บทที่ 36 เมียจ๋าดื่มไวน์ขวดนี้เถอะ
คำนับเรียกพ่อ ไม่งั้นจะตีขาให้หัก
เผด็จการ โอ้อวด โหดเหี้ยม อำมหิต
ภายในห้องเงียบงัน
หานหยุนเทายืนดูงิ้วอยู่ด้านข้างอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น เฮยหนิวยิ้มอย่างหยอกล้อ
หานหยู่เยนตกใจจนโมโห ตะโกนพูดว่า“เฮยหนิว ถ้าคุณกล้าทำร้ายร่างกาย ฉันจะต้องไปแจ้งความแน่ๆ ฉันกับประธานฟ่านหมิง
ของบริษัทเฉิงหยู่เป็นเพื่อนสนิทกัน มีน้ำยาคุณก็สู้กับประธานฟ่านดูสิ”
บริษัทเฉิงหยู่ ฟ่านหมิง!
เฮยหนิวรู้สึกยำเกรงในใจ นี่คือสิ่งที่เขากังวลมาโดยตลอด
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ กว่าจะได้ทำร้ายหานหยู่เยนโดยการรังแกผู้ชายของเขานั้นไม่ง่ายเลย ความรู้สึกสะใจเช่นนี้ทำให้เฮยหนิวหยุดไม่ได้
“บริษัทเฉิงหยู่มาจากที่อื่น เมืองเจียงก็ส่วนของเมืองเจียงสิ แต่ผมเป็นเจ้าถิ่นปินหู ฟ่านหมิงถือว่าเป็นอะไร ผมไม่กลัว!”
เฮยหนิวหัวเราะเยาะ พลางผิวปาก
โครมคราม!
ทันใดนั้น ด้านนอกมีผู้ชายร่างกำยำสูงร้อยเก้าสิบกว่าพุ่งเข้ามา ในมือถือไม้เบสบอลรอคอยคำสั่ง
หานหยู่เยนตกใจจนร่างรูปงามสั่นระริก แต่ปกป้องโล่เฉินอยู่ด้านหลัง “เฮยหนิว คุณอย่าเกินไปนะ อย่าลืมว่าตอนนี้ประเทศกำลังกำจัดงานอิทธิพลมืดอยู่นะ หากทำเรื่องใหญ่โตจะไม่ดีกับใครเลย!”
เฮยหนิวชี้โล่เฉินอย่างดูถูก
“หยู่เยน ลืมตาดูดีๆ ผู้ชายขี้ขลาดของคุณหลบอยู่ด้านหลังคุณ ไม่กล้าเอ่ยสักคำ อันนี้ไม่ใช่เศษสวะหรอกเหรอ!”
หานหยู่เยนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมโล่เฉินถึงไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“โล่เฉิน รีบคุกเข่าเดี๋ยวนี้”
หานหยุนเทาเห็นแล้วเกิดสนใจคิดอยากจะราดน้ำมันบนกองเพลิง พูดเสียงดุดันว่า “เศษสวะ ยังทึ่มอยู่ได้ พี่หนิวอารมณ์เสีย คุยไม่ลงเอยกัน นายก็เป็นตัวทำร้ายของบ้านตระกูลหานนะ!”
พูดจบ หานหยุนเทาก็จ้องหานหยู่เยน
“คุณรีบเกลี้ยกล่อมเศษสวะคนนี้เร็วๆ ให้เขาคุกเข่าเรียกพ่อ คุณเลี้ยงเขามาสามปี เสียสละแค่นี้ไม่มากไปหรอก หรือเขารู้สึกขายหน้า หยามศักดิ์ศรี?”
หานหยุนเทาพูดตำหนิว่า“เศษสวะคนนี้จะไปมีศักดิ์ศรีอะไรกัน ได้ยินมาว่าตอนอยู่ในบ้านก็ถูกหลิวเซียงหลันดุด่า ให้คุกเข่าอยู่บนแผ่นซักผ้า คุกเข่าให้ใครก็เหมือนกัน เร็วๆหน่อย!”
