ตอนที่ 501 ใจป้ำซื้อให้
เพราะเป็นซย่าเสี่ยวมั่ว เสิ่นมั่วหลีจึงยอมเอาของที่ตนเองจะเก็บเอาไว้หมั้นคนรักออกมาขายให้แก่เหยียนเค่อ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กลับรู้สึกสนุกที่ได้เห็นสีหน้าตื่นตะลึงของเหยียนเค่อตอนมองเครื่องประดับหยกมรกตใสสีม่วง
เหยียนเค่อตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าจะเจอเครื่องประดับที่เหมาะสมกับซย่าเสี่ยวมั่วขนาดนี้ แค่นึกถึงตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วใส่มันก็คงจะสวยน่าดู ความคิดเหยียนเค่อคิดตีกันอยู่ในใจ แต่สุดท้ายก็หาข้ออ้างให้ตัวเองได้ว่าเป็น
เพราะตัวเขาชอบเลยจะซื้อเก็บไว้เสิ่นมั่วหลีไม่คิดว่าชายหนุ่มจะซื้อไว้ทั้งสองเซ็ต น้องสาวของตนลำพังแค่อาสองเซ็ตนี้ก็รวยกว่าคนอื่นไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
“ท่านประธานเหยียนใจป้ำซื้อของให้สาวสวยซะด้วย” เสิ่นมั่วหลีอยู่ข้างๆเอ่ยแซวอย่างสนุก
“ผมซื้อเก็บไว้เอง”เหยียนเค่อส่งหยกชิ้นที่ตนเองชอบส่งไปให้ด้วย จากนั้นก็เดินไปชำระเงินกับพนักงาน
มีแต่เซ็ตของเสิ่นมั่วหลีที่สามารถนำไปได้เลย ส่วนเซ็ตอื่นต้องรอยื่นเรื่องขออนุมัติเสียก่อนจึงจะได้ของ ถ้าตามกระบวนการแล้วก็คงจะนานอยู่ เสิ่นมั่วหลีพูดกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ ”ให้เขารีบอนุมัติ อย่างช้าไม่เกินสี่วัน”
ขนาดเสิ่นมั่วหลีไม่เอ่ยปากพวกเขายังต้องเกรงใจ ในเมื่อชายหนุ่มเป็นคนของตระกูลเสิ่น แม้สไตล์ของเขาจะเป็นคนเรียบง่าย แต่อย่างไรสังคมนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับพวกเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์อยู่ดี
“ค่ะ เป็นไปตามความต้องของอาจารย์เสิ่นแน่นอนค่ะ”
เหยียนเค่อกรอกเอกสารเสร็จก็เดินออกมา เสิ่นมั่วหลียังยืนรออยู่ที่เดิม จู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องเมื่อก่อนที่ซย่าเสี่ยวชอบเอามาพูดล้อเล่น เมื่อนึกแล้วก็ขำ
“นายมองฉันอย่างนั้นทำไม” เสิ่นมั่วหลีสังเกตเห็นว่าเมื่อเหยียนเค่อเห็นหน้าเขาชายหนุ่มก็ดูยิ้มให้แปลกๆ
เหยียนเค่ออมยิ้ม ตาหยี ไม่ได้ตอบคำถามของเสิ่นมั่วหลีแต่กลับถามเรื่องอื่นแทน
“พี่คิดว่าผมดูเหมือนพวกเบี่ยงเบนทางเพศไหม”
เสิ่นมั่วหลีประหลาดใจ ถ้าโดนถามคำถามแบบนี้เหยีนเค่อควรจะโมโหไม่ใช่หรอ ทำไมยังยิ้มได้ ขนาดจะหุบยิ้มยังทำไม่ได้เลย “หืม?”
