บทที่13 สถานการณ์เลวร้าย
“คิดว่าฉันจะกลัวพวกคุณงั้นเหรอ!”
“ดีเลย รอฉันก่อน พี่เป้ามาแล้ว พวกคุณจะต้องร้องไห้”
โจวไท่ด่าออกไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร เหมือนจะตั้งใจพูดเสียงให้ทุกคนได้ยิน ด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว โจวไท่เปิดลำโพง
ตู๊ดๆ
ผ่านไปสักพัก ปลายสายก็มีเสียงเย็นชาลอยมา “ใครน่ะ?”
“พี่เป้า ฉันเอง อาไท่เอง พ่อของฉันคือโจวต้าไห่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันพวกเราเพิ่งไปกินข้าวกันเอง” โจวไท่ยิ้มออกมา
“คุณนี่เอง คุณมีเรื่องอะไรเหรอ?”
ในตอนนั้นเอง โจวไท่พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “พี่เป้า มีคนมาเหยียดหยามคุณน่ะ”
“หมายความว่าอะไร?”
“ที่KTVเรอัลมาดริด มีคนมารังแกเพื่อนของฉัน ฉันออกหน้าแทน แล้วบอกว่าฉันเป็นคนของคุณ คนกลุ่มนี้ไม่แยแสเลย แถมยังด่าคุณอีก พี่เป้า อย่าปล่อยไปแบบนี้นะ!”
พี่เป้าเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดเสียงเย็นชา “ที่KTVเรอัลมาดริดใช่ไหม ฉันอยู่ที่บาร์ใกล้ๆ นี่เอง รอฉันก่อนเถอะ เดี๋ยวจะไปหา”
โจวไท่ยินดีเป็นอย่างมาก “ได้เลยพี่ พวกเราอยู่ที่ห้องรับรองสุดหรูชั้นหกนะ”
หลังจากวางสายไป โจวไท่ก็มีท่าทีทระนง ก่อนจะยืดตัวขึ้นอย่างโอ่อ่า
คุณชายกับคุณหนูที่เมื่อครู่ยังดูเกรงกลัว ตอนนี้วางใจได้แล้ว สายตาที่มองไปทางโจวไท่นั้นเต็มไปด้วยความยกย่องกับเคารพ
หลี่เสว่หนิงเองก็กล้าหาญดี พลางพูดด้วยแววตาเกลียดชัง “พี่ไท่ คุณต้องแก้แค้นให้ฉันนะ ฉันจะตบหน้าไอผู้หญิงคนนี้สักหน่อย ให้เธอเอาหัวโขกพื้นเป็นการชดใช้!”
“วางใจเถอะ เดี๋ยวรอพี่เป้ามาก่อน คนพวกนี้ก็จบเห่กันพอดี!”
โจวไท่จุดบุหรี่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก
ไม่ถึงสิบนาที ทุกคนก็ได้ยินเสียงเดินมาทางข้างนอกห้องรับรอง จากนั้นก็มีชายร่างใหญ่เดินนำเข้ามา คนที่นำเข้ามานั้นดูทรงพลัง สวมเสื้อกั๊กขนาดเล็กที่มีหัวแบนและหน้ากว้าง
“เหอะ ใครใช้ให้กล้ามาทำร้ายคนของฉัน กินอะไรเข้าไปถึงได้กล้าขนาดนี้!”
“พี่เป้า คุณมาแล้ว”
เมื่อเห็น โจวไท่ก็มองด้วยความดีใจ ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว พลางชี้ไปที่ชายที่ใส่เสื้อคอจีนกับคุณหญิงบนโซฟา “พี่เป้า พวกเขาเป็นคนทำ!”
“ให้ตายเถอะ พวกคุณ……”
เพียงไม่นาน เสียงของพี่เป้าก็หยุดลง
โจวไท่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงชี้ไปชายที่ใส่เสื้อคอจีนแล้วพูดเสียงเย็นชา “พี่เป้ามาแล้ว คุณยังกล้านั่งอยู่อย่างนั้นอีก ยังไม่เข้ามาถามไถ่พี่เป้าอีก!”
