ตอนที่ 571 โชคร้ายที่เข้ามาพร้อมกัน
แต่ไหนแต่ไรมาเหยียนเค่อเป็นคนวางสายใส่คนอื่นมาโดยตลอด แต่ซย่าเสี่ยวมั่ววางสายใส่เขาก่อนเขากับไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร
เหยียนเค่อคิดว่าหญิงสาวไม่อยากคุยกับเขาเหมือนๆ ที่เขาไม่อยากคุยกับคนอื่นนั่นแหล่ะ
ผ่านไปไม่นาน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ดึงสติเหยียนเค่อกลับมา
หลังจากเหยียนเค่อรับสายก็มีแต่ความนิ่งเงียบ จนฉินซื่อหลานนึกว่าตนยังโทรไม่ติดด้วยซ้ำ
“ฮัลโหล” ฉินซื่อหลานลองเอ่ยออกไป
“มีอะไรก็พูดมา”
เหยียนเค่อเอ่ยมาอย่างราบเรียบ ทำให้ฉินซื่อหลานยังไม่ค่อยแน่ใจ “นายได้รับโทรศัพท์แล้วใช่ไหม”
“ซย่าเสี่ยวมั่ว?” ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่เหยียนเค่อก็เดาได้ว่าเพื่อนพูดถึงใคร
ฉินซื่อหลานตอบรับอย่างระมัดระวัง รอเหยียนเค่อพูดต่อ
แต่สำหรับเหยียนเค่อ คำว่าซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีอะไรต้องให้พูดต่ออีก จึงไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมาทั้งคู่
ฉินซื่อหลานมองหน้าจอโทรศัพท์ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเพื่อนตน ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะวางสายดีไหมก็ได้ยินเหยียนเค่อเอ่ยขึ้นอย่างเนือยๆ “นายบอกให้เธอโทรหาฉันเหรอ”
“เอ๋ อือ” ฉินซื่อหลานไม่รู้ว่าเหยียนเค่อจะถามเรื่องนี้ทำไม มันก็ปกติไม่ใช่หรือไง
“เธออยากให้นายโทรหาแทนแต่นายปฏิเสธใช่ไหม”
ฉินซื่อหลานอึ้งไป เขาไม่รู้จะเอ่ยตอบอย่างไรดี ทำไมเหยียนเค่อถึงได้เดาได้แม่นขนาดนี้นะ
อาการนิ่งไปของฉินซื่อหลานก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าซย่าเสี่ยวมั่วบอกให้ทำอย่างนั้นจริงๆ เหยียนเค่อจึงไม่ได้อยากรู้คำตอบแล้ว เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว ยิ่งรู้มากก็จะยิ่งเจ็บปวดมากไปอีก
“วางสายก่อนนะ”
เหยียนเค่อไม่ได้โมโหแต่วางสายไปอย่างนิ่งๆ ทำให้ฉินซื่อหลานยิ่งรู้สึกหนาวเข้าไปใหญ่
ครั้งล่าสุดที่เหยียนเค่อไม่แสดงสีหน้าโกรธแบบนี้เขากลับคว่ำโต๊ะสนุ๊ก และพวกแก้วไวน์แตกกระจายเต็มไปหมด แล้วยังทำลายไวน์ที่เซ่าหมิงฟ่านเก็บสะสมไว้อีกด้วย คราวนี้ใครจะรู้ว่าเหยียนเค่อจะมาคิดบัญชีย้อนหลังกับเขาตอนไหน คิดแล้วก็รู้สึกเห็นใจตัวเองที่ต้องมาเป็นคนกลางระหว่างคนทั้งคู่เสียจริงๆ
ตอนนี้เหยียนเค่อไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรกับเพื่อนทั้งสิ้น ชายหนุ่มก้มตัวขยี้ไปที่หัวของเจ้าโกลเด้น แสดงสีหน้าเหงาหงอยที่ใครเห็นก็ต้องสงสาร
พอเขายืดตัวขึ้น เจ้าโกลเด้นก็ลุกขึ้นตามแล้วกระโจนมาหาเขา เอาเล็บขึ้นมาสะกิดที่ฝ่ามือของเขา
เหยียนเค่อเอามือจับเล็บของเจ้าโกลเด้นเอาไว้อย่างหดหู่ “ทำไม อยากจะปลอบฉันเหรอ”
เจ้าโกลด้นทำตาปริบๆจ้องไปที่เหยียนเค่อ ราวกับอยากจะบอกว่าอย่าเสียใจ
เหยียนเค่อตบไปที่หัวมันเบาๆ จากนั้นให้มันลงไป ลุกขึ้นพร้อมเอ่ยบอกเสียงเย็น “ส่งแกกลับไปฉันไม่เสียใจหรอก
เจ้าโกลเด้นฟังไม่รู้เรื่อง ได้แต่เดินตามชายหนุ่มไปอย่างโง่ๆ
“ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่าถ้าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นหมาจะดีแค่ไหนกันนะ” เหยียนเค่อคิดว่าเขาคงเสียใจจนเป็นบ้าไปแล้ว ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วเป็นหมาเขาคงซื่อหล่อนไว้ จากนั้นก็แต่งผู้หญิงสักคนมาแล้วแสดงความรักต่อหน้าหล่อน
เดิมทีซย่าเสี่ยวมั่วกะว่าจะหลับอีกสักหน่อย แต่รับปากเหยียนเค่อไปแล้วว่าจะไปรับเจ้าโกลเด้นพรุ่งนี้ จึงได้แต่ลุกจากเตียงไปทำความสะอาดด้านนอกให้เรียบร้อยเพื่อต้อนรับหมากลับมา
ซย่าเสี่ยวมั่ววางแผนลำดับเวลาได้ดีมาก ไปกดน้ำในห้องน้ำ จากนั้นทำความสะอาดด้านนอกให้สะอาด แล้วก็อาบน้ำเข้านอน
ห้องรับแขกมีฝุ่นจับอยู่บ้าง หญิงสาวสวมผ้าปิดปากแล้วทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมจนเกลี้ยง เนื้อในตู้เย็นยังไม่เสีย เนื่องจากเป็นหน้าฝนเลยอยู่ได้อีกเป็นเดือน
กวาดพื้นเสร็จก็กินแรงเธอไปกว่าครึ่งแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วหยิบไม้ถูพื้นไปถูพื้นต่อพลางร้องเพลงฮำไปด้วย
ผ่านไปสี่ชั่วโมง ซย่าเสี่ยวมั่วก็นั่งยองๆหอบหายใจอยู่ที่พื้น มือค้ำไปที่โซฟาเพื่อประคองร่างของตนเองที่ใกล้เหนื่อยตายแล้ว นี่เพิ่งผ่านไปครึ่งวันเท่านั้นนะ
หญิงสาวบ่นพึมพำ “พออายุเยอะแล้วนี่ไม่ไหวจริงๆ แค่ทำความสะอาดก็เหนื่อยขนาดนี้แล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ทันพักให้หายเหนื่อยก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
ตอนที่ 572 ท่อน้ำรั่ว
ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะแกล้งทำเป็นว่าตนเองไม่อยู่บ้านเสียจริงๆ เธอพยุงเอวลุกขึ้นจากโซฟาอย่างเมื่อยล้า
การก้มเอวเป็นเวลานานทำให้เธอรู้สึกเวียนหัวอีกทั้งยังเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด ซย่าเสี่ยวมั่วถอนหายใจแล้วเดินลากสังขารไปเปิดประตูห้อง ในใจก็บ่น ใครกันนะมาเคาะประตูบ้านเธอในเวลานี้
ซย่าเสี่ยวมั่วแค่ช้าไปนิดหน่อยเท่านั้นก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก “เปิดประตูเร็วๆ ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้าน”
โทนเสียงที่ใช้พูดไม่สูงนัก แต่ว่าเธอรู้สึกว่าตนเองไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนนะ ซย่าเสี่ยวมั่วมองลอดตาแมวออกไปดู เห็นชายแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักยืนอยู่ ขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะเปิดประตูออกไปดีหรือไม่นั้นก็ได้ยินเสียงจากด้านนอกเอ่ยขึ้น “รีบเปิดเร็วๆ น้ำจากห้องคุณไหลจนจะท่วมห้องผมหมดแล้ว”
สมองของซย่าเสี่ยวมั่วยังประมวลผลไม่ค่อยได้ เธอรีบเปิดประตู เอ่ยอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
ฝ่ายตรงข้ามลองถามหยั่งเชิงซย่าเสี่ยวมั่ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ “คุณรู้หรือเปล่าว่าท่อน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ของคุณมันรั่วลงไปที่ห้องผม ตอนนี้ห้องน้ำบ้านผมน้ำแทบจะท่วมอยู่แล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วอึ้งไป ท่อน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ของบ้านเธอเป็นแบบระบบหมุนเวียน เป็นเพราะว่าเธอกลัวว่าเวลาเธอใช้น้ำจะใช้เยอะเกินไปจึงได้ออกแบบให้เป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่มันจะเตือนว่าน้ำเต็มแล้ว แต่มันยังป้องกันไม่ให้น้ำไหลไปบนหลังคาอีกด้วย แต่วันนี้ทั้งวันระบบน้ำมันไม่มีการหมุนเวียนเธอยังนึกว่าเป็นเพราะแรงดันน้ำของอาคารมีปัญหาเสียอีก ไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นเพราะน้ำรั่ว
“ขอโทษจริงๆนะคะ”
พอซย่าเสี่ยวมั่วลองสังเกตดีๆก็เห็นลอยคราบน้ำเปื้อนอยู่ที่กำแพงจริงๆ และก็มีน้ำซึมออกมาด้วย
เธอรีบไปกดปิดวาวน้ำ พอออกมาก็ยังเห็นชายแปลกหน้ายังยืนจังก้าอยู่หน้าประตูห้อง ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มไม่พอใจ เอ่ยถามเสียงเย็น “ยังมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
ท่อน้ำเป็นท่อของฝ่ายก่อสร้างที่ติดตั้งไว้ตั้งแต่แรก ดังนั้นไม่ใช่เรื่องที่ซย่าเสี่ยวมั่วต้องรับผิดชอบ แค่แจ้งไปยังฝ่ายนิติบุคคลให้เขามาช่วยซ่อมแซมก็ได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ได้คิดแบบนั้น
“คุณควรจะลงไปดูที่ห้องของผมหน่อยหรือเปล่าว่าน้ำมันท่วมไปขนาดไหน แล้วเราก็มาคุยเรื่องค่าชดเชยกัน”
ถึงแม้ซย่าเสี่ยวมั่วจะคิดไม่ค่อยได้แต่ก็เธอก็ไม่ยอมโดนจูงจมูกง่ายๆหรอก อีกอย่างเรื่องนี้สาเหตุไม่ได้เกิดมาจากเธอเสียหน่อย เธอยินดีออกค่าซ่อมแซมได้ไม่มีปัญหา แต่เรื่องจะเอาค่าเสียหายชดเชยเขาควรจะเอาจากฝ่ายนิติบุคคลไม่ใช่เธอ
“ฉันไม่ได้เติมน้ำเกินปริมาณ แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นคนทำให้น้ำมันรั่ว คุณควรจะไปหาฝ่ายนิติบุคคล” ซย่าเสี่ยวมั่วรังเกียจพวกชอบเอาเปรียบคนอื่นแบบนี้ที่สุด
“แต่ยังไงคุณก็ควรมีส่วนรับผิดชอบด้วยสิ ถ้าคุณไม่เปิดน้ำแล้วน้ำมันจะรั่วลงไปได้อย่างไร แถมยังเปิดอยู่ตั้งนาน” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อจะเอาเงินจากซย่าเสี่ยวมั่วให้ได้
ซย่าเสี่ยวมั่วหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด กำลังเป็นหวัดอยู่แท้ๆ เก็บของก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว โดนชายตรงหน้าโวยวายก็รู้สึกปวดหัวจนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
“อย่างนั้นคุณจะให้ฉันชดใช้อย่างไร”
ถ้ามันอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมเพื่อแลกกับการจบปัญหานี้เธอก็ยินดีจะจ่าย แต่ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอย่างนั้น ขึ้นมาก็เหมือนอยากจะลากเธอไปอย่างเดียว
“คุณไปดูก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมโกงคุณ แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาตกลงกันเรื่องค่าเสียหาย”
ซย่าเสี่ยวมั่วเบี่ยงหลบมือของชายตรงหน้า ในใจยิ้มเย็น ไม่ว่าจะชดใช้เท่าไหร่ก็เป็นการโกงเธออยู่ดี คนคนนี้น่าขำเสียจริง
ขณะที่ทั้งคู่กำลังยื้อกันอยู่ อยู่ๆลิฟต์ก็เปิดออกตามด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่ก้าวออกมา หล่อนหันมองซ้ายขวาเมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นหล่อนก็เดินเข้ามาหา
“เป็นอย่างไรบ้าง จะชดใช้เท่าไหร่” ผู้หญิงที่เดินมาทำท่าทางโหดๆ มองซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังลำบาก
“ยังไม่ได้คำตอบ หล่อนไม่ยอมจ่าย”
ทั้งคู่คุยกันด้วยภาษาถิ่น ซย่าเสี่ยวมั่วพอฝืนฟังออกบ้างเล็กน้อย เธอเอ่ยขัดคำพูดของชายตรงหน้า “ฉันบอกว่าจะไม่จ่ายหรือไง ฉันแค่ถามว่าอยากจะให้ชดใช้เท่าไหร่”