จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 26

ตอนที่ 26

บทที่ 26 หน้าด้านไม่มีใครเกิน

สิบนาทีก่อนหน้านี้

หลิวเซียงหลันดึงตัวหานหยู่เยนเข้าไปในห้องนอน หานเจี้ยนเย่ หานหยู่ถิงก็ตามเข้าไปด้วย

“แม่ ทำอะไรอะ?”

“ยัยหนูทำไมไม่รู้ดีรู้ชั่วเลย เป้าหมายที่ดวงน้อยกลับมาครั้งนี้ลูกรู้หรือเปล่า เขาเป็นคุณชายนะ รถหรูที่จอดอยู่ข้างล่างเมื่อเทียบกับทรัพย์สินของตระกูลหานนั้นยังมากกว่าเยอะเลย เขาสนใจในตัวลูก ลูกไม่แสดงออกก็ช่าง แต่กลับไปปกป้องไอ้เศษฝุ่นที่ไร้ประโยชน์คนนั้น!”

ใบหน้าของแม่หานหยู่เยนเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ความร้อนขึ้นหน้า “แม่ อะไรเศษฝุ่นอะไรดวงน้อย โล่เฉินเขามีชื่อ อีกอย่าง ทำไมแม่ถึงช่วยคนนอกในการประณามลูกเขยตัวเอง แม่จะให้โล่เฉินคิดยังไง เขาจะเจ็บปวดแค่ไหน!”

“เห่อๆ แม่ไม่เคยเห็นมันเป็นลูกเขย” หลิวเซียงหลันยิ้มเยาะกล่าว

หานเจี้ยนเย่ขยับแว่นตา แล้วพูดเกลี้ยกล่อม: “ยัยหนู พวกเราหวังดีต่อลูก หรือว่าลูกจะใช้ชีวิตแบบนี้กับโล่เฉินไปตลอดชีวิต แบบนี้ลูกก็ไม่มีวันที่จะลืมตาอ้าปากได้นะ”

“ตอนนี้ในมือหนูมีโครงงานของบริษัทเฉิงหยู่อยู่ ต่อไปนี้ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่าง โล่เฉิน……..ก็ไม่ได้แย่อย่างที่พวกท่านคิด”

หานหยู่เยนเกือบจะพูดเรื่องคฤหาสน์สูงศักดิ์ออกมาแล้ว โชคดีที่ยั้งไว้ทัน

ในเมื่อรับปากโล่เฉินไปแล้ว เธอก็จะรักษาวาจาสัตย์อย่างดี จะไม่ทำให้โล่เฉินผิดหวังที่ไว้วางในใจเธอ

“เห่อ เขาจะมีปัญญาอะไร มากสุดก็ฉลาดนิดหน่อย ไม่สามารถทำการใหญ่ได้”

หลิวเซียงหลันส่ายหัวอย่างดูถูก แล้วกล่าว: “ตอนที่ลูกเรียนมหาวิทยาลัยลูกแอบชอบดาวน้อยไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เขามาหาถึงที่แล้ว ลูกยังรออะไรอีก ขอเพียงลูกรุกนิดหน่อย ยอมให้เขาหน่อย จะเอาดวงน้อยให้อยู่หมัดก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

“มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว หนูกับโล่เฉินแต่งงานกันสามปีแล้ว หนูเป็นคนที่มีสามีแล้ว จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง แม่คะ แม่อยากจะทำลายชื่อเสียงของหนูเหรอคะ ข้างนอกที่เขาลือกันก็ยังไม่หยุดเลย ตอนนี้แม่ให้หนูหย่ากับโล่เฉิน บ้าหรือเปล่า ต่อไปหนูจะอยู่ในเมืองเจียงได้ยังไง!”

หานหยู่เยนโมโหจนหน้าแดง หายใจแรงและเร็ว

“พี่คะ อย่าใจร้อนค่ะ คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น เรามาคุยกันดีๆ หานหยู่ถิงรีบกอดเธอเอาไว้” กล่าวปลอบโยน

หานเจี้ยนเย่ก็ทำเสียงในปาก หันหน้ามาพูด “เมียจ๋า ที่หยู่เยนพูดก็มีเหตุผล ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหว หยู่เยนถูกตระกูลใหญ่อื่นจับตามองอยู่ หากหย่ากับโล่เฉินตอนนี้ ข้างนอกก็จะเชื่อว่าหยู่เยนนั้นมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับประธานฟ่าน ลูกสาวก็จะใช้ชีวิตลำบากในเมืองเจียง”

“มันจะยากอะไร!”

