เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก – ตอนที่ 533 สู้ไม่เจอจะดีกว่า / ตอนที่ 534 เผชิญหน้าโดยตรง

ตอนที่ 533 สู้ไม่เจอจะดีกว่า / ตอนที่ 534 เผชิญหน้าโดยตรง

ตอนที่ 533 สู้ไม่เจอจะดีกว่า

 

 

เหยียนเค่อยืนพิงประตูห้อง ในใจก็คิดสมเพชตัวเอง ทั้งๆที่ว่าจะไม่สนใจแล้วแต่ก็อดที่จะเข้าไปยุ่งไมได้ นี่มันไม่ใช่ตัวเขาสักนิด

 

 

ชายหนุ่มฟังเสียงการเคลื่อนไหวของห้องข้างๆ จนได้ยินเสียงเปิดประตูอีกรอบ จนพนักงานเดินออกมาแล้ว   เหยียนเค่อจึงเดินกลับไปนั่งด้านในห้องดังเดิม

 

 

ในเมื่อซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากเห็นหน้าเขา เขาก็ฝืนใจหล่อนไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มีแต่จะทำให้หล่อนรู้สึกหวาดกลัว บางทีการมองอยู่ห่างๆแบบนี้ก็อาจจะดีก็ได้

 

 

แต่ในใจก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ สีหน้าหล่อนดูไม่ดีเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังรู้สึกไม่ดีอยู่หรือเปล่า เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็จนปัญญา ตัวเองไม่ได้เดือดร้อนด้วยซะหน่อยจะไปกังวลเรื่องนี้ทำไม นี่เขาคาดหวังอะไรอยู่กันแน่

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วประคองแก้วชานมในใจรู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อเธอได้สติก็รู้สึกอยากจะหลบอยู่อย่างเดียว ถ้าให้เลือกทางใดทางหนึ่ง เธอเลือกที่จะไม่อยากเหยียนเค่อโมโห ดังนั้นสู้ไม่เจอกันเลยจะดีเสียกว่า แต่ดูเหมือนว่าการที่เธอวิ่งหนีมาเมื่อครู่จะทำให้เหยียนเค่อโมโหยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

 

 

ทำไมเป็นคนที่เดาใจได้ยากขนาดนี้นะ! ซย่าเสี่ยวมั่วนอนตะแคงก่นดาอยู่บนโซฟา

 

 

กลิ่นหอมของชา บรรยากาศสวยงามของสถานที่ต่างถิ่นภายนอกหน้าต่าง คลื่นทะเลซัดมากระทบกับโขดหินจนเกิดเสียง สีดำสนิทของคลื่นในตอนกลางดึกยิ่งทำให้ดูลึกลับ หลังจากที่ซย่าเสี่ยวมั่วพักไปชั่วครู่ ดื่มชานมจนหมด ก็เป็นเวลาที่เงียบสงบมากแล้ว เธอหยิบกระดานวาดรูปแล้วเดินไปนั่งที่ข้างหน้าต่าง

 

 

เวลาที่เธออารมณ์ไม่ดีหรือรู้สึกไม่สงบก็จะชอบวาดรูป ตอนที่อยู่กุ้ยโจวเป็นเพราะว่าจะไม่ได้มาร่วงงานแต่งของสวีรั่วชีเลยอารมณ์ไม่ดี เมื่อมาถึงแล้วเจอกับเหยียนเค่อก็รู้สึกใจไม่สงบอีก เธอคิดว่าวาดรูปไปเดี๋ยวก็คงลืมเรื่องเหยียนเค่อไปเอง แต่เธอคงประเมินอิทธิพลของเหยียนเค่อที่มีต่อตัวเองต่ำไป เธอยังไม่ทันได้เริ่มลงเส้นเลยด้วยซ้ำก็ไม่อยากวาดต่อแล้ว

 

 

