอะไร พอพวกเขาเริ่มเล่นละครแล้วก็หยุดไม่ได้อย่างนี้แหละ
ตอนที่ 398 ไสหัวออกจากบ้านไป
รอจนกระทั่งซย่าเสี่ยวมั่วหมดเรื่องจะพูด คุณแม่ซย่าจึงเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา “งั้นจากที่แกเล่าก็คือ แกกับหวังอี้เหว่ยดวงไม่สมพงศ์กัน งั้นฉันขอถามแกหน่อยนะ ผู้ชายที่หวังอี้เหว่ยพูดถึงคือใคร”
“หนูอธิบายไปแล้วไง ว่าเพื่อนผู้ชายของหนูคนหนึ่งเห็นว่าหนูจะไปนัดบอดก็เลยอยากช่วยหนูทดสอบหวังอี้เหว่ยสักหน่อยว่าชอบหนูจริงหรือเปล่า ใครจะไปรู้ว่ายังไม่ทันเฉลยความจริงเขาก็ทนไม่ไหว วิ่งออกไปก่อนแล้วน่ะ”
“เหอะๆ เพื่อนผู้ชายคนไหนถึงไร้คุณธรรมแบบนี้ ช่วยแกทดสอบคู่เดตให้ ทำไมเขาถึงว่างขนาดนั้นหา!” เพื่อนของซย่าเสี่ยวมั่วน้อยจนคุณแม่ซย่าแทบนับได้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนเพื่อนผู้ชายของซย่าเสี่ยวมั่วถ้าไม่ใช่เกย์ก็แต่งงานกันหมดแล้ว ใครกันที่ไร้คุณธรรมแบบนี้!
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินแม่ของเธอพูดเช่นนี้ก็อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมา “แม่มีสิทธิ์อะไรไปบอกว่าเขาไร้คุณธรรมอะ! ที่เขาทำไปเพื่อหนูนะ ทำไมแม่ถึงบอกว่าแม่ให้หนูทำเรื่องที่ตัวเองไม่อยากทำคือเรื่องดี แต่พอเขาช่วยเรื่องที่หนูอยากจะทำถึงบอกว่าไร้คุณธรรมล่ะ!”
“นี่ นี่” คุณพ่อซย่าดึงแขนเสื้อซย่าเสี่ยวมั่วไว้ให้เธอนั่งลงคุยกันดีๆ คำพูดนี้ชักจะรุนแรงเกินไปแล้ว
คุณแม่ซย่าฟังจบ เธอทำดีไม่ได้ดีไม่พอ แต่ในความคิดของซย่าเสี่ยวมั่ว เธอยังเป็นฝ่ายที่ทำร้ายลูกด้วยเหรอ!
“ได้…ได้…ได้” คุณแม่ซย่าพูดคำว่า ‘ได้’ ติดต่อกันอยู่หลายคำ “แกเก่งมากใช่ไหม คิดว่าตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้วใช่ไหม! งั้นแกก็ไปเลย ไสหัวออกไป!”
“เชอะ!” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่กลัวเขาหรอก ไปก็ไปสิ เธอก็ไม่อยากอยู่บ้านเหมือนกันแหละ
“เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งไปสิ” คุณพ่อซย่าอยากรั้งซย่าเสี่ยวมั่วไว้ แต่คุณแม่ซย่าก็เอ่ยคำพูดทำร้ายจิตใจขึ้นมา “ให้มันไป ไม่งั้นคุณก็เก็บกระเป๋าแล้วไสหัวออกไปพร้อมกันเลย” จากนั้นตนก็เดินขึ้นบ้านไปทันที
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง คิดในใจว่ากลับไปที่บ้านแล้วก็ไม่มีใครมาวุ่นวายกับเธอได้อีก แต่พอออกจากประตูไปน้ำตากลับรื้นขึ้นมาที่กระบอกตาอย่างห้ามไม่ได้
“ร้องไห้ทำบ้าอะไรวะ” ซย่าเสี่ยวมั่วปาดน้ำตา ไม่รู้ว่าจะเศร้าไปเพื่ออะไร นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนไล่ออกจากบ้านเสียหน่อย แต่ทำไมคราวนี้ถึงได้จิตใจเปราะบางนัก น่าขายหน้าจริงๆ
เธอหยิบกระดาษทิชชูออกมาซับน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะใช้ทิชชูแผ่นเดิมมาซับน้ำมูก
“นี่มันอะไรกัน” เหยียนเค่อเตะๆ กระเป๋าเดินทางสีชมพูขาวตรงหน้าที่คนขับรถเอามาวางไว้ให้ ด้านบนกระเป๋าติดเต็มไปด้วยป้ายห้อยกระเป๋าและสติกเกอร์รูปวาดหลากหลายรูปแบบ ในใจก็ปรากฏคำตอบขึ้นมาอย่างเด่นชัด
ฉินซื่อหลานรู้จักกระเป๋าใบนี้เป็นอย่างดี แต่เพราะรู้จักนี่แหละถึงรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า “ทำไมส่งกลับมาล่ะ”
“คุณซย่าบอกว่าให้คุณช่วยเอาไปส่งให้ที่ที่พักของเธอน่ะครับ”
เหยียนเค่อพยักหน้าก่อนจะพึมพำเสียงเบา “จริงๆ เลย”
“ทำไม อยากไปเหรอ” ฉินซื่อหลานดันกระเป๋าเดินทางไปไว้ตรงหน้าเหยียนเค่อ
“ช่างมันเถอะ” เหยียนเค่อหยิบป้ายห้อยอันหนึ่งขึ้นมาดู อย่างกับบันทึกการท่องเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น ที่บันทึกไว้ว่าวันที่เท่าไร ไปไหนมา เจอใครมาบ้าง ตำแหน่งของกระดาษทุกใบล้วนสะเปะสะปะไปคนละทาง แต่ลายมือบรรจงสวยงามนั้นกลับทำให้ดูเป็นระเบียบขึ้น
ฉินซื่อหลานก็ไม่รบกวนที่เขาแอบดูป้ายห้อยของซย่าเสี่ยวมั่ว แถมยังมีน้ำใจช่วยคิดแผนชั่วให้อีกต่างหาก “นายดึงออกมาสักสองสามอันไหมล่ะ ยังไงเขาก็ไม่รู้หรอก”
มือของเหยียนเค่อที่กำลังจะดึงออกมาชะงักไป ถ้าเขาดึงออกมาแล้วถูกคนอื่นเห็นเขานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่โดนคนอื่นมาล่วงรู้จุดประสงค์แบบนี้แล้วรู้สึกกลับขัดเขินขึ้นมานิดหน่อย
ฉินซื่อหลานยืนรอดูเรื่องตลกอยู่ข้างๆ ทว่าเหยียนเค่อก็ยังดึงออกมาตามที่หัวใจเรียกร้อง อย่างไรเสียถ้าฉินซื่อหลานกล้ายืนหัวเราะเขา ก็ต้องกล้าที่จะแบกรับผลที่ตามมา
ฉินซื่อหลานก็เริ่มรู้แล้วว่าดีใจจนลืมตัวไปหน่อยจึงรีบสำรวมกิริยา เหยียนเค่อดึงออกมาสองแผ่นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เหยียนเค่อเห็นว่าสองแผ่นนี้มีชื่อเขาเขียนอยู่ด้านบนก็เลยดึงออกมา รูปแบบของสติกเกอร์ก็ไม่ได้แตกต่างออกไปจากอันอื่น เพียงแต่เห็นชื่อของเขาที่ถูกเขียนด้วยลายมือสวยๆ นั่นแล้ว เขาก็รู้สึกอิ่มเอมใจขึ้นมา