“ถามอะไรกัน!”
พี่เป้ายกมุมมือขึ้นตบโจวไท่เข้าอย่างจัง
โจวไท่ถูกทำร้าย จนเอามือกุมหน้าด้วยความเจ็บจนอยากจะร้องไห้ “พี่เป้า คุณ คุณตบฉันทำไม?”
“ไอโง่ คุณกล้ามีเรื่องกับนายท่านเหรอ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วล่ะสิ!”
พี่เป้ามองโจวไท่ด้วยสายตาร้ายกาจ ก่อนจะหันไปมองทางโซฟา จากนั้นก็โค้งตัวเก้าสิบองศา พลางยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่าน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
ฉากนี้ มันทำให้โจวไท่รู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมา
เขากำลังทำตัวโง่ๆ ในตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าตัวเองก่อเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!
คนที่ทำให้พี่เป้าปฏิบัติแบบนี้ได้ เหมือนกับหนูที่เจอแมว คนแบบนี้มีไม่มากในเมืองเจียง เมื่อคิดถึงคำพูดของชายที่ใส่เสื้อคอจีนนั้น โจวไท่ก็มีแววตาหดลง พลางมีสีหน้าซีดเซียว
หงเหลยถิง?!
ผู้ชายคนนั้น คือ……
ไม่เพียงแค่โจวไท่ หานหยุนเทา หวังหยู่ หลี่เสว่หนิงทุกๆ คนต่างรู้ และรู้สึกได้ถึงการสั่นครืน จนตัวเอนเอียงไป
“เสี่ยวเป้า ปีกกล้าขาแข็งแล้วเหรอ!” ชายที่ใส่เสื้อคอจีนปรายตามอง ก่อนจะพูดออกไปเบาๆ
พี่เป้าตกใจจนตัวสั่น ก่อนจะฝืนยิ้มออกไป “นายท่าน จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ถ้าเกิดรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ ต่อให้กล้าขนาดไหน ฉันเองก็ไม่กล้าหรอก!”
“ไอเด็กนี่มันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”
“นายท่าน ไม่ได้รู้จักอะไรกัน พ่อของเขาโจวต้าไห่เลี้ยงข้าวฉัน ให้ที่พึ่งพิงฉันนิดๆ หน่อยๆ ให้ฉันออกหน้าเพื่อเตือนพวกทางภาคตะวันตกเมืองนิดหน่อย”
ในใจของพี่เป้านั้นเกลียดโจวไท่เป็นอย่างมาก วันนี้เกือบโดนฆ่า เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ก่อนจะปรี่เข้ามาเตะโจวไท่
“ให้ตายเถอะ ใครให้คุณไม่เคารพนายท่าน!”
“โอ๊ย อย่าทำร้ายเลย พี่เป้า หยุดเตะได้แล้ว จะตายอยู่แล้ว”
โจวไท่กอดหัวเอาไว้ พลางร้องขอเสียงดัง จะกล้าไปมีท่าทีทระนงเหมือนเดิมได้อย่างไร
เมื่อเตะต่อยจนเหนื่อยแล้ว พี่เป้าก็เอาโจวไท่ทิ้งไปที่ข้างๆ โซฟา ก่อนจะพูดว่า “รีบขอโทษนายท่านเร็วเข้า”
“ได้ๆ !”
