ตอนที่ 423 เอกลักษณ์ของตัวเอง
อันหร่านมองซย่าเสี่ยวมั่วทำท่าอุ้มขวดโหลไปหาที่ซ่อนก็อยากจะหัวเราะ “ทำไมงกขนาดนี้”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างเหยียดหยาม นี่เป็นใบชาที่เธอไปเก็บมาอย่างยากลำบากเลยนะ แต่ตอนนี้โดนเอาไปกินหมดแล้ว ไม่ให้เธองกได้เหรอ?
“เอาล่ะๆ ถ้ากินแล้วพอใจจะเพิ่มเงินเดือนให้นะ”
“เฮ้! เธอกินไปเยอะขนาดนั้นแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะขว้างโหลแก้วนั่นใส่หัวเธอจริงๆ
อันหร่านยิ้มกรุ้มกริ่ม “ฉันไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เธอสักหน่อย ใจเย็นๆ นะที่รัก”
“เหอะ ไม่มีสิทธิ์แล้วยังมาแย่งชาฉันไปอีก” ซย่าเสี่ยวมั่วเอาขวดโหลไปซ่อนแล้วจึงโบกมือไล่
อันหร่านอย่างติดรำคาญ “รีบไปเลย ทำลายบรรยากาศหมด”
อันหร่านมองไปรอบๆ ห้องแล้วจงใจเอ่ยข่มขู่ซย่าเสี่ยวมั่ว “ทุกห้องทำงานมีกล้องวงจรปิดนะ เธอต้องตั้งใจทำงานหน่อย”
“หืม?” ซย่าเสี่ยวมั่วเสียงเปลี่ยนทันที
อันหร่านชี้กระดานที่ซย่าเสี่ยวมั่วแขวนอยู่บนผนัง “รักเจ้านายและแฟนคลับของเธออย่างเต็มที่ ตั้งใจทำงาน”
“เธอ…” ซย่าเสี่ยวมั่วฟังแล้วอยากจะอ้วก “ฉันไม่รักเจ้านาย เธอออกไปได้แล้ว”
“บอสให้ฉันมาถามเธอว่าทำไมเธอต้องหลบหน้าเขาด้วย เหมือนว่าอีกสองสามวันบอสจะมาตรวจ สู้ๆ นะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วโดนเธอเอาระเบิดลูกใหญ่มาทิ้งไว้หลายลูกจนมึนงงไปหมด “เธอมันบ้า!” ซย่าเสี่ยวมั่วต่อว่าเธออย่างน่าสงสาร “ทำไมต้องเอาข่าวนี้มาทำร้ายหัวใจบริสุทธิ์ของฉันด้วย”
“เตรียมตัวให้ดีล่ะ ห้องทำงานเธอนี่นอกจากกระดานแผ่นนั้นแล้ว ทุกอย่างก็ดูเรียบเกิน ไม่มีเอกลักษณ์ของตัวเองเลย”
ซย่าเสี่ยวมั่วกลอกตา “เธอออกไปได้แล้ว” พรุ่งนี้เธอจะเอารูปของตัวเองใบใหญ่ยักษ์มาแขวนบนผนัง แบบนี้ก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองแล้ว
“บ๊ายบาย ถ้ากินแล้วรู้สึกดีจะมาหาใหม่นะ” อันหร่านก็เสียเวลาอยู่ที่นี่มากพอสมควรแล้ว ไม่รู้ว่าทางด้านเบลล์เป็นอย่างไรบ้าง เธอต้องรีบกลับไป
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากให้เธอกลับมาอีกเลย “รีบไปเถอะ เราสองคนจบกันแล้ว”
อันหร่านเบ้ปาก ก่อนจะยกแก้วแล้วเดินจากไป
ซย่าเสี่ยวมั่วมองสำรวจไปทุกทิศก็ไม่เห็นกล้องสักตัว จึงกลับไปนั่งลงตามเดิมอย่างกลัดกลุ้ม เธอลังเลอยู่นานว่าจะดูอะไรดีระหว่างซีรีส์และวิดีโอบนหน้าจอเดสก์ท็อป มองกล้องวงจรปิดที่อยู่รอบๆ แล้วก็มองหน้าจออีกครั้ง สุดท้ายก็ตัดสินใจคลิกเข้าไปดู
เหยียนเค่อหลับไปสามชั่วโมงกว่า เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาสิบโมงพอดี เมื่อเปิดเครื่องโทรศัพท์ก็เห็นข้อความที่ผู้ช่วยหวังส่งมาให้ รวมไปถึงเบลล์ที่โทรมาหาเขาหลายสาย เขาขยี้เส้นผมอันยุ่งเหยิงของตัวเองแล้วลุกขึ้นเก็บเตียง
ถ้าเขาไม่ได้ปิดเครื่องล่ะก็ โทรศัพท์ของเขาคงแตกกระจายอยู่บนพื้นแล้ว
คนในกระจกไม่มีแล้วซึ่งร่องรอยของวัยเยาว์อีกต่อไป แต่ยังคงความอ่อนเยาว์ไว้อยู่ สำหรับ
เหยียนเค่อ ช่วงหลายปีมานี้เขาไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย น้ำเสียง, รูปร่าง, หน้าตาล้วนเหมือนกับเมื่อก่อน สิ่งที่หายไปมีเพียงความอิสระในวัยเยาว์และรอยยิ้มอย่างสบายใจเท่านั้น
กาลเวลาทำให้คนตกตะกอนและทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นจากการตกตะกอนนั้น
ผู้ช่วยหวังส่งข้อความมาบอกว่ากำลังไปพบคนๆ นั้นแทนเหยียนเค่ออยู่ ให้เหยียนเค่อตอบข้อความเขาเมื่อตื่นแล้ว
เหยียนเค่อไม่รีบร้อนส่งข้อความ แต่เลือกที่จะโทรหาเบลล์ก่อน
“ประธานคะ ถ้าท่านไม่โทรมาฉันต้องตายแน่เลย” เบลล์ดมกลิ่นหอมหวานของชามะลิก่อนจะ
โอดครวญสถานการณ์ทางด้านนี้ให้เหยียนเค่อรับรู้
“ยากเหรอ” เหยียนเค่อก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย แต่เขาคิดว่าเบลล์น่าจะมีศักยภาพในการจัดการปัญหานี้ แต่ตอนนี้เธอกลับมาปรับทุกข์กับตนเสียอย่างนั้น
“ค่ะ แต่ก็ยังพอไหว” เบลล์ข่มขู่คนที่ค่อนข้างขี้ขลาดจนล่าถอยออกไปได้สามคนแล้ว อีกทั้งยังแย่งข้อมูลในมือพวกเขากลับคืนมาได้แล้วด้วย “ต้องขอบคุณชาของซย่าเสี่ยวมั่วเลยนะคะ ถ้าไม่มีชาของเขาฉันคงไม่รอดแน่ๆ”
ตอนที่ 424 สิบปีก่อน
เมื่ออันหร่านได้ยินก็เดินมาแอบฟังอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะขยับปากถามเบลล์ ‘บอกคุณว่าอย่ารังแกซย่าเสี่ยวมั่วใช่หรือเปล่า’
‘ไม่ได้พูดอะไร’ เบลล์ก็ขยับปากแบบไม่มีเสียงให้เธอเช่นกัน
อันหร่านพยักหน้าแล้วฟังต่อไป
ความจริงเหยียนเค่อก็แอบอิจฉาในใจ แต่จะแสดงออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยยเตือนเบลล์เท่านั้น “เอาเงินให้เขาด้วย อย่ายึดเอาทรัพย์สินของคนอื่นมาใช้”
“ค่ะ” เบลล์รับคำ เป็นคนรวยที่ใจป้ำเสียด้วยนะเนี่ย “แล้วฉันควรให้เท่าไรดีคะ”
“หักเอาจากเงินเดือนคุณนั่นแหละ” ใครดื่มคนนั้นก็จ่ายแล้วกัน
เฮ้ย! นี่มันใช่ประเด็นไหมเนี่ย! เธอโดนเหยียนเค่อเล่นงานเข้าให้แล้ว เบลล์ทุบโต๊ะแล้วเบิกตาโตมองอันหร่าน ก่อนจะบ่นกับเธอเสียงเบา “ฉันทำงานเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว แต่เขาให้ฉันหักเงินจากเงินเดือนตัวเองอะ!”
อันหร่านกลั้นยิ้ม ปกติจะตาย เหยียนเค่อไม่ยอมเสียเปรียบหรอก ถึงคุณรังแกซย่าเสี่ยวมั่วแค่เพียงนิดเดียว แต่เขาสับเธอเละเป็นชิ้นนี่ถือว่ายังปราณีนะ
เหยียนเค่อได้ยินเสียงซุบซิบดังออกมาจากอีกฝั่งก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะย้ำอีกครั้ง “แก้ไขปัญหาเสร็จแล้วค่อยมาว่ากัน ห้ามรังแกซย่าเสี่ยวมั่ว”
อันหร่านได้ยินประโยคเด็ดก็หูตั้งทันที ส่วนคนที่โดนเตือนจนชินนั้นรู้สึกเฉยๆ
พวกไม่ทำการทำงานนี่ควรจะไล่ออกให้หมด
“ค่ะ” เบลล์ตอบรับทันที
เหยียนเค่อฟังเบลล์พูดถึงซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็รู้สึกคันไม้คันมือ จึงนั่งรับเอกสารข้อมูลไปพลางเปิดดูภาพวงจรปิด
ตอนแรกเขานั่งดูเอกสารสำคัญอยู่ แต่เมื่อหันไปมองในโน้ตบุ๊กส่วนตัวที่วางอยู่บนเข่าแล้วก็เกือบจะพลั้งมือโยนโน้ตบุ๊กนั่นทิ้ง
การได้เห็นตัวเองผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคนอื่นเป็นความรู้สึกอย่างไรนั้น เหยียนเค่อไม่เคยคิดถึงมันมาก่อน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นแล้ว
หลังจากซย่าเสี่ยวมั่วกดเปิดคลิปนั้นแล้วก็แกะห่อมันฝรั่งทอดกรอบออกอย่างมีความสุข แต่เมื่อร่างของเหยียนเค่อสะท้อนเข้าสู่สายตาเธอนั้น ซย่าเสี่ยวมั่วก็พ่นเศษมันฝรั่งออกมาจนกระจายเต็มหน้าจอ
ภาพนั้นช่างหน้าสะอิดสะเอียน ซย่าเสี่ยวมั่วกดหยุดคลิปแล้วรีบเช็ดหน้าจอคอมพ์ให้สะอาด ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ ทำจิตใจให้สงบแล้วตั้งใจดูต่อ
เหยียนเค่อสวมชุดขี่ม้าแล้วช่างดูดีจริงๆ ดูช่วงเวลาบันทึกเทปที่มุมด้านล่างของวิดีโอก็พบว่าเป็นเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเหยียนเค่อเพิ่งจะสิบแปด…ซย่าเสี่ยวมั่วมองชื่นชมท่าทางแข็งแรงและงดงามของเหยียนเค่อที่นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างหลงใหล ถึงแม้บางจุดจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ไม่กระทบกับภาพรวมเลยแม้แต่นิด
เหยียนเค่อขี่ม้าข้ามบ่อน้ำสามบ่อติดกัน ตอนม้ากระโดดเขาก็ค้อมหลังลงเล็กน้อย ตอนม้ากระโดดถึงพื้นก็คว้าเชือกไว้โดยที่ท่าทางไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงนั่งตัวตรงบนหลังม้าได้เช่นเดิม
“เชร้ด” ซย่าเสี่ยวมั่วอดสบถออกมาไม่ได้ เก่งรอบด้านจริงๆ แถมยังหล่ออีก
เหยียนเค่อสับสนว่าจะกดปิดภาพวงจรปิดดีไหม เขามองท่าทางหลงใหลของซย่าเสี่ยวมั่วก่อนจะมองเด็กหนุ่มบนหน้าจอที่เขาก็แทบจะจำไม่ได้ แล้วก็รู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย ไอ้บ้าตัวไหนมันเอาคลิปเขาไปให้ซย่าเสี่ยวมั่วกันหา!
เมื่อลองคิดไปหนึ่งตลบก็พบว่า มีเพียงสวีอันหรานเท่านั้นที่ทำเรื่องแบบนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีสวีอันหรานก็เป็นคนที่อัดคลิปนี้ไว้ ไฟล์ต้นฉบับอยู่ที่เขาทั้งหมด
เท่สุดๆ ไปเลย ซย่าเสี่ยวมั่วจ้องมองคนบนหน้าจอตาไม่กะพริบ ดูซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
เหยียนเค่อทนมองหน้าตาตัวเองเมื่อสิบปีก่อนซ้ำไปซ้ำมาไม่ได้จริงๆ เขาถลึงตามองซย่าเสี่ยวมั่วที่เกาะขอบหน้าจอไว้แน่น ก่อนจะปิดภาพวงจรปิดทิ้งไป
การที่คลิปแบบนี้หลุดรอดแพร่งพรายออกมานั้นเป็นเรื่องที่น่าสังเวชเพียงไหนกันนะ เหยียนเค่อ
ครุ่นคิดในใจ แต่ไม่รีบร้อนคิดบัญชีกับสวีอันหราน รอให้กลับเมืองหลวงก่อน ดูซิว่าสวีอันหรานจะหนีรอดไปได้ไหม
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกโชคดีจริงๆ โชคดีที่เมื่อสิบปีก่อนเธอไม่ได้เจอเหยียนเค่อ ถ้าตอนนั้นได้เจอเขาล่ะก็ ตัวเองในตอนนี้ก็คงกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้เขามาครอบครองแล้วล่ะ
เหยียนเค่อไม่รู้ว่าในใจของซย่าเสี่ยวมั่วคิดอย่างไร เขาคิดเพียงแค่ว่าจุดอ่อนที่บอกใครไม่ได้ของเขาตกอยู่ในกำมือของซย่าเสี่ยวมั่วอีกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะดูดีมากก็ตาม แต่ให้ซย่าเสี่ยวมั่วมาเห็นตัวเองตอนยังเป็นเด็กน้อยแบบนั้น ต่อไปก็ยิ่งทำให้เธอมีเหตุผลในการปฏิเสธเขามากขึ้นน่ะสิ…