“โล่เฉินไปคุกเข่าบนแผ่นซักผ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หากพูดอะไรไม่เป็นก็หุบปากอยู่เฉยๆซะไม่มีใครคิดว่าคุณเป็นใบ้หรอก!”
หานหยุนเทาไม่ได้โกรธ แต่ยืดอกยืดไหล่ดูงิ้วต่อไป
เฮยหนิวกล่าว“ความอดทนของผมมีขีดจำกัด ให้เวลาคุณอีกหนึ่งนาที หวังว่าจะตัดสินถูกต้องนะ เพราะยังอายุน้อยๆอยู่
ถูกหักขาแล้วจะไปชื่นชมโลกอันกว้างใหญ่นี้ได้อย่างไร ใช่ไหม?”
“หักขาทิ้ง หยู่เยนคุณต้องคอยอยู่ดูแลผมไม่ห่างแล้ว”
ในที่สุดโล่เฉินก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาแล้ว
เฮยหนิวหยุดชะงัก จากนั้นก็หรี่ตาพูดเสียงเคร่งขรึม“พูดอย่างนี้แสดงว่าคุณปฏิเสธ?คิกคิก กล้าหาญดี”
“ฉันดูสิว่าใครกล้าลงมือ!”
หานหยู่เยนพิงไหล่โล่เฉินไว้ จ้องเขม็งผู้ชายร่างกำยำสองคนนั้น
แต่ราศีของเธอไม่ค่อยจะน่าเกรงขามเท่าใดนัก
โล่เฉินรู้สึกได้ถึงอาการสั่นของหานหยู่เยน เพราะก้นของเธอกำลังแนบอยู่กับซี่โครงด้านข้างของเขา
พอได้สัญญาณจากเฮยหนิว ผู้ชายกำยำก็ก้าวเท้ายาวเข้ามา
หานหยู่เยนรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แอบด่าโล่เฉินอยู่ในใจ ผู้ใหญ่ลึกลับคนนั้นจะเข้ามาช่วยเมื่อไหร่ ตอนนี้จะทำยังไงดี!
“รอเดี๋ยว”
ทันใดนั้นโล่เฉินก็ตะโกนพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค
เฮยหนิวรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก พูดจางๆว่า“เห็นแก่หน้าหยู่เยน ตอนนี้คุกเข่ายังไม่สาย”
“ไม่มีทางคุกเข่าหรอก ชาตินี้ก็ไม่มีทางคุกเข่า ตีคุณก็เปื้อนมือผมเปล่าๆ ผมเพียงแค่……”
โล่เฉินหันหน้าไปจับมือเล็กของหานหยู่เยน เอ่ยปากพูดว่า“เมียจ๋า คุณไปดื่มไวน์ขวดนั้นให้หมดเถอะ”
เงียบงัน
ห้องวีไอพีเงียบจนได้ยินเสียงเข็มตก แม้แต่ชายร่างกำยำทั้งสองคนก็รู้สึกมึนงง
เกิดอะไรขึ้น?
เพื่อความปลอดภัยและศักดิ์ศรีของตน จึงให้ภรรยาของตนไปดื่มไวน์หนึ่งขวด ผู้ชายคนนี้สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ แสดงว่าขี้ขลาดน่าดู
“ฮ่าๆๆ!”
เฮยหนิวกับหานหยุนเทาหัวเราะบาดหูยิ่งนัก หัวเราะจนตัวงอ หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา
“หยู่เยน ได้ยินหรือยัง เศษสวะคนนี้ให้คุณดื่มไวน์!”เฮยหนิวเช็คตา พูดพร้อมกับส่ายหัว“ผมนับถือคุณจริงๆ”
“แต่ว่าในเมื่อเป็นคนคุ้นเคย ผมก็จะอนุโลมให้ ดื่มไวน์ขวดนี้ให้หมด หมดจะปล่อยเศษสวะคนนี้ไป”
สีหน้าหานหยู่เยนแดงจนจะหยดเลือดออกมาได้แล้วเชียว ในใจเธอรู้สึกโกรธจนเพลิงลุกไหม้ คาดไม่ถึงว่าโล่เฉินจะเอ่ยสิ่งที่เกินเลยถึงเพียงนี้
เพื่อนึกถึงความปลอดภัยของตนจริงๆเหรอ?