“ถ้ามีผู้หญิงคิดมาตลอดว่าพี่เบี่ยงเบนพี่จะทำอย่างไร” เหยียนเค่อยังไม่ทันให้เสิ่นมั่วหลีตอบคำถามเรื่อง ก็ถามมาอีกคำถามแล้ว
เสิ่นมั่วหลีขยับปาก “นอกจากน้องสาวฉัน ก็ไม่มีใครกล้าคิดว่าฉันเบี่ยงเบนหรอก” เขาแน่ใจแล้วว่าคนที่กล่าวหาว่าเหยียนเค่อเบี่ยงเบนทางเพศคือซย่าเสี่ยวมั่ว และเขาก็ไม่ได้ถูกซย่าเสี่ยวมั่วกล่าวหาว่าชอบผู้ชายด้วยกันเองเพียงครั้งเดียวด้วย
“น้องสาวพี่นี่กล้าจริงๆ” เหยียนเค่อนึกว่าคนส่วนใหญ่จะมองผู้ชายอย่างเสิ่นมั่วหลีว่าเป็นพวกหลงตัวเองเสียอีก ไม่นึกว่าจะมีคนกล้ามองว่าเขาเป็นพวกผิดเพศ
“หึหึ ปกติเธอโดนฉันกดขี่ตลอดแหล่ะ” เสิ่นมั่วหลีหลุดเผยตัวตนอีกด้านของตัวเองออกมา
เหยียนเค่อไม่นึกว่าเสิ่นมั่วหลีจะรังแกคนอื่นเป็นด้วย ยิ่งรู้จักก็ยิ่งพบว่าเสิ่นมั่วหลีก็เป็นคนร้ายกาจคนหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่ค่อยแสดงด้านร้ายกาจของตนเองออกมาเท่านั้น
เหยียนเค่อยิ้มๆจากนั้นก็ถอนหายใจ “ถ้าผมเป็นฝ่ายกดเขาบ้างก็คงจะไม่ต้องหดหู่แบบนี้”
“คราวหลังก็เปลี่ยนวิธีสิ ตาต่อตาฟันต่อฟัน” เสิ่นมั่วหลีให้คำแนะนำ แม้น้ำเสียงจะไปได้ดูโหดร้าย แต่เนื้อหาที่พูดนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง “เมื่ออยู่ในกำมือนายแล้ว นายจะทำอย่างไรก็ได้”
“ถ้าเป็นพี่พี่ทนทำได้หรอ” เหยียนเค่อกล้าพนัน เสิ่นมั่วหลีก็ทำได้แค่พูดอย่างเดียว คงทำไม่ได้อย่างที่พูดเหมือนกัน
เสิ่นมั่วหลีจัดแขนเสื้อตัวเอง “นายก็ทำไม่ได้เหมือนกันนั่นแหล่ะ” ถ้าทำได้คงไม่ต้องมานั่งเสียใจอยู่คนเดียวแบบนี้
“อือ” เขาทำไม่ได้ ลำพังตัวเล็กอย่างซย่าเสี่ยวมั่วเขาจับโยนก็กระเด็นแล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ต้องพูดถึงนะ
“ทำไมวันนี้อารมณ์ไม่ดี ฮะ” เสิ่นมั่วหลีวกเข้าประเด็น ตั้งแต่แรกเขาก็เดาไว้แล้วว่าต้องเกี่ยวข้องกับซย่าเสี่ยวมั่ว ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงไม่พูดอะไรทำนองนี้ออกมาหรอก
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ชายหนุ่มก็นึกได้ว่าตนยังโกรธหล่อนอยู่แท้ๆ แต่สุดท้ายกลับเอาแต่คิดถึงคนไม่มีหัวใจอย่างหล่อนอยู่ได้
ตอนที่ 502 ความงามทำร้ายคน
คนที่ถูกกล่าวหาว่าไร้หัวใจ ขณะวาดรูปอยู่ก็เผลอหลับไปบนแท็ปเล็ต เมื่อตื่นขึ้นมาก็ใกล้ช่วงพักเที่ยงแล้ว
ซย่าเสี่ยวมั่วยกมืดนวดหลังคอที่เริ่มเคล็ดตอนนอนหลับ แสงแดดสาดกระทบเข้ามายังจอโทรศัพท์ที่มีข้อความเด้งเตือนอยู่ หญิงสาวยื่นมือไปหยิบมาอย่างขี้เกียจ หลังปลดล็อคหน้าจอ ก็ปรากฎรายชื่อคนที่ทักมาเป็นพรวน
วันนี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมมีแต่คนทักมาหาเธอ ซย่าเสี่ยวมั่วแปลกใจ กดเข้าหน้าแชทของอันหราน แล้วก็พบว่าไม่ใช่เรื่องอะไรแค่จะทักมาขอลาหยุดกับเธอโดยใช้การทวงบุญคุณเท่านั้น
ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มเย็น พนักงานตัวอย่างอย่างหล่อนลาหยุดเป็นกับเขาด้วย หาได้ยากจริงๆ
หญิงสาวกดพิมพ์ตอบ ในที่สุดก็คิดคำตอบดีๆออก “มาทวงบุญคุณ ระวังอยู่ได้ไม่นานนะ”
จากนั้นก็ไล่ตอบแชทก็คนอื่นๆที่ทักมา และก็พบว่ามีข้อความของเสิ่นมั่วหลีที่ส่งมาหาเธอเป็นคนแรกสุดด้วย
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กลัวว่าเสิ่นมั่วหลีจะโทรมาต่อว่าหรือภาพผีน่ากลัวๆอะไรมาให้เธอ ลังเลอยู่พักหนึ่งก็ตัดสินใจเปิดอ่าน
ปรากฏว่าเสิ่นมั่วหลีไม่ได้ส่งข้อความอะไรมาเลย เธอโหลดใหม่ถึงมีรูปภาพโผล่มาครึ่งภาพ ตอนที่ดวงตาของ เหยียนเค่อโผล่มาจากภาพ ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจจนแทบตกจากเก้าอี้ อันนี้มันน่าตกใจกว่าส่งพวกภาพผีมาอีกนะ
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย ส่งภาพพวกนี้มาทำไมกัน” ด้วยความที่ว่าห้องนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ ซย่าเสี่ยวมั่วจึงตะโกนออกมาอย่างโมโห “อยากจะข่วนหน้านายจริงๆ”
ในภาพเหยียนเค่อแหงนหน้ามองป้ายบ้านเลขที่ที่หน้าประตูสีแดงสด ผิวสีขาวออร่ากับสีแดงสดของประตูหน้าบ้านช่างดูตัดกันดีเสียจริง ปลายคางของชายหนุ่มโดนแสงสาดสะท้อนจนเห็นไรหนวดชัดเจน
ซย่าเสี่ยวมั่วโขกหัวลงกับโต๊ะ ถอนหายใจ บ่นพึมพำกับตัวเอง “รู้แล้วว่านายหล่อ ทำอะไรก็มีเสน่ห์ดึงดูดตลอด แต่หล่อยังไงก็เป็นของคนอื่นอยู่ดี เสิ่นมั่วหลีคิดอะไรอยู่นะ ส่งภาพมาให้ทำไม”
เธอโกรธขึ้นสมอง ตอบกลับไปอย่างไม่กลัว “ถ้าพี่ชอบเหยียนเค่อก็จีบเองเลย ฉันจะเอาใจช่วย” แถมยังส่งสติ๊กเกอร์สู้ๆไปให้อีกด้วย พอกดส่งไปปุ๊บเธอก็รู้สึกผิดทันที แต่ว่าไม่มีโอกาสให้เธอได้แก้ไขแล้ว
ขณะที่เสิ่นมั่วหลีกำลังคุยกับเหยียนเค่อเรื่องที่จะแก้ปัญหาอย่างไรถ้าถูกกล่าวหาว่าเบี่ยงเบน ก็ได้รับข้อความตอบกลับจากซย่าเสี่ยวมั่วพอดี
เหยียนเค่อเห็นเสิ่นมั่วหลียิ้ม แถมกำลังพิมพ์แชทอยู่
“มีอะไรหรอ”
“เฮ้อ ไม่ทันพูดจบก็มาแล้ว คนบางคนไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา ถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมา” เสิ่นมั่วหลีเอ่ยอย่างมีเลศนัย “ถ้ายังมีผู้หญิงกล้าบอกว่านายเบี่ยงเบนอีก นายก็พิสูจน์ให้หล่อนเห็นไปเลย”
ทั้งคู่สบสายตากัน เข้าใจในความหมายที่สื่อ ต่างฝ่ายต่างหัวเราะ
เสิ่นมั่วหลีพยายามคิดเอาคืนซย่าเสี่ยวมั่วอย่างถึงที่สุด ถ้าหญิงสาวถูกเหยียนเค่อรังแกแล้ววันหนึ่งค้นพบความจริงว่าเป็นเพราะเขายุแยงจะโมโหขนาดไหนกันนะ
แม้สัญญาณจะไม่ดี แต่ซย่าเสี่ยวมั่วก็ยังเห็นภายในห้าวินาทีว่ามีการเตือนขึ้นว่าส่งข้อความสำเร็จแล้ว หญิงสาวฟุบไปกับโต๊ะสักพัก จากนั้นรีบส่งข้อความไปขอโทษเสิ่นมั่วหลี เพราะกลัวจะโดนชายหนุ่มเล่นงาน
“พี่ ฉันผิดไปแล้ว พี่ทำไปมองไม่เห็นไม่นะ ฉันมือลั่นแวบเดียวเอง”
“ฟรอยด์[1]ได้กล่าวไว้ว่า การพูดผิดถือเป็นการเติมเต็มความปรารถนาอย่างหนึ่ง ดังนั้นการที่เธอมือลั่นยิ่งเป็นพฤติกรรมที่สื่อให้เห็นถึงแรงปรารถนาในใจเธอ” เสิ่นมั่วหลีไม่ยอมหลงกลซย่าเสี่ยวมั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วเอนหัวไปกับโต๊ะ มือข้างหนึ่งเท้าคางเอาไว้ ปวดหัวกับข้อความที่ปรากฏ ทำไมเธอถึงลืมนิสัยที่แท้จริงของเสิ่นมั่วหลีไปได้นะ ยิ่งไม่รู้ว่าผู้ชายประหลาดสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วจะชวนกันทำอะไรประหลาดๆหรือเปล่า ยิ่งถ้านิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของเหยียนเค่อถูกถ่ายทอดไปให้พี่ชายเธอล่ะก็ เธอคงไม่ตายดีแน่ๆ
——
[1] ฟรอยด์ ซิคมัน ฟรอยด์ จิตแพทย์ชาวออสเตรีย เป็นบิดาแห่งทฤษฎีจิตวิเคราะห์