ในตอนนี้ โจวไท่กลัวจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวโขกพื้น น้ำหูน้ำตาไหล “ท่านหง ขอโทษจริง ฉันมันตาไม่ถึงเอง”
“นายท่าน ฉันเป็นแค่นักเลงหัวไม้ตัวเล็กๆ ไม่รู้จักคุณ ขอให้คุณใจกว้างแล้วปล่อยฉันไปสักครั้งเถอะ”
“ฉันจะไม่กล้าอีกแล้ว ขอร้องท่านหงล่ะ”
หงเหลยถิงนั่งขึ้น ก่อนจะยืดตัวขึ้นพูด “คุณไม่ได้บอกเหรอว่าพ่อคุณที่ชื่อโจวต้าไห่รู้จักฉัน ไม่อย่างนั้น ให้เขาโทรมาหาฉัน”
โจวไท่อยากจะร้องไห้จนไม่มีน้ำตา พลางพูดออกมาว่า “ท่านหง ฉันแค่โม้ไปเท่านั้นเอง ตระกูลของฉันเป็นแค่ตระกูลระดับสอง ทำธุรกิจเล็กๆ พ่อฉันจะไปรู้จักคุณได้อย่างไร”
“นายท่าน คุณปล่อยฉันไปเถอะ!”
ทุกคนต่างมองกันเป็นไก่ตาแตก
โดยเฉพาะหวังหยู่ หลี่เสว่หนิง หานหยุนเทาและคนอื่นๆ คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดโจวไท่แค่ทำเป็นเก่งไปเท่านั้น แถมพวกเขายังเชื่ออย่างโง่งม
ตอนนี้ก่อเรื่องกับหงเหลยถิง ผลลัพธ์ไม่เป็นเหมือนที่คิดไว้ ถึงพวกเขาจะรวบรวมทุกคนในตระกูลมา ก็ไม่เพียงพอ หงเหลยถิงพูดเพียงครั้งเดียวก็เละเทะกันหมดแล้ว
“พวกคุณยังอึ้งอะไรกันอยู่ รีบคุกเข่าเอาหัวโขกให้ฉัน!”
พี่เป้าพูดเสียงดัง
หวังหยู่ หานหยุนเทาตกใจกลัวกันจนหน้าซีด ตอนนี้เห็นท่าทีโกรธของพี่เป้า จะไปลังเลอะไรได้อีก เขาร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหล
“โอ๊ะ ยังมีเพิ่มมาอีกสองคน……หยุดอยู่ตรงนั้น ใครให้พวกคุณออกไป!”
หน้าประตู โล่เฉินขมวดคิ้ว
เมื่อครู่กลุ่มของโจวไท่ปรี่เข้ามาในนี้ ตอนแรกหานหยู่เยนอยากจะกลับบ้าน แต่ความอยากรู้มันก็มีมาก จนโจวไท่โทรหาพี่เป้าจริงๆ หานหยู่เยนก็ยิ่งรู้สึกสนใจเข้าไปใหญ่
เลยดูมาจนถึงตอนนี้
เมื่อรู้ว่าขายคนนั้นคือหงเหลยถิง หานหยู่เยนก็ทำตัวไม่ถูก ตอนที่จะออกไปกับโล่เฉิน กลับถูกพี่เป้าเรียกเอาไว้
“โล่เฉินทำอย่างไรดี?”
หานหยู่เยนมีเหงื่อออกจากหน้าผาก ตัวสั่นเทา
“ไม่เป็นไร” โล่เฉินยิ้ม ก่อนจะจูงมือหานหยู่เยนพลางเดินต่อ
พี่เป้าโกรธมาก “เห้ย กล้ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อหน้านายท่าน ฉันจะเอาพวกเขามาให้ได้!”
ตอนนั้น ชายร่างกำยำสองคนเดินเข้ามา ก่อนจะจับเอาไว้ซ้ายขวา
โล่เฉินแววตาเป็นประกาย ก่อนจะหันตัวไปเตะ ด้วยความรวดเร็วนั้น ชายร่างกำยำทั้งสองตัวปลิวไปสามสี่เมตร ก่อนจะชนเข้ากับกำแพงของห้องรับรอง จนไม่เหลือสภาพ
“นักต่อสู้งั้นเหรอ?” หงเหลยถิงลืมตาขึ้นมอง
สายตาของคุณนายมองหานหยู่เยน ก่อนจะมองอยู่สักพัก จากนั้นจึงยิ้มเบาๆ พลางพูด:
“นายท่าน คุณชอบสาวน้อยบริสุทธิ์ไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงคนนั้นดูไม่เลวเลยนะ สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ดีกว่าหญิงที่แต่งหน้าเข้มพวกนั้นอีก ฉันว่า……เหมือนกับสาวพรหมจารีนั้นเลย นายท่าน คืนนี้สามารถเปิดงานได้เลยนะ!”