เหยียนเค่อไม่อาจเดินไปนอนหลับที่เตียงได้ แต่เพราะมันดึกมากแล้วและกลัวว่าถึงพรุ่งนี้แล้วสภาพร่างกายจะไม่โอเคจึงเดินไปนอนพักที่บนโซฟา แต่ปรากฏว่านอนไปได้ครู่เดียวก็รู้สึกเป็นห่วงซย่าเสี่ยวมั่วที่นอนอยู่ห้องข้างๆ เอื้อมมือไปหยิบคีย์การ์ดห้องมาสองใบอยากจะออกไป ชายหนุ่มเอามือก่ายหน้าผากคิดอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจลุกขึ้น

 

 

เหยียนเค่อไม่กล้าเปิดเข้าไปเลย จึงลองเคาะประตูดูก่อน แต่ไม่มีคนมาเปิดประตูและไม่ได้ยินเสียงตอบรับอะไรเลย เหยียนเค่อแตะคีย์การ์ดเข้าไป ห้องรับแขกเปิดไฟติดผนังไว้ดวงหนึ่ง ไฟห้องน้ำก็เปิดอยู่ ส่วนในห้องนอนนั้นมืดสนิท

 

 

เหยียนเค่อเดินคลำมือมาจนถึงเตียง แต่พบว่าผ้าห่มยังคงราบเรียบเหมือนว่าไม่มีคนนอนอยู่ จึงเอื้อมมือไปคลำดูก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อหันข้างก็เจอกับแสงไฟ ภายใต้แสงไฟสาดไปที่ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา

 

 

เหยียนเค่อกลอกตาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ชายหนุ่มเดินไปหยิบผ้าห่มผืนหนาจากในตู้เสื้อผ้าข้างเตียงมาห่มให้หล่อน จากนั้นก็ช่วยจัดท่าทางให้หล่อนจากที่นอนขดตัวเป็นนอนยืดตัวสบายๆบนโซฟา

 

 

เมื่อจัดให้เสร็จก็พบว่าแขนทั้งสองข้างของตัวเองยังประคองที่ตัวหล่อนอยู่ อยู่ในท่าคล้ายกำลังโอบกอดหล่อนอยู่ เหยียนเค่ออดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่ใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา จัดปอยผมที่ยุ่งเหยิงไปทัดที่หูให้หล่อน

 

 

“เด็กโง่” เหยียนเค่อเอ่ยขึ้นเบาๆ ใช้มือค่อยๆลูบไปที่แก้มของหล่อนเบาๆ สัมผัสที่นุ่มลื่นทำให้เขาไม่อยากปล่อยมือ แต่ก็ยับยั้งห้ามใจไว้ได้ เอ่ยเบาๆขึ้นอีกประโยค “ทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี”

 

 

สวีอันหรานตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนแต่ก็มองไม่เห็นใคร กำลังจะโทรหาเหยียนเค่อก็ได้ยินเสียงเปิดประตูพอดี เหยียนเค่อเดินหลับตาเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้สวีอันหรานถือโทรศัพท์นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

 

 

สวีอันหรานเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “เมื่อกี้นายเพิ่งออกไปหรือออกไปเลยเพิ่งกลับมา”

 

 

เหยียนเค่อแปรงฟันอยู่จึงไม่ว่างสนใจสวีอันหราน ความง่วงจากการเพิ่งตื่นนอนยังไม่สร่าง

 

 

สวีอันหรานมองดูที่โต๊ะ คีย์การ์ดของห้องซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยู่จริงๆด้วย เขารู้สึกเหมือนจะเข้าใจแต่จู่ๆก็รู้สึกว่าไม่เข้าใจอะไรเลย 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 534 เผชิญหน้าโดยตรง

 

 

เมื่อคืน นั่งมองซย่าเสี่ยวมั่วอยู่บนพื้นพรมสักพัก เมื่อใจสงบลง ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา เอาแขนวางบนโซฟาแล้วเอนหัวซบแขนตะแคงหน้ามองดูซย่าเสี่ยวมั่วแล้วก็ผล็อยหลับไป

