ตอนที่ 509 ลงมือเอง
หลังจากที่ซย่าเสี่ยวมั่วกินข้าวกับสวีรั่วชีเสร็จ เธอก็โทรไปรายงานกับสวีอันหราน
ขณะนั้นสวีอันหรานกำลังกินข้าวอยู่กับเฉิงซิน พอเห็นว่าเป็นซย่าเสี่ยวมั่วโทรมาชายหนุ่มก็หยุดบทสนทนาของตนกับเฉิงซินไว้ชั่วครู่แล้วออกไปรับโทรศัพท์
“เมื่อกี้ฉันดูแลปรนนิบัติฮองเฮาของนายให้กินข้าวเสร็จแล้ว เธอบอกกับฉันว่านายไม่รักเธอแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วฝืนใจพูดออกไปด้วยท่าทางไม่เต็มใจ คำพูดชวนสยิวแบบนี้เธอพูดได้ไม่เต็มปากจริงๆ
พอสวีอันหรานได้ฟังก็เริ่มร้อนรน ขมวดคิ้วอย่างหนัก “หล่อนคิดบ้าอะไรอยู่”
“ใครจะไปรู้” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้โมโหเธอ จึงทำได้แค่ปลอบ “น่าจะเพิ่งเริ่มคิดมั้ง เธอว่านายรักลูกแต่ไม่รักเธอ”
“ผมรักทั้งคู่อยู่แล้ว” สวีอันหรานยังคงยืนกรานในความรู้สึกของตัวเอง
ซย่าเสี่ยวมั่วเบ้ปาก เธอไม่ใช่สวีรั่วชีซะหน่อยมาสารภาพตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว “ฉันรู้ แต่ว่าตอนนี้นายใส่ใจเธอมากกว่าแต่ก่อนก็เลยทำให้เธอคิดว่าเป็นเพราะลูกล่ะมั้ง แต่ก่อนดีกับเธอก็คงเป็นเพราะลูก”
“ผมดูเป็นคนแบบนั้นหรอ” สวีอันหรานได้ยินซย่าเสี่ยวมั่ววิเคราะห์แบบนี้ก็รู้สึกผิดหวังในตัวสวีรั่วชี
ซย่าเสี่ยวมั่วปวดหัว ตัวเองเพิ่งหาสาเหตุของเรื่องได้ แต่ดูเหมือนไม่ระวังเลยดันไปจุดประเด็นเรื่องใหม่ขึ้นอีกแล้ว
“นายอย่าคิดแบบนั้น เสี่ยวชีแค่ไม่มั่นใจในตัวเองแต่ไม่ได้ไม่เชื่อใจนายซะหน่อย” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดจบก็แอบกดไลค์ให้ตัวเอง ทำไมเธอสรุปได้ดีแบบนี้นะ
สวีอันหรานอารมณ์กลับเข้าสู่โหมดปกติ นึกขึ้นได้ว่ากำลังกินข้าวอยู่กับเฉิงซินและหล่อนก็รอเขาอยู่ จึงเอ่ยบอกกับซย่าเสี่ยวมั่ว “ผมกำลังกินข้าวกับเฉิงซิน ถ้าเสร็จธุระเมื่อไหร่จะรีบไปรับเสี่ยวชี รบกวนฝากดูก่อนนะ”
“ไม่เป็นไร นายจัดการเรื่องเฉิงซินให้เรียบร้อยแล้วกัน”
ขาของซย่าเสี่ยวมั่วยังเต็มไปด้วยรอยแผล ถ้าไม่ใช่เพราะยายผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวการ เธอจะเป็นแบบนี้หรอ
สวีอันหรานรับปาก หลังจากรู้สาเหตุว่าทำไมสวีรั่วชีจึงโมโหตนชายหนุ่มก็อารมณ์ดีขึ้น อีกทั้งยังนึกได้ว่าเหยียนเค่อก็ได้กำชับเขามา ชายหนุ่มให้สัญญากับซย่าเสี่ยวมั่ว “ผมจะช่วยแก้แค้นให้”
เฉิงซินเห็นสวีอันหรานเดินกลับเข้าก็รีบยิ้มให้ พอชายหนุ่มนั่งลงก็รีบชวนคุย
“ช่วงนี้นายยุ่งใช่ไหม ดูแลตัวเองดีหรือเปล่า”
“อืม ก็นิดหน่อย ช่วงนี้เสี่ยวชีท้องอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน เลยค่อนข้างยุ่งน่ะ”
“เอ๋?” เฉิงซินได้ยินเข้า มือไม้อ่อน ทำช้อนที่อยู่ในมือหล่น ช้อนสีทองกระทบกับจานเสียงดัง ‘เพล้ง’
สวีอันหรานไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ก้มกินข้าวต่อ
เฉิงซินเอ่ยอย่างกระอักกระอวน “เอ่อ ยินดีกับนายด้วยนะ เมื่อครู่ฉันตื่นเต้นไปหน่อยจนเผลอทำช้อนร่วงเลย”