“อ่อ? เมียจ๋ามีความคิดดีๆอะไรเหรอ”

หลิวเซียงหลันนิ่งไปสองสามวินาที คำพูดทำให้คนตกใจ “แต่งงานกับดาวน้อย ก็เหมือนหงส์ที่ขึ้นบัลลังก์ต่อให้ตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะเยาะเย้ยแล้วจะทำไม อีกอย่าง ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองเจียงที่เล็กๆแห่งนี้ เมืองใหญ่มีตั้งมากมาย ลูกกับดาวน้อยก็ย้ายไปอยู่ในเมืองอื่น ใครจะนินทาอีก!”

“พอแล้ว!”

หานหยู่เยนสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของหานหยู่ถิง ยืนขึ้นด้วยความโกรธ สบตากับหลิวเซียงหลัน

“แม่คะ หนูไม่มีทางหย่ากับโล่เฉินเด็ดขาด ยังมีอีก ดาวน้อยที่แม่พูดถึงนั้นเป็นคุณชายเจ้าสำราญ แม่เพื่อเงินแล้ว กลับผลักหนูเข้ากองไฟ มีแม่เป็นนี้ด้วยเหรอ!”

“ยัยลูกไม่รักดี ทำไมถึงพูดกับแม่แบบนี้”

หลิวหลันเซียงก็โมโหแล้ว ชี้ไปที่จมูกของหานหยู่เยน ด่าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ: “ทำไมแม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้ ก็เพราะแม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบาย ยัยลูกไม่รักดี ไร้หัวใจ เหมือนพ่อเธอไม่มีผิด ไม่ได้เรื่อง”

“แม่ หนู……..” หานหยู่เยนกัดฟันไปมา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

เดินออกไปจากห้องนอนอย่างเบื่อหน่าย

……

มาถึงห้องรับแขก ก็ได้ยินบทสนทนาที่แปลกประหลาดดังมาจากในห้องครัว

“………เล่นแบบนี้ยิ่งตื่นเต้น!”

“พวกคุณคุยอะไรกันน่ะ? เล่นอะไรตื่นเต้นเหรอ?”

หานหยู่เยนสงสัยมาก เอียงคอมองไปที่ห้องครัว

สีหน้าของโล่เฉิงเปลี่ยนไปทันที หันหน้ากลับมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า พร้อมด้วยท่าทีที่อ่อนโยน และสุภาพ

หยู่เยน ผมกำลังคุยเรื่องรถตะลุยอวกาศกับพี่โล่เฉิน เล่นแล้วน่าตื่นเต้นมาก ผมจำได้ว่าคุณชอบเล่นอันนี้ หากวันหลังมีเวลา พวกเราไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน

ไม่มีข้อบกพร่องเลย สมบูรณ์แบบอย่างกับสุภาพบุรุษ

แสดงได้ดีมาก วงการฮอลลีวูดยังต้องมอบรางวัลออสการ์ให้กับเขา!

โล่เฉินกดไลค์ในใจให้กับไอ้หมอนี่

“ไม่ละ ตอนนี้งานฉันยุ่งมากไม่มีเวลา”

ท่าทีของหานหยู่เยนค่อนข้างจะเย็นชา

ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยนั้นเธอใสซื่อบริสุทธิ์ โล่เฉิงเป็นคนโดดเด่น ชาติตระกูลก็ดี เธอเคยแอบชอบอยู่สักพัก

หลังจากนั้นได้ยินมาว่าเขาเป็นคุณชายเจ้าสำราญ ล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น เป็นผู้ชายสารเลวเต็มตัว หานหยู่เยนก็ไม่ชอบอีกเลย

ตอนนี้ เธอแต่งงานแล้ว อีกอย่างสามีของเธอโล่เฉินก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์จริงๆ กลับมีความลึกลับมากมาย หานหยู่เยนยิ่งไม่มีทางที่จะหักหลังอย่างแน่นอน

เที่ยงตรง ได้เริ่มทันข้าวกันแล้ว

“ดาวน้อย ทานเยอะหน่อยนะ ถือซักว่าเป็นบ้านตัวเอง ไม่ต้องเกรงใจ” หลินเซียงหลันตักกับข้าวให้กับโล่เฉิงด้วยตัวเอง

สามปีมานี้ คนที่เป็นลูกเขยอย่างโล่เฉินยังไม่เคยได้รับสวัสดิการแบบนี้

“ขอบคุณคุณน้าหลัน”

“ดวงน้อยจ๋า ตอนแรกที่นายบอกว่าจะจัดงานตำแหน่งผู้จัดการให้กับไอ้หมอนี่ เขาทำไม่ได้ นายดูสิว่าคุณน้าหานเป็นไง?” หลิวเซียงหลันยังจำเรื่องนี้ไว้ในหัว