แต่ต้องรู้ว่าหากเธอดื่มไวน์ขวดนี้ลงไปเมื่อไหร่……ไม่ ครึ่งขวด เธอก็จะสลบไปเลย ช่างปวดหัวเหลือเกิน
พอถึงเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้น!
โล่เฉินจะสามารถปกป้องเธอได้ไหม?
เฮยหนิวจ้องมองเธออย่างหิวกระหายมาโดยตลอด อยากได้ตัวเธอ ตนจะถูกเฮยหนิวที่เป็นผู้ชายสกปรกลวนลามหรือเปล่า
หลายวินาทีนี้หานหยู่เยนคิดอะไรมากมาย
บัดนี้เธอตัวเย็นแข็ง รู้สึกว่าคืนนี้ไม่น่ามาเลย ต้องโทษโล่เฉิน เพราะเขาเป็นคนตัดสินใจเอง ทำไมเขาต้องตัดสินใจแทนเธอด้วยนะ
ยิ่งคิดหานหยู่เยนก็ยิ่งโมโห
“โล่เฉิน คุณ……”
ก้มหน้า เธอสบตากับโล่เฉิน
มันเป็นแววตาอะไร?
เชื่อมั่นในตัวเอง……
ไม่ ไม่เหมือนเชื่อมั่นในตัวเอง แต่กลับเหมือนฮ่องเต้ที่กวาดสายตาจ้องมองประชาชนด้วยแววตาดูถูกทุกสิ่งอย่าง กระจายอำนาจควบคุมทุกอย่างออกมา ซึ่งให้ความรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจได้
คำพูดที่ถึงปลายลิ้นของหานหยู่เยนจึงได้กล้ำกลืนเข้าไป
“เมียครับ คุณไปดื่มเลย ไวน์แดงนั้นแพงมากเลยนะ พวกเราไม่มีปัญญาซื้อหรอก ถือโอกาสดื่มเยอะๆเลยนะ”
โล่เฉินเร่ง
หานหยุนเทาส่ายหัวมาโดยตลอดรู้สึกดูถูกโล่เฉินถึงขีดสุด
เฮยหนิวผิวปาก พลางยกคิ้วขึ้น“หยู่เยน ผู้ชายของคุณบอกให้คุณดื่มเยอะๆ อย่าทำให้เสียน้ำใจของเขาสิ!”
“ได้ ฉันดื่ม”
ไม่รู้เป็นเพราะอะไรในใจของหานหยู่เยนเกิดความเชื่อมั่นในตัวโล่เฉินขึ้นมา
เขาไม่ใช่คนโง่งม ในเมื่อกล้าพาเธอมาคงต้องมีแผนสำรองแน่ๆ อาจเป็นเพราะยังมาไม่ถึง ฉันต้องถ่วงเวลาเอาไว้
หานหยู่เยนกำลังคิดอยู่ในใจ
เธอเดินเข้าไปเอาขวดไวน์มา จ้องมองโล่เฉินยิ้มกลับเบาๆ
แล้วงั้นก็ดื่มแล้วกัน ต้องเสี่ยงแล้ว!