พูดจบ คุณนายคนนั้นก็ตะโกนขึ้นมา “เป้าจื่อ”
“นายหญิง ฉันเข้าใจแล้ว”
พี่เป้ายิ้มร้ายๆ ออกมา จากนั้นจึงสั่งชายร่างกำยำ พลางพูดว่า: “คุณเก็บผู้หญิงคนนี้เอาไว้ให้ฉัน ส่วนไอเด็กน้อยนั่นเอามาให้ฉัน”
“คุณมั่นใจเหรอว่าจะลงมือกับฉันน่ะ?”
“ทำไม คุณกลัวอะไรเหรอ?”
โล่เฉินมองอย่างไม่แยแส พลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย: “คุณไม่มีอะไรให้ฉันกลัว แม้แต่คนที่นั่งอยู่บนโซฟานั้นก็ไม่มีอะไรเช่นกัน!”
พี่เป้ามีสีหน้านิ่งลง ก่อนจำพึมพำเสียงเย็นชา “อายุไม่มาก แต่ปากดีจริงๆ ฉันอยากจะดูว่าคุณเก่งขนาดไหนเหมือนกัน”
“ให้พวกเธอออกไป ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง!”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน……”
พี่เป้าเพิ่งจะพูดจบ เสียงของหงเหลยถิงก็ดังขึ้น “เสี่ยวเป้า ให้พวกเขาออกไป”
“อ๋า ได้เลยนายท่าน”
พี่เป้าเตะโจวไท่ ก่อนจะด่าว่า: “หูตึงเหรอ ยังไม่รีบไปอีก!”
“ขอบคุณท่านหง!”
“ขอบคุณที่ท่านหงไว้ชีวิต!”
โจวไท่ หวังหยู่และคนอื่นๆ ออกจากห้องรับรอง ก่อนจะรีบปิดประตูเข้าอย่างจัง
หานหยุนเทาพบว่าหานหยู่เยนยังยืนอึ้งอยู่ตรงด้านนอกห้องรับรอง เลยด่าออกไปว่า “หานหยู่เยน คนโง่อย่างคุณ ยังจะยืนอึ้งอยู่ทำไม รีบไปสิ!”
“โล่เฉินยังอยู่ด้านใน!”
“นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมาเป็นห่วงไอคนไร้ประโยชน์นั่นอีก คืนนี้ถ้าเขาไม่ตายก็ต้องพิการ ใครให้เขาทำเป็นเก่ง เขาหาเรื่องเองทั้งนั้น รีบกลับบ้านเร็ว ก่อเรื่องกับท่านหง คุณจะตายหรือไม่ก็เรื่องของคุณแต่อย่ามาทำให้ตระกูลหานลำบากไปด้วย!”
หานหยุนเทาทพให้หานหยุนซีตกใจ คนด้านหลังวิ่งมา จากนั้นก็จับหานหยู่เยนวิ่งไปด้วย วิ่งไปพลางด่าไป
“ฉันยังต้องแต่งงานกับลูกหลานคนรวยนะ จะมาตายเพราะคนโง่ๆ อย่างคุณไม่ได้หรอก!”
“แต่ว่า โล่เฉินเขา……”
“ให้คนไร้ประโยชน์นั้นตายไปยิ่งดี จะได้ไม่ทำให้พวกเราตระกูลหานเสียหน้า”
เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น
คุณหนูคุณชายต่างวิ่งออกไปจากKTVเรอัลมาดริดเป็นกลุ่ม
ห้องรับรองเบอร์6 โล่เฉินมองพี่เป้า โดยที่ไม่มีท่าทีอยากจะจู่โจมเลย
เมื่อเห็นพี่เป้าปรี่เข้ามา เขาไม่แม้แต่จะเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะปัดหมัดของพี่เป้าออก และตบเขาจนกระเด็นไป
เพียงสองครั้งนั้น มันง่ายดายมากเลย ทั้งหมดไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำ
“อะไรเนี่ย!”
หงเหลยถิงตกใจอยู่ในใจ เขารู้ดีว่าเป้าจื่อนั้นเก่งขนาดไหน เคยฝึกยุทธ์มาแล้ว ร่างกายแข็งแรง ติดตามเขามาเกือบสิบปีแล้ว
ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เคยถือมีดเพียงเล่มเดียว แล้วไล่ตามคนเป็นสิบชนะมามากมาย
คนที่โหดร้ายขนาดนี้ กลับถูกจัดการง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ
“คุณเป็นใคร?”
“คุณไม่ต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร แล้วก็ไม่คู่ควรที่จะรู้”
หงเหลยถิงมีความโหดร้ายผุดขึ้นมาในตา ก่อนจะเอาปืนออกมา เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็ไม่เห็นใครแล้ว เพียงวินาทีเดียวก็มีเงาดำพาดผ่าน
“คุณ!”
โล่เฉินจับปืนได้ ก่อนจะใช้แรงทำให้มันอ่อนลง ก่อนจะบดขยี้ให้มันแตกสลาย
วิธีการแบบนี้นั้น ทำให้หงเหลยถิงตกใจกลัวจนนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะพูดด้วยความหวาดกลัวว่า: “คุณคือนักบู๊”
“อ๋อ?คุณเองก็รู้จักนักบู๊เหรอ!”
คนที่โชกโชนอย่างหงเหลยถิง สามารถปรับตามสถานการณ์ได้ดี เลยลุกขึ้นเอามือกุมกันเป็นหมัดเอาไว้ “คุณผู้ชายเป็นนักบู๊ ฉันนับถือเป็นอย่างมาก คืนนี้ถือว่าฉันผิดเอา ฉันจะชดใช้ให้คุณผู้ชาย เกิดเรื่องที่นี่ก็มห้จบที่นี่ ดีไหม?”
“คนที่หาเรื่องก่อนคือพวกคุณ อยากจะก่อเรื่องต่อก็คือพวกคุณ คิดว่าตัวเองเก่งเกินไปแล้ว!” โล่เฉินพึมพำเสียงเย็นชา
“งั้นคุณผู้ชายอยากจะให้ทำอย่างไร?”
ในฐานะที่หงเหลยถิงเป็นหัวโจกใต้ดินของเมืองเจียง ไม่ใช่ไม่เคยเจอเรื่องราวต่างๆ
เขาพูดทำเสียงต่ำจากนั้นจึงพูด: “คุณผู้ชายมีความสามารถในการสู้จริงๆ เลย แต่ก็แค่คนเดียว คุณผู้ชายไม่กลัวอะไรเลย แต่ผู้หญิงของคุณล่ะ?ถอยหนึ่งก้าวเพื่อปกป้องเธอ และครอบครัวของเธอ?”
โล่เฉินมีลมหายใจเปลี่ยนไป “คุณขู่ฉันงั้นเหรอ?”
“ไม่กล้าขู่หรอก”
หงเหลยถิงมั่นใจแล้ว เขาคิดว่าโล่เฉินไม่กล้าลงมืออีก
“ต่างคนต่างถอย ทุกคนจะได้เป็นเพื่อนกันได้ ต้องรู้จักขอบเขต ฉันเองก็ไม่กลัว ผ่านความลำบากมามาก เจออะไรมามากมาย แค่นี้ไม่ได้น่าเกรงกลัวมากหรอก”
ในตอนนี้เอง ในใจของโล่เฉินก็มีความอยากฆ่าขึ้นมาอีก