หานหยู่เยนรู้สึกอับอายมาก ราวกับว่าขอทานกำลังไปขอร้องคนอื่นอยู่

โล่เฉิงอึ้งไปทันที รีบยิ้มแล้วกล่าว: “ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว รอให้ผมจัดการเรื่องบริษัทให้เรียบร้อยเสียก่อน ก็จะแจ้งให้คุณน้าหานไปทำความเข้าใจกับงาน”

“เจี้ยนเย่คุณดูสิ ดวงน้อยใจดีแค่ไหน”

“มาๆๆ มาดื่มกัน”

หานเจี้ยนเย่ยกแก้วเหล้าขึ้น ใบหน้าเปล่งประกาย

เขาอยู่ตระกูลหานมักจะถูกเหยียบหยามและถูกข่มเหง แม้ว่าจะเป็นลูกชายของคุณย่าหาน แม้แต่ญาติพี่น้องก็กดขี่เขา

อยู่ในบ้าน ก็ถูกเมียด่าว่าไร้ความสามารถ เป็นคนขี้ขลาด

หานเจี้ยนเย่ก็ขมขื่นใจไม่น้อย และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าสามปีมานี้เขาทำไมถึงไม่ค่อยด่าว่าโล่เฉิน เขารู้สึกว่าเขาน่าสงสารเหมือนโล่เฉิน

ตอนนี้ เขามีโอกาสเป็นผู้จัดการของบริษัท มีความสุขโดยไม่ต้องสงสัย อยู่บ้านตระกูลหานก็สามารถที่จะเชิดหน้าชูตาขึ้นมาบ้าง ทำไมจะไม่ดีใจละ

บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศเป็นไปอย่างกลมกลืน

มีแต่หานหยู่เยนกับโล่เฉินที่ไม่ค่อยคุย

หลังจากที่ดื่มเป็นพิธี โล่เฉิงจึงได้วางตะเกียบลง จู่ๆก็พูดขึ้น “คุณน้าหลัน คุณน้าหาน จุดประสงค์ที่ผมมาครั้งนี้ ผมเชื่อว่าคุณน้าทั้งสองก็คงจะเดาออก”

ขณะที่พูด สายตายังได้มองไปทางหานหยู่เยน

“รู้แล้วรู้แล้ว”

หลิวเซียงหลันพยักหน้าอย่างแรง แล้วก็ขยิบตาให้กับหานหยู่เยนอย่างต่อเนื่อง แต่อีกฝ่ายทำเป็นหูหนวกตาบอก ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวของตัวเอง

ยัยเด็กบ้า

หลิวหลันเซียงข้างในเต็มไปด้วยความโกรธ ปากยิ้มแล้วกล่าว: “ดาวน้อย น้ากับน้าหานรู้ดีแก่ใจ แต่ว่า……….”

“คุณน้า มีอะไรก็พูดกันตรงๆเลยครับ”

“ช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังอ่อนไหว มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับหยู่เยนในเมืองเจียง ไม่รู้ว่านายเคยได้ยินมาบ้างหรือเปล่า?”

หยู่เยนทนไม่ไหว เรื่องแบบนี้ยังพูดออกมาได้ ไม่เท่ากับว่าทำให้เธอขายหน้าเหรอ

“แม่คะ ตั้งใจกินข้าวดีๆเถอะค่ะ!

“ยัยหนู ทำไมพูดแบบนี้ ลูกกินของลูกเลย อย่ามาแทรก” หลิวเซียงหลันถลึงตาใส่

โล่เฉิงพยักหน้า กล่าว: “คุณน้าหลัน เรื่องนี้เคยได้ยินมาจริงๆ ผมเชื่อว่าหยู่เยนไม่ใช่คนแบบนั้น ที่ประธานของบริษัทเฉิงหยู่ตกลงเซ็นต์สัญญา ต้องเป็นเพราะตัวหยู่เยนนั้นมีคุณสมบัติดีพอ”

“แม้จะพูดแบบนี้ หากหยู่เยนหย่าตอนนี้ก็เท่ากับว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง น้าชื่อว่านายก็คงไม่อยากให้หยู่เยนต้องเสียชื่อเสียมั้ง”

หลิวเซียงหลันพูดได้จริงจังมาก ไม่ไว้หน้าของโล่เฉินโดยแม้แต่นิดเดียว

แม่ยายที่อยู่ต่อหน้า กำลังคุยเรื่องแต่งงานใหม่ของลูกสาวกับคนนอก ผู้ชายปกติที่ไหนจะทนกับความอัปยศแบบนี้ได้

หานเจี้ยนเย่ก็อึดอัดมาก ก้มหน้าไม่พูดไม่จา

ในใจของหานหยู่ถิงรู้สึกขยะแขยง เธอแอบมองโล่เฉินอย่างเงียบๆ พบว่าสีหน้าของเขาไร้ความรู้สึก นิ่งและสงบ