หานหยู่เยนเงยหน้าขึ้นดื่มไวน์เข้าปาก
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเธอน้ำตาไหล ไม่มีใครรู้ว่าเธอแอบสาบานว่าจะต้องนำตระกูลหานให้ใหญ่โต
อย่างนี้ถึงจะไม่ถูกคนอื่นรังแกอีก
โล่เฉินไม่มีได้แสดงสีหน้าอะไร แต่หัวใจกลับเต้นตึกตัก ความเชื่อใจของหานหยู่เยนทำให้เขาซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง
ดื่มไวน์หนึ่งขวดลงไปต้องเมาไม่รู้สึกตัวเป็นแน่ ต่อจากนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หานหยู่เยนก็ไม่รู้เลย ซึ่งก็คือมอบชีวิตไว้กับเขานั่นเอง
ความเชื่อใจเช่นนี้จะไม่ให้โล่เฉินซาบซึ้งได้อย่างไร
และยังมีลาโง่ที่ไม่รู้ความยังคิดจะได้ตัวหานหยู่เยนอีก ไอสังหารแผ่กระจายออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจโล่เฉิน
“ปิง”
ทันใดนั้นขวดไวน์ก็หล่นลงที่พื้นแล้วแตกหัก
ร่างกายของหานหยู่เยนโยกเยก ใบหน้าและติ่งหูต่างแดงระเรื่อไปหมด
“เมียจ๋า”
โล่เฉินเข้าไปอุ้มหานหยู่เยนวางไว้บนโซฟา
โปะโปะโปะ
เฮยหนิวปรบมือค่อยๆเดินเข้าไป“ตอนแรกคิดจะมอมหานหยู่เยนให้เมาต้องใช้เวลาหน่อย แต่ไอ้โง่อย่างนายช่วยผมได้เยอะเลย ผมอารมณ์ดี ไสหัวไป ไว้ชีวิตสุนัขอย่างนายก็แล้วกัน!”
โล่เฉินไม่ขยับ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อและเศษไวน์ทิ้ง
“หืม?”
เฮยหนิวหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์พลางพูดช้าๆ “ผมให้โอกาสนายมีชีวิตรอด นายไม่รักษาเอง ยังว่า……อยากเห็นผมเย็ดเมียกับตา!”
จุดที่ไม่ไกลออกไป หานหยุนเทาสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่คงที่
นึกถึงธุรกิจของตระกูลหาน เขาก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ คู่ต่อสู้หานหยู่เยนคนนี้จำเป็นต้องกำจัด สังคมก็โหดร้ายอย่างนี้แหละ ตระกูลใหญ่โตยิ่งโหดร้าย จะมีความเมตตาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
แต่ว่าหานหยู่เยนสวยจริงๆ
โดยเฉพาะตอนที่ดื่มไวน์จนเมามาย ใบหน้าแดงระเรื่อราวกับแอปเปิ้ลที่สุกแล้ว ทำให้คนอดจะกัดกินไม่ได้
“ไอ้เฮียเอ้ย เฮยหนิวเปรียบแล้ว”หานหยุนเทาบ่นพึมพำหนึ่งประโยค จากนั้นก็ออกจากห้องวีไอพีไปอย่างเงียบๆ
เฮยหนิวถอดเสื้อนอกออกเผยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เขาอดกลั้นไม่ไหวแล้ว ล้วงยาไวอากร้าออกมากินหนึ่งเม็ด
“พวกนายไปกดตัวไอ้บ้านั้นให้อยู่กับพื้น”
“รับทราบครับลูกพี่”
โล่เฉินใช้ผ้าพันคอสีดำบนโซฟาคลุมตัวหานหยู่เยนเอาไว้ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเบาๆ “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมต้องให้หานหยู่เยนเมา?”
“อ่อ?”เฮยหนิวประหลาดใจ“ไม่ใช่เพราะว่าเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากอันตรายหรอกเหรอ หรือนายจงใจมอบหานหยู่เยนให้ผม?”
“คุณคิดมากไปแล้ว ผมแค่ไม่อยากให้หยู่เยนเห็นการนองเลือดต่างหาก”
ซ่า!
ความเยือกเย็นแผ่กระจายออกมา อุณหภูมิด้านในห้องวีไอพีลดลงไปหลายองศา
“อะไร?”
เฮยหนิวไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่อาจไปครุ่นคิดได้
เพราะมีเงามืดได้แวบมาเข้า จากนั้นตัวเขาก็ลอยไปกระแทกกับโต๊ะเข้าอย่างจัง หัวแตกจนเลือดไหล ฟันหลุดออกเป็นซี่ๆ