“ถ้าไม่ได้พูดจากใจก็ไม่ต้องพูดหรอก เราก็รู้จักกันมานานแล้วนะ เมื่อก่อนที่ให้เธอช่วยแกล้งเป็นแฟนฉัน ฉันก็บอกชัดเจนแล้วนะว่าเรื่องเขาเรามันไม่มีทางเป็นไปได้ ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ใหญ่” คนจริงไม่พูดอ้อมค้อม ตอนนี้เขาคิดแต่ว่าอยากจะไปรับสวีรั่วชี จึงไม่อยากเปลืองเวลาคุยกับเฉิงซินอีก
เฉิงซินค่อยๆวางช้อนลง มือบีบผ้าเช็ดมืออยู่ใต้โต๊ะกินข้าวแน่น เธอรู้ว่าสวีอันหรานต้องมาคิดบัญชีกับเธอแน่ แต่ถึงอยากนั้นเธอก็ยังแอบหวังว่าชายหนุ่มอาจจะเปลี่ยนใจ แต่ดูท่าเธอคงหวังมากไปสินะ
“ฉันว่านายพูดแบบนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับฉันนะ การชอบคนๆหนึ่งมันผิดเหรอ คนมาก่อนควรได้ก่อนสิ ทำไมฉันต้องยกนายให้สวีรั่วชีด้วย”
สวีอันหรานที่ปกติเป็นคนใจเย็นได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ก็เริ่มโมโห เขาเริ่มรู้ซึ้งถึงเวลาที่เหยียนเค่อโมโหแล้วไม่สนอะไรทั้งสิ้นแล้ว “คนที่อยู่ในใจฉันมาตลอดคือสวีรั่วชี ไม่มีคำว่ามาก่อนมาหลัง อีกอย่างฉันก็เป็นของเสี่ยวชีมาตั้งแต่ต้น ไม่จำเป็นต้องให้เธอมายกให้”
ตอนที่ 510 เกิดการเปลี่ยนแปลง
“นายควรจะรักฉัน” เฉิงซินเอ่ยจากความรู้สึกส่วนลึกในใจ เธอรับไม่ได้กับสิ่งที่สวีอันหรานพูด
ผู้หญิงคนนี้คิดว่าหล่อนเป็นใครนะ เมื่อก่อนก็เป็นหล่อนเองที่เสนอความคิดให้เขาช่วยแกล้งเป็นแฟนหล่อน ตอนนี้กลับมาพูดอีกแบบ ลืมข้อตกลงที่เคยตกลงกันไว้แล้วหรือไง
“หึ คนที่ฉันรักมาตลอดคือสวีรั่วชี” สวีอันหรานไม่อยากเปิดโอกาสให้หล่อนทำตัวน่ารำคาญอีก “ฉันพูดชัดเจนหมดแล้วนะ ครั้งนี้เสี่ยวชีไม่เป็นอะไร ฉันไม่มีสิทธิไปจัดการเธอ แต่เหยียนเค่อมี ดังนั้นเธอกลับไปคิดวิธีรับมือกับเหยียนเค่อจะดีกว่านะ”
เฉิงซินไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงมีเหยียนเค่อเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ในใจเธอคิดแค่เรื่องที่ว่าสวีอันหรานไม่เคยรักเธอเลยแม้แต่น้อย มีแต่เธอที่คิดไปเองคนเดียวมาโดยตลอด
สวีอันหรานก็ไม่อยู่เปลืองเวลาพูดกับหล่อนต่อ ชายหนุ่มลุกเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวนั่งไร้สติอยู่ตรงนั้นคนเดียว
เฉิงซินดึงทึ้งผมตัวเองราวกับคนไร้สติ ยอมรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ เธอคิดมาตลอดว่าเป็นเพราะสวีอันหรานชอบเธอเลยตกลงแกล้งเป็นแฟนกับเธอ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องน่าสมเพช
สวีอันหรานขับไปบ้านซย่าเสี่ยวมั่วอย่างเร็วที่สุด เมื่อไปถึงก็เห็นสวีรั่วชีกำลังอาละวาดอยู่ ซย่าเสี่ยวมั่วนอนเหนื่อยหอบอยู่บนโซฟา เห็นหน้าสวีอันหรานก็ดีใจเหมือนเห็นอัศวินโผล่มา
“อันหราน!” ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะร้องไห้ ทำไมบนโลกนี้ถึงมีผู้หญิงน่ารำคาญอย่างนี้อยู่นะ
สวีอันหรานตบไหล่ซย่าเสี่ยวมั่วด้วยความเห็นใจ “ลำบากเธอแล้ว” นอกจากคำพูดนี้เขาก็ไม่รู้จะแสดงความขอบคุณต่อซย่าเสี่ยวมั่วอย่างไรดี
สวีรั่วชีที่กำลังจะแกล้งซย่าเสี่ยมั่วต่อ พอเห็นหน้าสวีอันหรานก็ขมวดคิ้ว ไม่พูดไม่จาเดินกลับไปนั่งที่โซฟา
สวีอันหรานไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วรับรู้สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อ เดินไปด้านหน้ากระแทกไหล่กับไหล่ของสวีรั่วชี “สวีรั่วชี เธอรีบกลับบ้านไปกับผู้ชายของเธอเดี๋ยวนี้เลย”
“หึ” สวีรั่วชีเอ่ยแค่นั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
สวีอันหรานที่เมื่อครู่ยังโมโหค้างมาจากเฉิงซิน เห็นสวีรั่วชีทำท่าทางแบบนี้ก็เริ่มโมโหขึ้นมาอีก เดินตรงไปรวบตัวหญิงสาวจากนั้นก็อุ้มขึ้นมา
สวีรั่วชีตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม “พี่ทำบ้าอะไร!”
ซย่าเสี่ยวมั่วตาวาว แบบนี้มันเท่เกินไปแล้ว หญิงสาวแอบปรบมือให้กำลังใจชายหนุ่ม
สวีอันหรานเดินอุ้มสวีรั่วชีออกไป ซย่าเสี่ยวมั่วถอนหายใจ โล่งอก ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาไม่อยากขยับไปไหนอีก
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” สวีรั่วชีผลักอกชายหนุ่ม ยังไงก็จะลงไปให้ได้
สวีอันหรานเดินไปพลางระวังไม่ให้หญิงสาวพลัดตกลงมา ทั้งคู่ฉุดยื้อกันจนลิฟต์ที่เพิ่งขึ้นมาจะปิดลงอีกรอบ สวีอันหรานถีบประตูลิฟต์ที่อีกนิดเดียวก็จะหนีบถูกข้อเท้าสวีรั่วชี ชายหนุ่มรีบก้าวถอยหลังไป หลังของชายหนุ่มกระแทกกับกำแพงด้านหลัง
สวีรั่วชีได้ยินเสียงกระแทกกำแพง สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปแวบหนึ่งจากนั้นก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ไม่ส่งเสียงใดๆออกมาทั้งสิ้น
สวีรั่วชีเห็นใบหน้าเงียบขรึมของชายหนุ่มก็หยุดโวยวายลง นิ่งสงบอยู่ในอ้อมอกของเขา
สวีอันหรานไปได้แสดงออกทางสีหน้าได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ แทบจะช้ำในอยู่แล้ว
“พี่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” สวีรั่วชีที่ถูกยัดเข้าไปในรถเอ่ยถามเสียงอ่อน
“ไม่เป็นไร” สวีอันหรานอุ้มหล่อนไปวางที่เบาะข้างคนขับ จากนั้นก็เดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับ
สวีอันหรานไม่พูดไม่จา สวีรั่วชีก็นิ่งลง เอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ฉันขอโทษนะ”
สวีอันหรานได้ยินก็ยิ่งโมโหกว่าตอนที่หล่อนอาละวาดเสียอีก
“พูดมาสิ ว่าขอโทษเรื่องอะไร” คนอยู่กับเขาแล้ว เขาก็ไม่ต้องรีบขับรถ วันนี้จะต้องเคลียร์กับหล่อนให้รู้เรื่องในรถนี่แหล่ะ
สวีรั่วชีมองสบตาชายหนุ่มครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลบสายตาไปอีกทาง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เธอดึงนิ้วมือเล่น
สวีอันหรานรอให้หญิงสาวพูดออกมาแต่ก็ยังไม่ได้ยิน จึงเอื้อมมือไปดึงมือหล่อน “เธอคิดว่าเธอทำอะไรผิด”
“ไม่รู้” หญิงสาวเล่นนิ้วมือตัวเองไม่ได้จึงทำได้แค่มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่อยากตอบคำถามของสวีอันหราน