ตอนที่ 473 มั่นใจแน่นอน
“เสร็จแล้วเหรอ”
“อืม” เหยียนเค่อตอบอย่างไม่เป็นธรรมชาตินัก ในหัวมีแต่ซย่าเสี่ยวมั่ว
ทุกครั้งสวีรั่วชีมักจะใช้วิธีนี้มากระตุ้นเหยียนเค่อ ถึงแม้ว่าเหยียนเค่อจะได้รับประโยชน์ แต่ว่าจะทำอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับเขาอยู่ดี
“เป็นเมียนายไม่ง่ายเลยนะ” เสิ่นมั่วหลีหยอกล้อ
“ง่ายจะตาย ยากตรงไหน” เหยียนเค่อไม่เข้าใจ
เสิ่นมั่วหลีไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยเอ่ยเสียงต่ำ “แม้แต่เมียเพื่อนยังเชียร์เพื่อนรักของตัวเองให้นายเลย แบบนี้เมียนายไม่เครียดแย่เลยเหรอ”
“เพื่อนรักของเมียเพื่อนก็คือผู้หญิงของฉันนี่แหละ” เหยียนเค่อเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ พูดออกมาอย่างลื่นไหล โดยที่หน้าไม่แดงและหายใจไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย
“หา?” หรือว่าก่อนหน้านี้ตนจะเข้าใจผิดไป ผู้หญิงที่เหยียนเค่อพูดถึงไม่ใช่ซย่าเสี่ยวมั่วอย่างนั้นหรอกหรือ
เสิ่นมั่วหลีเกิดความสงสัย หรือว่าสิ่งที่เสิ่นจิ้งเฉินพูดจะผิด แม้แต่เรื่องที่เขาคุยกับเหยียนเค่อก่อนหน้านี้ก็พูดคนละเรื่องกันอย่างนั้นหรือ
“ทำไมเหรอ” เหยียนเค่อรู้สึกว่าสายตาของเสิ่นมั่วหลีแปลกไป
เสิ่นมั่วหลีไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร เขาไม่ได้สนใจตั้งแต่แรก และก็ไม่อยากจะถามให้กระจ่างชัดด้วย จึงวางตะเกียบเป็นเชิงว่าเขาอิ่มแล้ว
เหยียนเค่อก็กินได้ไม่เยอะเท่าไร กินไปไม่เท่าไรก็อิ่มแล้ว ดูนาฬิกาก่อนจะหันกลับไปมอง
เสิ่นมั่วหลี “ไปกันเถอะ”
“อืม” เสิ่นมั่วหลีคิดว่าตอนบ่ายจะพาเหยียนเค่อไปเดินที่อื่น
ตอนขามาเหยียนเค่อเป็นคนขับรถ ส่วนตอนกลับเสิ่นมั่วหลีเป็นคนขับ
เหยียนเค่อดูอีเมลล์พักหนึ่ง สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะกดเปิดดูรูปภาพที่ตนยังดูไม่เสร็จ
รถติดไฟแดงพอดี เสิ่นมั่วหลีจึงหันไปจะถามเหยียนเค่อว่าอยากจะไปที่ไหน แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นรูปภาพบนหน้าจอแทน แต่เขาก็ไม่ได้หลบ ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนบ่ายจะไปไหนกันดี”
เหยียนเค่อเงยหน้า แต่ลืมเก็บโทรศัพท์กลับไป ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ไปดูที่ย่านศูนย์กลางธุรกิจหน่อย”
เมื่อก่อนเหยียนเค่อเคยอยู่ที่นั่นช่วงหนึ่ง ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เสิ่นมั่วหลีพยักหน้าแล้วขับรถไปตามเส้นทางนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ “แฟนนายสวยดีนะ”
เหยียนเค่อจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตนยังดูรูปภาพของซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ เขานวดหัวคิ้ว รู้สึกกลุ้มใจไม่น้อย แต่ในเมื่อเสิ่นมั่วหลีเห็นแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก จึงเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์โทรศัพท์อย่างใจกล้า
เสิ่นมั่วหลีแอบหัวเราะในใจ หากได้เจอกับคนที่ตนชอบ ก็ทำได้ทุกเรื่องไม่ว่ามันจะดูปัญญาอ่อน หรือเป็นการกระทำที่ไม่เข้ากับตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม
เมือง N ในตอนที่เหยียนเค่อและสวีอันหรานเดินทางจากมากลับเกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นมากมาย ตาเฒ่าอิ่นเข้าโรงพยาบาลจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ออกมาจัดการอะไรอีก หลานชายคนเล็กของบ้านมู่ก็เข้าโรงพยาบาล โดยยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร
แต่ละตระกูลก็กังวลว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นนิดหน่อยก็จะพาลซวยไปด้วย จึงสั่งกำชับลูกหลานของตนไม่ให้ออกไปก่อเรื่องข้างนอก
ช่วงนี้เหยียนเฟิงก็งานยุ่งมากเช่นกัน พอเกิดเรื่องสวีอิ๋งอิ๋งขึ้นมา เหยียนกรุ๊ปเองก็ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ถึงแม้ว่าไม่มีใครสงสัยว่าเหยียนกรุ๊ปคิดร้ายกับเหยียนเค่อก็ตาม แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่มันจะกลายเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดเรื่องราวที่ใหญ่โตกว่านี้
“นี่คืออะไร” เหยียนเฟิงขมวดคิ้ว หยิบจดหมายฉบับหนึ่งจากกองกระดาษเอสี่แล้วโยนมันลงตรงหน้าของผู้ช่วยของตน
“เอ่อ” หญิงสาวคนนั้นเบี่ยงสายตาหลบ ไม่กล้าเอ่ยปากตอบ
“คุณตาบอดหรือไงครับ” เหยียนเฟิงโยนจดหมายออกไป ทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องถอยหลบไปโดยไม่รู้ตัว
“เปล่าค่ะ มันคือซองจดหมาย” เธอตอบเสียงตะกุกตะกัก
“ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก คุณกับอีกคนก็ไสหัวออกไปด้วยกันเลย”
แก้วน้ำตกกระทบลงบนพื้นตรงปลายเท้าของหญิงสาว เศษกระจกที่แตกกระเด็นเกือบจะบาดลงบนเนื้อขาของเธอเข้าเสียแล้ว เธอผงกหัวอย่างตัวสั่นงันงก ตกใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา “ค่ะ ค่ะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกค่ะ”
“ออกไปซะ” เหยียนเฟิงไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้อีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ 474 ขอความช่วยเหลือ
ช่วงก่อนหน้านี้เบลล์มัวแต่จัดการศัตรูของเหยียนเค่อด้วยความยากลำบาก ตอนนี้เหยียนเค่อไม่อยู่เมือง N แล้ว เธอจึงว่างงาน
อันหร่านก็จัดการต้นฉบับมากมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยู่ที่ห้องทำงาน เธอจึงขึ้นมาหาเบลล์ข้างบนห้อง
“อ้าว มาแล้วเหรอคะ” เบลล์เพลิดเพลินกับชีวิตหลังวัยเกษียณล่วงหน้า ประคองแก้วน้ำร้อนยืนอาบแดดอยู่ตรงระเบียง
“เฮ้อ” อันหร่านถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างกัน
เบลล์เห็นเธอทำหน้าซึมเซาแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามอย่างอ่อนโยน “เป็นอะไรไปคะ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่มาทำงาน ทำให้คุณเศร้าสร้อยขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ”
อันหร่านโดนบก.เก่าของตนชวนไปกินข้าว ในใจของเธอสับสนวุ่นวายราวกับมีสิงสาราสัตว์นับร้อยพันมาวิ่งเล่นอยู่ข้างใน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร แต่ในตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วสามารถแสดงประโยชน์ของตัวเองออกมาได้มากที่สุดนั้น เธอกลับไม่มาทำงานเสียได้
“มีเรื่องอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้นะ” เบลล์รินน้ำร้อนให้เธอประคองไว้ในมือแก้วหนึ่ง “ถึงฉันอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็แนะนำคุณได้นะคะ”
“เรื่องนี้แนะนำไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เรื่องราวมันกระชั้นชิดก็เลยรู้สึกกลัวน่ะ” อันหร่านรู้สึกหมดความมั่นใจ
เขาไม่อยากพูดเธอจะไปบังคับก็ไม่ได้ เบลล์กลับไปนั่งที่เบาะนุ่มตามเดิม ก่อนจะเอ่ยอย่างมีเลศนัย “บางเรื่องคุณต้องลองทำก่อน ถึงจะรู้ว่าความจริงแล้วคุณก็ทำได้เหมือนกัน” ประโยคที่เธอพูดออกมานั้นมาจากความรู้สึกที่แท้จริง เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีสักวันหนึ่งที่เธอจะจากเหยียนเฟิงมา และมีชีวิตใหม่เป็นของตัวเอง
ตอนนี้เบลล์อาศัยอยู่บ้านตรงข้ามของเหยียนเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรแล้ว บางครั้งก็ยังเห็น
เหยียนเฟิงพาผู้หญิงคนอื่นกลับมาผ่านทางช่องหน้าต่าง ตอนนั้นเธอก็มักจะถือถ้วยน้ำชาแล้วเดินกลับไปนั่งทำงานที่โซฟาตามเดิม
ความจริงเธอก็ยังรู้สึก เพียงแต่ความรู้สึกนั้นกลับบางเบากว่าที่ตัวเธอคาดคิดเอาไว้ ดังนั้นก็ควรจะรักษาช่วงเวลาที่ยังสามารถรักษาคงไว้และพัฒนาความสัมพันธ์นั้นให้ดี
อันหร่านไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เบลล์มีประสบการณ์อะไรบ้าง เธอรู้สึกว่าจิตใจที่แท้จริงของเบลล์ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ตนเห็น
“แต่ก็กลัวว่าจะทำไม่ได้น่ะสิ” ถึงแม้ว่าอันหร่านจะเห็นด้วยกับเธอ แต่ตนไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย
เบลล์ไม่เคยเป็นพี่สาวผู้เอาใจใส่มาก่อน จึงไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนเธออย่างไร ทำได้เพียงอ้างเอาซย่าเสี่ยวมั่วมาเป็นตัวช่วย “งั้นคุณลองโทรหาซย่าเสี่ยวมั่วดีไหมคะ เขาน่าจะปลอบคนเก่งนะคะ”
“ไม่” อันหร่านปฏิเสธ “เขาทำได้แค่ใช้ความโง่ของตัวเองมาทำให้ฉันมั่นใจขึ้นก็เท่านั้นล่ะค่ะ”
เบลล์ยิ้มบางๆ “พวกคุณนี่ทั้งรักทั้งจิกกัดกันจริงๆ เลยนะคะ”
“บางครั้งฉันไม่อยากจะยอมรับด้วยซ้ำว่าฉันเคยรักเขาน่ะ” อันหร่านแสร้งทำเป็นลังเล แต่ก็ควักโทรศัพท์ออกมา กดจิ้มเบอร์โทรของซย่าเสี่ยวมั่ว ก่อนจะยิ้มชั่วร้ายแล้วยักคิ้วให้เบลล์ “อยากฟังแผนการเรื่องความรักของเมียบอสไหมคะ”
“ฮ่าๆๆ อยากสิคะ มีเซอร์วิสใกล้ชิดแบบนี้ด้วย” เบลล์นั่งกอดขาอยู่ข้างๆ แล้วพูดเสริม
“ค่ะ ฉันอยากให้คุณรู้ว่าสายตาของบอสน่ะประหลาดแค่ไหน” อันหร่านมองดูรูปโปรไฟล์ของ
ซย่าเสี่ยวมั่วในรายชื่อผู้ติดต่อแล้วก็พึมพำเสียงเบา “ก็หน้าตาสวยดีอยู่หรอก แต่สมองมีปัญหา”
ซย่าเสี่ยวมั่วกินข้าวเสร็จก็โดนสวีรั่วชีจิกหัวใช้ให้ไปล้างจาน เมื่อล้างจานไปหนึ่งใบแล้วจึงจะนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่า
“สวีรั่วชี! สวีรั่วชี!” เธอแหกปากเรียกสวีรั่วชีที่นั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขก
“อะไร!” สวีรั่วชีตะโกนกลับอย่างนึกรำคาญ เธอส่งรูปภาพไปให้แล้ว แต่เหยียนเค่อกลับไปพิมพ์อะไรตอบกลับมาเลย เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโมโหที่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ดั่งใจด้วย