 

 

ถ้าเช้านี้เขาไม่รู่สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน ต้องโดนซย่าเสี่ยวมั่วจับได้แน่ๆ แต่เขาก็หลบไม่พ้นสวีอันหราน

 

 

สวีอันหรานคิดจินตนาการไปเองเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็เอ่ยออกมา “ซย่าเสี่ยวมั่วไม่มาขึ้นเตียงนาย นายก็เลยไปขึ้นเตียงหล่อนอย่างนั้นสิ?!”

 

 

เหยียนเค่อไม่เอ่ยตอบ ยังคงนิ่งสงบอยู่ สวีอันหรานที่โดนเมินจึงเดินไปหยิบชุดที่จะต้องใส่วันนี้เดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องแต่งตัว

 

 

สวีอันหรานยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล จนลืมแม้กระทั่งความตื่นเต้นที่ตนจะต้องแต่งงาน

 

 

เหยียนเค่อเปลี่ยนชุดสูทเสร็จเดินออกมาเห็นสวีอันหรานยังยืนอยู่ที่เดิมไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มองอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเตือนเสียงราบเรียบ “จะตีสี่แล้ว นายจะใส่ชุดนั้นไปแต่งงานใช่ไหม”

 

 

สวีอันหรานถึงได้สติ นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของตัวเอง จึงไปหยิบเสื้อสูทที่ใส่อยู่กล่องออกมาเปลี่ยน      โดยมีเหยีนเค่อยืนรออยู่

 

 

เนื่องจากสวีรั่วชีพักอยู่ที่บ้านของพวกเขา ซึ่งอยู่ห่างจากที่โรงแรมเกือบครึ่งเกาะ พวกเขาจึงต้องออกจากโรงแรมแต่เช้า

 

 

ประมาณตีสี่กว่าๆซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะเดินทางไปอยู่ไปเพื่อนสวีรั่วชี แต่ไม่คิดว่าพอเดินออกมาจากห้องจะเจอกับฉินซื่อหลานที่อยู่ในชุดสูทสีขาว

 

 

“โอ้โห” ความจริงซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกตงิดในใจ ไม่รู้ว่าทำไมพอตื่นขึ้นมาถึงได้มีผ้าห่มห่มอยู่บนตัว รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แต่พอเห็นหน้าฉินซื่อหลานก็ร่าเริงขึ้นมาทันที

 

 

“เป็นไง หล่อใช่ไหมล่ะ”

 

 

ฉินซื่อหลานที่กำลังจะเคาะประตูห้อง เห็นซย่าเสี่ยวมั่วเดินออกมาจากห้องข้างๆก็ขมวดคิ้ว ลดมือลงแล้วเอ่ยทักทายหล่อน

 

 

“ไม่ใช่แค่หล่อนะ นี่มันเทพบุตรชัดๆ”

 

 

“พูดได้ดีมาก” ฉินซื่อหลานยิ้มดูดีจนใครเห็นก็ต้องหลง ชายหนุ่มมองใบหน้าที่ซีดเซียวก็หล่อนอย่างสงสัย

 

 

“ทำไมหน้าเธอซีดขนาดนี้”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยู่ปาก “เมื่อคืนเผลอหลับไปบนโซฟา ฉันสงสัยว่า…”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยังพูดไม่ทันจบประตูห้องข้างๆก็ถูกเปิดออก เธอเดินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กำลังจะถอยกลับไปชิดประตูห้องตนเอง แต่เมื่อเหลือบไปเห็นว่าเป็นสวีอันหรานจึงชะงักฝีเท้าที่จะเดินถอยหลังลง

 

 

สวีอันหรานเห็นฉินซื่อหลานก็รู้เซอร์ไพส์เป็นอย่างมาก เอ่ยยิ้มๆ “ทำไมนายเพิ่งมา”

 

 

“นี่รีบสุดๆแล้วเนี่ย” ฉินซื่อหลานยักไหล่

 

 

สวีอันหรานเอ่ยทักทายซย่าเสี่ยมั่ว ซย่าเสี่ยวมั่วคลายกังวลใจได้หน่อยนึง ขณะที่เธอกำลังขยับไปทางฉินซื่อหลาน เหยียนเค่อก็เปิดประตูออกมาพอดี ทั้งคู่ยืนหันหน้าเขาหากันพอดีเป๊ะ ซย่าเสี่ยมั่วรู้สึกกระอักกระอวนใจ เธอคิดว่าเหยียนเค่อออกไปแล้วเสียอีก

 

 

ฉินซื่อหลานกะจะเอ่ยแซวทั้งคู่เสียตอน แต่ปรากฏว่าสายตาของเหยียนเค่อมองเลยผ่านซย่าเสี่ยวมั่วไปอย่างไม่ได้สนใจ แล้วหันมาพูดกับตนยิ้มๆ “เหนื่อยหน่อยนะ”

 

 

“ไม่เป็นไร” ฉินซื่อหลานแกล้งยิ้มเย้ย “ฉันเหนื่อยก็ไม่เท่าที่นายลำบากหรอก”

 

 

สวีอันหรานมองเพื่อนทั้งคู่ที่กำลังแสดงละครอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้เข้าไปขัดอะไรได้แต่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ พอเห็นว่าจะไม่มีเวลาแล้วจึงเอ่ยขัด “พอๆ รีบไปได้แล้ว เห็นพวกนายเสแสร้งทีไร ฉันปวดท้องทุกที” จากนั้นก็เอ่ยชวน ซย่าเสี่ยวมั่ว “ไปด้วยกันเถอะ เสี่ยวชีน่าจะตื่นสายหน่อย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า ใจจริงเธออยากจะปฏิเสธ เดิมทีเธอกะว่าจะเรียกแท็กซี่ไปเพราะจะได้นั่งแต่งหน้าบนรถไปได้เลย แต่ถ้าตอนนี้นั่งไปกับพวกเขาเธอก็ไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจขนาดนั้น

 

 

ฉินซื่อหลานเห็นหล่อนยืนนิ่งงันอยู่ จึงเอ่ยเพื่อไม่ให้หล่อนรู้สึกอึดอัด

 

 

“วันนี้เธอสวยมาก”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเบนหน้าหนี “ฉันไม่อยากยืนข้างนาย” ซย่าเสี่ยวมั่วเบนสายตามองไปทางเหยียนเค่อที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นก็รีบเบนสายตาหลบ แต่ก็ยิ่งไม่อยากไปยืนข้างๆเหยียนเค่อ

 

 

ฉินซื่อหลานมองเห็นการกระทำของหล่อน ก็ยิ้มขำๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยแซวอะไร

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

Status: Ongoing

ซย่าเสี่ยวมั่ว สาวโสดผู้หมดศรัทธาในความรักจำต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกจากบ้าน เพียงเพราะทะเลาะกับผู้เป็นแม่เรื่องหา ‘ลูกเขย’! ด้วยอับจนหนทางที่จะกลับบ้าน เธอจึงต้องไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทชั่วคราว ทว่าระหว่างนั่งรถประจำทาง เธอดันไปปะทะฝีปากกับชายหนุ่มรูปงาม และสร้างความอับอายให้เขาอย่างน่าคับแค้นใจ!

ทั้งที่เธอไม่คิดจะเจอเขาอีกชั่วชีวิต ทว่าเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง บันดาลให้เธอต้องมาพบกับเขาอีกครั้งในฐานะ ‘แฟนเช่า’ ครั้งนี้ เหยียนเค่อ จะให้เธอได้ชดใช้อย่างสาสม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท