ตอนที่ 421 ชุดสวยม้าแกร่ง
สวีอันหรานตามความคิดของสวีรั่วชีไม่ทัน จำต้องตั้งใจหาคลิปให้เธอ
“พอตอนนี้เอามาดูอีกทีก็เหมือนยุคมืดเลยนะ คุณภาพกล้องถ่ายรูปมันน่าโมโหจริงๆ” สวีอันหรานหาคลิปเจอแล้วจึงส่งให้สวีรั่วชี “โชคดีที่ชุดขี่ม้าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ไม่อย่างนั้นคงดูไม่ได้แน่ๆ”
สวีรั่วชีกวาดตามอง “ก็พอได้นะ รู้สึกว่าโอเคอยู่”
“แน่นอน นี่ฉันถ่ายเองเลยนะ”
ตอนนั้นเหยียนเค่อให้ความสนใจกับการถ่ายรูปมาก อุปกรณ์ต่างๆ ล้วนเป็นรุ่นที่ดีที่สุด ตอนแข่งก็ให้สวีอันหรานบันทึกภาพตลอดการแข่งขันให้ ตอนนี้กลับมาดูใหม่ก็ไม่ได้แย่นัก
ดูท่าทางเหยียนเค่อก็เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อยเหมือนกัน สวีรั่วชีนึกไปถึงภาพช่วงเวลาในวัยรุ่นมากมาย “ตอนนั้นเหยียนเค่อหล่อมากจริงๆ นะ”
สวีรั่วชีไม่เข้าใจ เมื่อก่อนเธอไม่สนใจรูปลักษณ์ของเหยียนเค่อเลย แต่ตอนนี้ทำไมไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูดีถึงขนาดนี้นะ ถ้าตอนนั้นเธอชอบเหยียนเค่อล่ะก็ ตอนนี้ก็คงไม่เกี่ยวกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้วล่ะ
“ห้ามดูเขานะ!” สวีอันหรานยอมให้สวีรั่วชีคิดว่าเหยียนเค่อเป็นศัตรูหัวใจ ยังจะดีเสียกว่าให้สวีรั่วชีกลายเป็นแฟนคลับของเหยียนเค่อ
สวีรั่วชีมองผู้ชายที่ตื่นเต้นร้อนใจแล้วก็อยากจะหัวเราะ “พี่จะตื่นเต้นไปทำไม ตอนนี้ฉันแค่คิดว่าเขาเมื่อสิบปีก่อนดูดีเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้เหมือนเมื่อสิบปีก่อนแล้วนี่”
เด็กหนุ่มวัยเยาว์ในชุดขี่ม้าอันสวยงามกับม้าแกร่งเมื่อสิบปีก่อน ยามนี้เมื่อมองย้อนกลับไป ก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
สวีอันหรานไม่สน “ห้ามชอบเขา ไม่ว่าตอนไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น”
“จ้าๆๆ” สวีรั่วชีล่ะกลัวเขาเลย เธอแค่พูดออกมาลอยๆ เท่านั้น แต่ทำไมถึงมีรีแอคชั่นที่โอเวอร์ขนาดนั้นนะ อีกอย่างเธอก็แค่รำพึงรำพันเท่านั้น ไม่ได้แปลว่าตนชอบเหยียนเค่อจริงๆ เสียหน่อย
“บอกสิว่าเธอไม่ได้ชอบ”
“ฉันไม่ได้ชอบ” สวีรั่วชีพูดย้ำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ฉันส่งไปให้ซย่าเสี่ยวมั่วก่อนนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วที่แอบอู้ระหว่างเวลางานมองหน้าต่างแชตของตนที่เด้งขึ้นมาไม่หยุด จึงกดเปิดออกดูก็พบว่าคลิปที่สวีรั่วชีส่งมาให้นั้น มีฉากแรกเป็นพื้นหญ้าสีเขียวขจี ซย่าเสี่ยวมั่วเหมือนจะเดาออกแล้วว่าเป็นคลิปอะไร จึงพิมพ์ข้อความตอบกลับ [ได้รับแล้วนะ ทำงานอยู่]
สวีรั่วชีเห็นข้อความตอบกลับของเธอก็รู้ทันทีว่าเธอไม่อยากดูคลิปนี้ จึงย้ำเตือนอีกครั้งด้วยความหวังดี [ถ้าไม่ดูแล้วจะเสียใจ]
สำหรับเด็กดื้อที่ยังไม่รู้จักโตอย่างซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว เมื่อเห็นข้อความนี้ก็โต้กลับอย่างเหยียดหยามทันที [ฉันไม่เชื่อหรอกว่าถ้าไม่ดูแล้วจะเสียใจน่ะ]
จากนั้นก็ปล่อยคลิปนั้นทิ้งไว้ แล้วดูซีรีส์ต่อ
สวีรั่วชีรู้ว่าถ้าตนพูดเช่นนี้อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามได้ แต่เธอก็เตือนด้วยความหวังดีแล้ว แต่ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วไม่ดูก็ตรงกับความต้องการของเธอพอดี
ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งดูซีรีส์อยู่พักใหญ่ กลับพบว่าสวีรั่วชีไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เธอรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนสวีรั่วชีต้องพูดซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบจนกว่าจะบีบบังคับให้ซย่าเสี่ยวมั่วยอมศิโรราบได้ แต่ครั้งนี้กลับยอมรับอย่างง่ายดายเหมือนเป็นกับดักอย่างไรอย่างนั้น
ซย่าเสี่ยวมั่วคันไม้คันมืออยากเปิดดูแต่ก็รู้สึกว่าสวีรั่วชีหลอกเธอ จึงคัดลอกวิดีโอลงบนหน้าจอเดสก์ท็อปเงียบๆ เพื่อป้องกันไฟล์หมดอายุ ครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ไม่อยากเปิดูตอนนี้
เธอทนไม่ไหวจึงถามสวีรั่วชี [เป็นคลิปอะไรเหรอ]
สวีรั่วชีรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทำไมจู่ๆ ยายนี่ก็อยากรู้อยากเห็นแถมยังมาถามเธออีกว่าสิ่งนี้คืออะไร เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม [คลิปแข่งม้าเมื่อสิบปีก่อนน่ะ]
ซย่าเสี่ยวมั่วหรี่ตา เธอได้กลิ่นอะไรแปลกๆ แล้วล่ะ
ก่อนหน้านี้สวีรั่วชีก็โยนลิงก์หรือเว็บไซต์ให้เธอไปหาดูเองทุกครั้ง ไม่เหมือนกับครั้งนี้ที่หาคลิปของเมื่อสิบปีก่อนมาให้เธอดูโดยเฉพาะ
ตอนที่ 422 แย่งถุงชา
[อ๋อ]
[ถ้าเธอไม่ดูคงจะเสียใจล่ะมั้ง] สวีรั่วชีไม่ได้พูดตรงไปตรงมามากนัก [เธอจะดูไม่ดูก็แล้วแต่นะ ช่วงนี้สวีอันหรานไม่ปล่อยตัวฉันไป ฉันไม่ว่างไปสนามแข่งม้ากับเธอเลย ถ้าเธอว่างก็ลองไปเดินดูนะ ไปลองมือสักหน่อย]
[เฮ้ เธอทำแบบนี้เกินไปหน่อยไหม] มาขอให้เธอช่วยแล้วยังจะเรื่องมากอีก
[เธอต้องเข้าใจฉันสิ สรุปก็คือ เธอค่อยมาหาฉันวันเสาร์อาทิตย์แล้วกัน อย่างไรเสียฉันก็ไม่ได้ขายหน้าคนเดียว] สวีรั่วชีเองก็ปลงแล้ว เธอโดนเหยียนเค่อขู่มา การพาซย่าเสี่ยวมั่วกลับมาอย่างปลอดภัยก็ไม่เลวแล้ว
ซย่าเสี่ยวมั่วตอบกลับ [รู้แล้วจ้าว่าผู้ชายของเธอน่ะโรคจิต ฉันอาจจะออกไปวาดภาพ สนามแข่งม้าก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันนะ]
[รู้ตัวก็ดีค่ะที่รัก ไว้เจอกันนะ]
[ได้] ซย่าเสี่ยวมั่วตอบลากเสียง เห็นเธอเป็นคนว่างงานหรือไง
บนหน้าจอปรากฏภาพพระเอกที่ร้องไห้ต่อหน้านางเอก ซย่าเสี่ยวมั่วเบ้ปากก่อนจะกดดูต่อ
เบลล์งานยุ่งกว่าเหยียนเค่อ ถึงรายชื่อพนักงานที่ส่งมาให้นั้นจะน้อยก็จริง แต่ก็จัดการได้ยากยิ่ง
ขนาดใช้กำลังบีบบังคับแล้วเขายังไม่สน ถึงจะพูดเหตุผลไปเขาก็ไม่เห็นใจคุณหรอก เธออุตส่าห์ไล่ผู้หญิงที่แต่เดิมถูกชะตาออกไปได้คนหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ส่งคนใหม่ออกมาสร้างความวุ่นวายอยู่ดี
เบลล์กุมหน้าผาก ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไร จึงรายงานให้เหยียนเค่อทราบ แต่เหยียนเค่อไม่รับโทรศัพท์ ตอนนี้เธออยากจะไปจับตัวซย่าเสี่ยวมั่วมาใช้ข่มขู่เหยียนเค่อเสียจริง เธอเพิ่งมาได้ไม่นานก็หางานยากมาให้เธอทำแล้ว
ส่วนอันหร่านที่รู้เรื่องนี้และมาเป็นผู้ช่วยให้เบลล์ เห็นเธอร้อนรนขนาดนี้แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
“เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้หรอกค่ะ” อันหร่านไม่เคยเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์และการเงิน แต่ละครแนวศึกวังหลวงเธอก็เคยดูมาไม่น้อยเหมือนกัน จึงช่วยออกความเห็นให้เบลล์ “คุณลองคิดดูนคะ ถ้าตอนนี้คุณแฉพวกมันจนหมดเปลือกล่ะก็ ต้องทำให้ลูกพี่ของพวกมันรู้ตัวแน่เลย ถึงตอนนั้นจะไม่ยากยิ่งกว่าเดิมหรือคะ”
เบลล์ยิ้มให้เธอ “ขอบคุณที่ปลอบใจฉันนะคะ แต่บอสบอกว่าให้ฉันค้นออกมาให้หมดภายในอาทิตย์นี้ ความจริงเรื่องพวกนี้ถ้าจัดการคนแรกได้แล้ว คนต่อไปก็ไม่น่ายาก หมดกังวลไปได้เลยค่ะ”
เบลล์อธิบายให้อันหร่านรู้ไม่ได้ว่าทำไมต้องจัดการเรื่องให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ แต่การที่เหยียนเค่อให้เธอทำแบบนี้ก็มีเหตุผล
“เอาเถอะ งั้นฉันไปชงชามาให้นะคะ” อันหร่านก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ ทำได้เพียงยืนดูอยู่ข้างๆ เท่านั้น
“งั้นช่วยชงชามะลิให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” อันหร่านรับแก้วมาก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป “น่าจะลากตัวซย่าเสี่ยวมั่วมาชงชาให้คุณดื่มนะคะ”
เบลล์ยิ้มบางๆ “ฉันไม่กล้าให้ผู้หญิงของบอสมาชงชาให้ฉันดื่มหรอกค่ะ”
“ถือโอกาสตอนที่เขายังไม่เป็นแฟนบอสต้องใช้งานหนักๆ หน่อย” อันหร่านยิ้มร้ายก่อนจะเดินออกไปขอถุงชาจากซย่าเสี่ยวมั่ว
ถุงชาในห้องชงกาแฟมีแต่ชาเขียว รสชาติดีไม่เท่าชามะลิของซย่าเสี่ยวมั่วเลยสักนิด
ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังดูซีรีส์อยู่มองประตูห้องของตนอย่างหวาดระแวง เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกจึงรีบกดปิดหน้าต่างเว็บไซต์
อันหร่านเคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเดินเข้ามาทันที เมื่อเห็นซย่าเสี่ยวมั่วนั่งตัวตรงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำเรื่องผิดอะไรอีกล่ะ วาดต้นฉบับแล้วเหรอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วตีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่เกรงกลัว “ลองเดาดูสิ”
“ฉันเดาว่ายัง” อันหร่านคว้าขวดแก้วบนโต๊ะแล้วหยิบเอาถุงชาจากด้านในออกมา
“นี่ ถ้าเธอกิน ชาฉันก็หมดแล้วนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วรับไม่ได้ที่เห็นถุงชาที่ตนทำขึ้นมาถูกแย่งไป “เธอไม่กลัวเป็นเบาหวานหรือไง!”
ถุงชาเหล่านั้นล้วนเป็นชาที่ซย่าเสี่ยวมั่วปรุงแต่งแล้วเรียบร้อย และเติมน้ำตาลลงไปไม่น้อย เธอแค่ไม่อยากไปซื้อเครื่องดื่มที่ร้านก็เลยทำขึ้นมาเอง แต่ตอนนี้กลับโดนอันหร่านเอาเปรียบเสียได้
“ไม่กลัวจ้ะ” อันหร่านหยิบเกินมาสองสามอันแล้ววางลงไปในแก้ว ชาของซย่าเสี่ยวมั่วรสชาติดีกว่าชามะลิทั่วไป ถึงแม้ว่าจะใส่น้ำตาล แต่กลิ่นหอมสดชื่นก็ยังเข้มข้นอยู่ ดื่มแล้วติดใจได้อย่างง่ายดาย
“ไร้มนุษยธรรม” ซย่าเสี่ยวมั่วมองขวดโหลทรงประณีตที่ด้านในเหลือถุงชาเพียงไม่กี่ห่อนอนอยู่ด้านใน ก่อนจะมองอีกสองสามอันที่อันหร่านวางไว้ในแก้ว ก็ถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าสร้อย