“เฮ้ จนปัญญาและไม่มีคนช่วย การไม่พูดยังสามารถรักษาศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่อันน้อยนิดไว้ได้ ยังถือว่าฉลาด”

หานหยู่ถิงแอบถอนหายใจ แม่ก็จริงๆเลย “เรื่องแบบนี้พูดกันลับหลังได้ก็ได้ พูดต่อหน้าโล่เฉินจะรับได้ยังไง อย่างไรเสียก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งสามปี”

สำหรับหานหยู่เยน ข้างในใจลุกโชนด้วยไฟโกรธนานแล้ว

แต่แล้ว ฝั่งโล่เฉินไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ อีกฝั่งน้องสาวตัวเองก็ใช้มือกดขาของตัวเองไว้อย่างเต็มกำลัง ดังนั้นเธอจึงไม่ทำผลีผลาม ได้เพียงแต่อดทน

ไฟโกรธทำให้เธอเหงื่อไหล

“คุณน้าหลัน คุณน้าต้องการให้ทำยังไง?”

“ส่งสินสอด มาสู่ขอหยู่เยนแล้วแต่งงานอย่างเป็นทางการ”

หลิวเซียงหลันสรุปสุดท้าย

ทันใดนั้น บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

โล่เฉินลูบที่มือของหานหยู่เยนเบาๆ ส่ายหัวเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เธอไม่ต้องโมโห

“แม้ว่าความสามารถของตระกูลหานไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ก็ถือเป็นตระกูลเศรษฐี หานหยู่เยนของบ้านเราก็เป็นลูกสาวที่สืบทอดโดยตรง ตอนนี้ก็ยังรับผิดชอบโครงการของบริษัทเฉิงหยู่”

น้ำเสียงของหลิวเซียงหลันแฝงความหมายที่ไม่อาจจะโต้แย้ง พูดอย่างแน่วแน่น: “ส่งสินสอดมาตามธรรมเนียม สามวันแต่งเข้าไป พิธีการไม่สามารถขาดแม้แต่พิธีการเดียว”

“เมื่อทำแบบนี้ ก็สามารถที่จะลบล้างข่าวลือภายนอก ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แบบนี้ไม่ดีเหรอ!”

หานเจี้ยนเย่ตบมือ หัวเราะกล่าว “เมียจ๋า ความคิดนี้ของคุณดีมากเลย”

หลิวเซียงหลันภาคภูมิใจจนเชิดหน้าขึ้น แล้วถาม: “ดวงน้อย นายคิดยังไง?”

“ฮ่าๆๆ!”

เวลานี้ โล่เฉิงก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ ทำให้ผู้คนเดาไม่ออก

จากนั้น ก็ฟังเขาพูดอย่างลับลมคมใน “คุณน้าหลาน สินสอดผมได้ให้คนส่งมานานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“นายว่าอะไรนะ?”

“ในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 70 ของคุณย่าหาน มุงกฎหงส์ ไข่มุกปรารถนา โคมไฟเลี่ยมทอง เงินสดสิบล้าน ผมไม่ได้ตกหล่นแม้แต่อย่างเดียว แค่ไม่กี่วันเอง คุณน้าหลานก็ลืมแล้วเหรอ?”

ว้าว!

คำพูดเหล่านี้ เมื่อได้ยินแล้วหลิวเซียงหลันและคนอื่นๆต่างตกตะลึง

ใบหน้าของหานหยู่เยนเต็มไปด้วยความตกใจ สินสอดโล่เฉินเป็นคนส่งมาไม่ใช่เหอ รีบเธอหันไปมองข้างๆอย่างสับสน……

มุมปากของโล่เฉินกระตุกไม่อยู่ แววตากะพริบผ่านด้วยแสงที่เย็นชา เขาแอบสาปแช่งผู้ชายคนนี้ว่าไร้ยางอาย

เรื่องสินสอดยังกล้าแอบอ้าง

ไอ้หน้า_ นี่มันใช้เงินของฉันมาเล่นผู้หญิงของฉัน ยังมาวางมาดต่อหน้าพ่อตาแม่ยายของฉันอีก

ช่างไร้ยางอายจริงๆ

จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

ได้รับความลำบาก เพื่อได้อยู่ต่อ ผมทนความอัปยศอดสู แต่งเข้าตั้งสามปี ถูกดูถูกและเยาะเย้ย ในสายตาของพวกเขา ผมเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ใครๆก็สามารถก้าวเหนือหัวผมได้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างหมา จนถึงวันนี้ ภัยพิบัติทุกๆอย่างผ่านไป…….เมื่อยิ่งใหญ่ขึ้นมา ทำให้คนบนโลกผวา!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท