ตอนที่ 487 ไม่ได้พูดออกมาจากใจ
“หึ อารมณ์ดีเชียวนะ” เหยียนเค่อทักสวีอันหราน
“หืม?” เสี่ยวมั่วที่ไม่ได้รู้เรื่องด้วยรับคำอย่างงงๆ ตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่ดีไม่อย่างมาก
“ไม่ได้พูดกับเธอ เธอวางสายไปเถอะ” เหยียนเค่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้วางสายจากซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วฮึมฮำในลำคอ ไม่ยอมวางสาย อธิบายกับชายหนุ่ม “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอก แต่ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ”
“อืม” โทรหาหล่อนเท่ากับเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเอง เหยียนเค่อไม่ได้หวังให้หล่อนรู้สาเหตุว่าทำไมเขาถึงโกรธหล่อนแล้ว
ซย่าเสี่ยวมั่วถูกน้ำเสียงของเหยียนเค่อทำร้ายจิตใจก็ยิ่งรู้สึกแย่ เดิมทีวันนี้เธอก็เหนื่อยมากแล้ว ทุกคนยังทำเหมือนกับเธอเป็นที่ระบายอารมณ์อีก
เหยียนเค่อไม่ได้ยินพูดเสียงจากคนปลายสาย เหมือนจะได้ยินแค่เสียงลมหายใจเบาๆ คิดอยู่สักพักก็เอ่ยขึ้น “สวีอันหรานรู้เรื่องแล้ว เธอ…”
“เหรอ อย่างนั้นสรุปว่าไงท้องหรือเปล่า” ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมาจากแขน
เหยียนเค่อขมวดคิ้ว ถามกลับไป “เธอไม่รู้เรื่องจริงๆ เหรอ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่รู้จริงๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้เห็นผลตรวจกับตาตัวเองสักหน่อย ถ้าเกิดว่าสวีรั่วชีเกิดแกล้งโกหกเธอเรื่องนี้ขึ้นมา คงไม่สนุกแน่
เหยียนเค่อสัมผัสได้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วไม่สบายใจ ในใจก็คิดอยากจะปลอบหญิงสาว แต่คำพูดที่พูดออกไปกลับเป็นอีกอย่าง
“สติปัญญาระดับเธอคงลำบากหน่อยนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เข้าใจว่า สมองของเธอไปทำอะไรให้ชายหนุ่มนักหนาจึงได้จิกกัดอยู่นั่น เธอเองก็คงบ้าไปแล้วที่มัวมานั่งหาเรื่องกับเขา จึงรีบวางสาย แล้วเดินกลับไปหมกตัวอยู่ในห้องของตน
สวีรั่วชีมองดูซย่าเสี่ยวมั่วเดินผ่านเข้าห้องไปอย่างไม่สนใจตนเอง ไม่แม้จะมองกลับมาสักนิด ก็ประหลาดใจ นั่นหล่อนเป็นอะไรไปน่ะ
เหยียนเค่อพอพูดออกไปก็รู้สึกผิด อยากจะพูดใหม่แต่ก็พบว่าซย่าเสี่ยวมั่ววางสายไปแล้ว
“คุยกับใครอยู่น่ะ” สวีอันหรานตบที่ไหล่ของเหยียนเค่อ
เหยียนเค่อเดินกลับไปทางห้องอาหาร ไม่ตอบคำถามเมื่อครู่ “มีอะไรก็รีบพูดมา”
“อารมณ์ไม่ดีหรือไง” สวีอันหรานยังหาเรื่องไม่ยอมจบ
เสิ่นจิ้งเฉินเห็นเหยียนเค่อกับสวีอันหรานเดินเข้ามาก็รีบหยุดเรื่องที่กำลังคุยอยู่กับพี่ชายตนเอง เอ่ยถามสวีอันหรานอย่างแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อครู่เสิ่นมั่วหลีอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เสิ่นจิ้งเฉินฟัง ตอนนี้ก็เริ่มฟังเรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ทานข้าวไปฟังพวกเขาคุยกันไป
“มีเรื่องดีๆ จะบอกให้พวกนายฟัง” สวีอันหรานยิ้มไม่หุบ “เมียฉันท้องแล้ว”
เสิ่นจิ้งเฉินลอบยิ้ม ตอบรับ แต่เหยียนเค่อกับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
“นายเป็นอะไรน่ะ” ตั้งแต่สวีอันหรานลงมาข้างล่างก็รู้สึกว่าเหยียนเค่อดูแปลกๆ
เสิ่นจิ้งเฉินพูดแทรก “เมื่อกี้มันโทรหาซย่าเสี่ยวมั่ว”
ได้ยินเสิ่นจิ้งเฉินพูดถึงซย่าเสี่ยวมั่วก็ทำให้สวีอันหรานนึกขึ้นได้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นผู้มีพระคุณของเขา “ต้องขอบใจซย่าเสี่ยวมั่วที่วันนั้นช่วยแข่งม้ากับเฉิงซินแทนเสี่ยวชี ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวฉันต้องไปขอบคุณเธอหน่อยล่ะ”
เหยียนเค่อยิ้มแห้ง เขาเป็นคนช่วยจัดการแทนสวีอันหราน ถ้าเพิ่งมาคิดกังวลตอนนี้มันก็คงสายไปแล้วล่ะ
“อือ เวลาสำคัญๆ ซย่าเสี่ยวมั่วพึ่งพาได้อยู่แล้ว” เสิ่นจิ้งเฉินเสริม
เหยียนเค่ออารมณ์ไม่ดี จึงไม่อยากคุยถึงเรื่องนี้ด้วย ชายหนุ่มเดินกลับไปนั่งที่ของตน ลงมือทานอาหารต่อ
“ซย่าเสี่ยวมั่วทำให้นายโกรธเหรอ” สวีอันหรานหายจากอาการตื่นเต้นดีใจกลับมาเป็นปกติ ถึงได้นึกถึงเรื่องที่เสิ่นจิ้งเฉินพูดเมื่อครู่
“เปล่า” จากนั้นเหยียนเค่อก็ไม่พูดอะไรอีกเลย โกรธไม่โกรธก็เป็นเรื่องระหว่างเขากับซย่าเสี่ยวมั่วไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น
ตอนที่ 488 บุญคุณใหญ่หลวง
สวีอันหรานก็คิดไว้แล้วว่าเหยียนเค่อคงไม่ยอมพูด ตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเหยียนเค่อ ดังนั้นจึงต้องระวังไม่ให้ไปสะกิดต่อมโมโหของเหยียนเค่ออีก
“แล้วเรื่อง…”
สวีอันหรานยังพูดไม่ทันจบ เหยียนเค่อก็เดาได้แล้วว่าชายหนุ่มต้องการจะพูดอะไร “ฉันรู้แล้ว เรื่องบริษัทนายไม่ต้องกังวล”
“เออ เออ ขอบใจมาก อีกอย่างฉันอยากจะขอบคุณซย่าเสี่ยวมั่วด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอชอบอะไร นายช่วยไปเลือกซื้อของขวัญกลับไปฝากเธอแทนฉันหน่อยสิ”
ได้ยินสวีอันหรานพูด น้ำเสียงเย็นชาของเหยียนเค่อและเสียงขบขันของเสิ่นจิ้งเฉินก็ดังขึ้นพร้อมกัน
“ยกลูกนายให้เธอเล่นก็พอแล้ว”
“ยกเหยียนเค่อให้เธอก็พอ”
พอเหยียนเค่อได้ฟังที่เสิ่นจิ้งเฉินพูด ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ของชายหนุ่มจึงหันไปมองทางเสิ่นจิ้งเฉินแวบหนึ่ง ทำให้เสิ่นจิ้งเฉินสะดุ้งรีบหุบปากพร้อมส่งเสียงงึมงำ “ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย”
สวีอันหรานหัวเราะอยู่ข้างๆ “นายเลือกล่ะกันว่าจะซื้ออะไร ขอบใจมาก” เสียงขอบคุณของสวีอันหรานฟังดูนุ่มนวลกว่าปกติ เสิ่นจิ้งเฉินดูออกว่าชายหนุ่มเหมารวมความดีความชอบของซย่าเสี่ยวมั่วมาไว้ที่เหยียนเค่อด้วย
เสิ่นจิ้งเฉินลอบบ่นอยู่ในใจ ทั้งคู่ยังไม่ได้คบกันซะหน่อยทำไมถึงได้เหมารวมเป็นคนคนเดียวกันได้ ต่อไปถ้าเกิดคบกันขึ้นมาจริงๆ เหยียนเค่อคงไม่ยอมปล่อยซย่าเสี่ยวมั่วแน่ ไม่ได้เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
เสิ่นจิ้งเฉินกำลังจะเอ่ยปากก็ได้ยินเหยียนเค่อพูด “บุญคุณของซย่าเสี่ยวมั่ว นายให้สวีรั่วชีเป็นคนตอบแทนเถอะ ฉันไม่ได้มีส่วนช่วยอะไร” อีกอย่างที่เขาช่วยก็ไม่ใช่ช่วยสวีอันหรานซะหน่อย
“ฉันไม่ได้ทำอะไรให้นายโกรธใช่ไหม ทำไมความจริงใจฉันมันไม่ได้ผลล่ะ” อารมณ์ดีๆของสวีอันหรานเกือบถูกเหยียนเค่อทำลายหมดแล้ว
เหยียนเค่อส่ายหน้าอดไม่ได้ที่จะพูดในสิ่งที่ใจคิด “อย่าให้เมียนายรังแกซย่าเสี่ยวมั่วมากนักล่ะกัน”
“ แค่ก แค่ก แค่ก” เสิ่นจิ้งเฉินสำลักข้าวที่กำลังกินอยู่ ชายหนุ่มไอจนสั่นไปทั้งร่าง
เหยียนเค่อเหล่มองแวบหนึ่ง “ถ้ากินข้าวไม่เป็นก็ไม่ต้องกิน”
เสิ่นจิ้งเฉินจ้องไปที่เหยียนเค่อแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปเข้าห้องน้ำ คนกำลังกินข้าวอยู่ดันพูดคำพูดน่าขนลุกพวกนั้นออกมายังมีหน้ามาว่าเขาอีก เฮ้อ โลกนี้ช่างไม่มีเหตุผลจริงๆ
สวีอันหรานได้ยินเหยียนเค่อพูดแบบนี้ ถึงกับไปไม่เป็น ถกเถียงอยู่ในใจ นายก็รังแกเธอไว้เยอะไม่ใช่หรือไง ตัวเองทำได้แต่ห้ามคนอื่นทำอย่างนั้นสินะ แต่ชายหนุ่มก็ยังรับคำ “เออ ได้ เดี๋ยวฉันจะกลับไปบอกเสี่ยวชีให้”
เหยียนเค่อนั่งกินข้าวต่อเงียบๆ ราวกับว่าตนเองไม่ใช่คนที่พูดประโยคเมื่อครู่ออกมา
เสิ่นมั่วหลีกลับเห็นด้วยกับความคิดของเหยียนเค่อ ไม่ว่าจะยังซย่าเสี่ยวมั่วก็เป็นน้องสาวของเขา การที่น้องได้เจอกับผู้ชายที่พร้อมจะดูแลปกป้องหล่อนอย่างเหยียนเค่อทำให้เขาหมดห่วง
ขณะที่เสิ่นจิ้งเฉินเดินกลับเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มสามคนที่เหลือก็ใกล้จะกินอิ่มกันหมดแล้ว แทบจะไม่เหลืออะไรให้เขากินเลย
“เกินไปแล้วนะ พวกนาย” เสินจิ้งเฉินพูดกับพี่ชายตนที่ก็ไม่ได้มีความน่าเคารพนัก
น้อยครั้งที่เสิ่นมั่วหลีจะสนใจน้องชาย แต่คำพูดที่พี่ชายตนพูดออกมาแทบทำให้เสิ่นจิ้งเฉินกระอักเลือด “พรุ่งนี้ฉันก็จะไม่ได้กินอาหารที่เหยียนเค่อทำแล้ว”
นี่คือเหตุผลเหรอ? พรุ่งนี้เสิ่นจิ้งเฉินเองยังต้องออกไปทำงานที่นอกเมืองนะ ทำไมไม่เหลืออะไรให้เขากินบ้างเลย
“ฉันจะฟ้องซย่าเสี่ยวมั่ว” เสิ่นจิ้งเฉินรู้สึกว่าตนเองน่าสงสารกว่าซย่าเสี่ยวมั่วมาก
เหยียนเค่อยังไม่ทันได้พูดอะไร เสิ่นมั่วหลีก็เอ่ยปากเตือนน้องชายก่อน “นายเตรียมของที่จะต้องเอาไปพรุ่งนี้เรียบร้อยหรือยัง”
“ยังเลย” เสิ่นจิ้งเฉินได้ยินเสิ่นมั่วหลีเตือนเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าตนเองใกล้จะตายแล้ว
แต่สุดท้ายก็คิดไม่ถึงว่าเสิ่นมั่วหลีกลับเพียงแค่มองมาทางเขาอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงเอ่ยขึ้นว่า “พรุ่งนี้เหยียนเค่อต้องไปทำงาน นายก็เลิกกวนเขาได้แล้ว”
“ฮะ?” เหยียนเค่อไปทำงานแล้วเกี่ยวอะไรกับตนล่ะ ที่แน่ๆตอนนี้พี่ชายของตนกลายไปเป็นพวกเดียวกับเหยียนเค่อแล้ว
เสิ่นมั่วหลีมองตาของเสิ่นจิ้งเฉินก็รับรู้ได้ว่าน้องชายไม่เข้าใจสิ่งที่ตนกำลังสื่อ ชายหนุ่มจึงเดินไปอยู่ข้างๆ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงเบาๆ “ไปยุ่งวุ่นวายกับน้องเขยนายอยู่นั่น นายอยากให้น้องสาวนายอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตหรือไง”
เสิ่นจิ้งเฉินพยักหน้าเบาๆ พี่ชายตนพูดมีเหตุผล แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ตนเองน่ารำคาญขนาดนั้นเลยเหรอ? ขนาดทำให้เหยียนเค่อรำคาญได้เนี่ยนะ? ขณะที่เขากำลังคิดหาเหตุผลก็พบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว