บทที่ 30 เมื่อสามสิบปีก่อน
ท่าทางที่ไร้เดียงสาของโล่เฉินทำให้โกตุนไม่รู้จะทำยัง เขาอั้นจนหน้าแดง สุดท้ายก็พูดออกมาหนึ่งประโยค
“เริ่มแรกคุณบอกเองว่าจะเอาปิ่น ทำไมถึงกลับลำ หรือว่าไม่มีปัญญาซื้อ แล้วคุณประมูลทำไม!”
“สองล้าน มันไม่คุ้ม”
โล่เฉินพูดอย่างสบายๆ ทำให้โกตุนเกือบจะกระอักเลือด
ใครก็รู้ว่าสองล้านมันไม่คุ้มค่า
ปิ่นเน่าๆแค่อันเดียว ราคาประมูลเริ่มต้นห้าแสนก็สูงอยู่แล้ว ตอนนี้อัพจนถึงสองล้าน ยังเป็นตัวเองที่เป็นคนเรียกราคานี้อีก
“คนกันเองทั้งนั้น อย่าอารมณ์เสียเลย น้องโก ฉันถอยให้หนึ่งก้าว ปิ่นนี้ให้นาย ฉันคิดว่าคุณหวางก็น่าจะดีใจไม่น้อย ใช่มั้ย”
โล่เฉินยิ้มตาหยีแล้วกล่าว
หวางเย่นเป็นคนฉลาด เธอรู้สึกกระวนกระวาย
เธอเพิ่งจะได้ใจโกตุน ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเลย ตอนนี้หากโกตุนต้องเสียเงินสองล้าน คืนนี้โกตุนคงก็ทรมานเธอจนตายแน่
“…………สองล้านครั้งที่สาม ยินดีกับคุณชายหมายเลข 108 ได้ของประมูลไปอีกหนึ่งชิ้น”
เสียงค้อนดังขึ้น
โกตุนหน้าซีด ร่างกายที่อวบอ้วนสั่นไม่หยุด
เดิมทีอยากจะแก้แค้นเรื่องที่เกิดขึ้นในไนต์คลับ สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ายกก้อนหินทุบเท้าของตัวเอง ต้องสูญเสียเงินสองล้านโดยใช่เหตุ
โกตุนจ้องมองหวางเย่นอย่างดุดัน คนนี้หดตัวเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
หานหยู่ถิงลูบหน้าอกตัวเอง หายใจโล่งอก กระซิบถาม “เจ้าแกะน้อย นายจงใจใช่มั้ย!”
“แน่นอน อยากจะแกล้งฉันเหรอ ไม่มีทาง”
“แล้วถ้าหากระหว่างนั้นโกตุนไม่เรียกต่อแล้วจะทำยังไง ไม่มีเงินจ่ายเราก็ตายแน่ ว่ากันว่าเบื้องหลังของบริษัทจัดการประมูลเฟยสื้อไม่ธรรมดา เจาะจงปั่นราคาในการประมูลจะถูกลงโทษอย่างหนัก” หานหยู่ถิงยังคงมีความกลัวอยู่
“เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว”
โล่เฉินมองขึ้นไปบนเวที
ผ่านเรื่องเล็กน้อยนี้ บรรยากาศในห้องประมูลก็เพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
เหมือนอย่างที่หลี่ชิงพูดเลย หลังจากปิ่นมรกตแล้ว ต่อมาก็จะเป็นการประมูลของที่มีราคาแพงและหายาก อย่างเช่นกระดาษยันต์ชุดนี้ที่กำลังประมูลกันอยู่
ยันต์พิชิตมารสิบใบ ยันต์ปลอดภัยสิบใบ ยันต์สมความปรารถนาสิบใบ
เหมือนดั่งคำโบราณ คนที่ยิ่งมีเงินยิ่งเชื่อเรื่องลี้ลับเหล่านี้
กระดาษยันต์ชุดนี้ ถูกมหาเศรษฐีท่านหนึ่งใช้เงินประมูลสามล้านประมูลไป แค่กระดาษก็มีมูลค่ามากถึงหนึ่งแสนหยวนแล้ว
จื๊ดๆ ความยากจนที่จำกัดจินตนาการของคนจริงๆ
“เฮ้ย มหาเศรษฐีคนนั้นโง่หรือเปล่า สามล้านเพื่อซื้อกระดาษบ้าๆนั่น” หานหยู่ถิงคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
โล่เฉินส่ายหัว แล้วกล่าว “กระดาษชุดนั้นมีประสิทธิภาพจริงๆ ไม่ได้เป็นกระดาษไร้ประโยชน์อย่างที่เธอพูด”
“อะไรนะ? ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้จริงๆเหรอ? อย่าล้อเล่นหน่อยเลยน่ะ ดูนิยายเยอะไปป่ะ มีผีสางเทวดาที่ไหนกันเล่า!” หานหยู่ถิงใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
โล่เฉินไม่ได้อธิบายต่อ
กระดาษยันต์ เขาก็วาดเป็น อีกอย่างวาดได้ดีกว่าที่ประมูลขายเสียอีก ผลก็ดีกว่ามากด้วย
นักบู๊ธรรมดาจะไม่มีฝีมือด้านนี้ คนที่สามารถวาดยันต์ได้เรียกว่าไสยเวทย์
นี่คือสิ่งที่อยู่ด้านหลัง ตอนนี้ไม่ขอพูดถึง
“ทุกท่านโปรดเงียบด้วย”
เวลานี้ บนเวทีชายชราได้กล่าวขึ้น “การประมูลได้มาถึงช่วงระยะเวลาสุดท้ายแล้ว สิ่งของที่เหลืออีกสองชิ้น บริษัทประมูลของเราได้ถูกคนไว้วานมา ของสิ่งนี้ไม่ใช้เงินตราในการประเมินค่า สิ่งสำคัญคือต้องการแลกเปลี่ยนของที่มีมูลค่าที่ใกล้เคียงกัน!”
ฉึบ!
คนในห้องต่างสนทนากัน กฎแบบนี้น้อยนักที่จะได้พบเจอ
“รีบเปิดออกมาดู มันเป็นของล้ำค่าอะไรกัน!”
“ใช่ อย่าพูดพร่ำอีกเลย!”
ชายชราหัวเราะฮ่าๆ แล้วกล่าว ก็ได้ ทุกท่านโปรดดูให้ละเอียด
เครื่องใช้บนโต๊ะนิทรรศการเป็นทรงกลม ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีเทา เมื่อผ้าสีเทาค่อยถูกเปิดออก จึงปรากฏรูปร่างหน้าตาที่แท้จริง
เป็นหินศิลา ดูเหมือนเดิมจะเป็นหกเหลี่ยม ตอนนี้เหมือนจะหายไปหนึ่งเหลี่ยม หินศิลาห้าเหลี่ยม บนแผ่นหินมีรอยร้าว รอยขีดข่วน
จุดเด่นก็คือ มีกลิ่นอายความผันผวนของชีวิตในโบราณ
“นี่มัน………”
ทันใดนั้น ม่านตาของโล่เฉินหดลง ไม่สามารถที่จะใจเย็นได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง
หินศิลานี้ช่างคุ้นเคยนัก
เมื่อสามพันปีก่อน ต้าหวี่แก้ไขน้ำท่วม หลายครั้งก็ไม่ราบรื่น โล่เฉินเห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับคนอื่น ดังนั้นจึงใช้พลังมหาศาลแกะสลักหินศิลาหกเหลี่ยมนี้ให้เขา
ใช้ทำอะไรนะ?
ใช้ในการปราบปรามสัตว์ประหลาดน้ำ
ก็เพราะนำมาปราบปรามสัตว์ประหลาดที่ต้นน้ำ ต่อมาต้าหวี่จึงขุดคลอง จึงสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ไม่อย่างนั้น หากสัตว์ประหลาดในน้ำอาละวาดอีก ต่อให้ขุดเป็นหมื่นๆคลอง ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้
“สามพันปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นมันอีก”
โล่เฉินถอนหายใจ เขาตะโกนขึ้น “ผมจะแลกเปลี่ยน”
หานหยู่ถิงสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น หันหน้าไปมอง “นายตะโกนทำไมเนี่ย!”
โล่เฉินไม่ได้สนใจ ยืนขึ้นมาตะโกนอีกครั้ง “เจ้าหน้าที่ รบกวนแจ้งให้กับทางผู้ขายหน่อย ผมมีของที่เขาต้องการอย่างแน่นอน รับรองจะทำให้เขาต้องพอใจ”
ชายชราเห็นว่าไม่มีคนสนใจหินศิลานี้เลย ตอนนี้มีคนเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยน เขาไม่มีทางที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว
“รอสักครู่ครับ ผมให้คนไปถามก่อน”
“โอเค”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้จากไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ได้กลับมาบอกชายชราเพียงคำเดียว
ก็เห็นชายชราตอบกลับ คุณชายท่านนี้ ฝ่ายขายตกลงแล้ว หลังจากที่สิ้นสุดการประมูล เชิญไปพบการส่วนตัวที่ด้านหลังเวที ตอนนี้หินศิลายังให้คุณไม่ได้
“ก็ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว”
โล่เฉินนั่งลงมา มีความสุขอย่างมาก
หานหยู่ถิงเริ่มหยิกเขา เหมือนแม่เสือตัวหนึ่ง ด่าเขาด้วยเสียงต่ำ: “นายเป็นบ้าอะไรอีก หินศิลานั้นเป็นของรองสุดท้ายในการประมูล แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันต้องมีค่าอย่างแน่นอน ไม่แน่อาจจะเป็นของราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่ง พี่จะเอาอะไรไปแลกเปลี่ยน ชีวิตเหรอ!”
“วางใจเถอะ ฉันรู้ตัวเองดี รีบดู ของชิ้นสุดท้ายขึ้นมาแล้ว!”
หานหยู่ถิงถูกเขาเบ่งเบนความสนใจจนสำเร็จ
เพราะว่า ของชิ้นสุดท้ายที่ประมูลนี้ถูกโชว์ออกมาโดยตรง เป็นเห็ดหลินจือพันปี
“ทุกท่านต่างก็เห็นแล้ว นี่ก็คือเห็ดหลินจือพันปี สามารถยืนยันจำนวนปีโดยไม่ต้องสงสัย มีมูลค่าแค่ไหนเชื่อว่าทุกท่านก็น่าจะรู้ดี”
ชายชรากวาดสายตามองไปหนึ่งแล้ว พูดอย่างแข็งขัน ไม่มีราคาเปิด สามารถเพิ่มราคาได้โดยไม่จำกัด ทุกครั้งที่เพิ่มห้ามต่ำกว่าหนึ่งแสน
โวง!
ความคิดของโล่เฉินกำลังพลุ่งพล่าน เห็ดหลินจือพันปีเป็นของดีมาก สามารถเพิ่มพลังเรกิที่บริสุทธิ์เป็นพันปี เหมาะกับการฟื้นของเขาอย่างมาก
ห้องอักษรสวรรค์หมายเลขสอง
ฟ่านหมิงสังเกตโล่เฉินอยู่ตลอดเวลา เห็นว่านิ้วมือซ้ายของเขากระดิกที่แขนไปสามที ก็เข้าใจแล้ว ก็พูดเปิดราคา “แปดล้าน!”
แม่ง!
ราคาที่กล่าวมานั้น ทำให้ผู้คนตกใจไม่น้อย
“ห้องอักษรสวรรค์หมายเลขสอง สมควรเป็นผู้มีอิทธิพลจริงๆ เปิดราคาก็แปดล้านเลย”
“สำหรับคนธรรมดาของนี้ไม่มีประโยชน์อะไร มันไม่ใช่ยาวิเศษ ที่กินแล้วจะกลายเป็นเทพ เหมาะสำหรับคนที่ร่างกายอ่อนแอเท่านั้น มันมีค่าจริงแต่มันก็ไม่คุ้ม!”
“ดูท่าแล้วเห็ดหลินจือนี้ ผู้มีอิทธิพลของห้องอักษรสวรรค์หมายเลขสองคงได้ไปอย่างแน่นอน”
เพิ่งจะพูดจบ
เสียงที่กังวานของหญิงสาวคนหนึ่ง ดังสนั่นไปทั่วห้อง สิบล้าน
ห้องอักษรสวรรค์หมายเลขหนึ่ง ก็เป็นผู้มีอิทธิพลอีกท่านหนึ่ง!
“สิบสามล้าน” ฟ่านหมิงเพิ่มราคา
“สิบห้าล้าน ห้องอักษรสวรรค์หมายเลขหนึ่ง!” ได้ส่งเสียงที่เฉียบขาดออกมา
ฟ่านหมิงขมวดคิ้ว มองไปที่โล่เฉิน เห็นนิ้วมือยังคงขยับอยู่ ก็ได้ตะโกนไปอีกครั้ง: “สิบแปดล้าน!”
จื๊ด
ผู้คนที่นั่งในชั้นธรรมดาต่างสูดลมหายใจ แม้จะเป็นเห็ดหลินจือพันปี แต่เรียกไปตั้งสิบแปดล้าน มันก็โอเวอร์เกินไปหรือเปล่า
หัวใจของหานหยู่ถิงเต้นตุบตับๆ “แบบนี้ถึงจะเป็นคนมีเงินซินะ เห็ดหลินจืออันเดียวก็สามารถเทียบเท่าทรัพย์สินของตระกูลหานทั้งหมด น่ากลัวมาก!”
โล่เฉินหัวเราะแต่ไม่พูด
ในห้องประมูลต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน ไม่นานนักก็เงียบสงบลง
“ไม่มีคนเพิ่มราคาแล้วใช่มั้ย?”
ชายชราถาม แล้วหยิบค้อนขึ้นมา
ในเวลานี้ ห้องอักษรสวรรค์หมายเลขหนึ่งหญิงที่มีอิทธิพลก็ได้พูดขึ้น “ยี่สิบล้าน เห็ดนี้มีประโยชน์ต่อฉัน โปรดไว้หน้าฉันด้วย”
ฟ่านหมิงขมวดคิ้ว คิดในใจ
ในเมื่อสามารถมานั่งอยู่ในห้องวีไอพีหมายเลขหนึ่ง ฐานะก็ต้องไม่ธรรมดา น่าจะไม่ใช่คนเมืองเจียง มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมาจากเมืองเอกอย่างจีนหลิง
พ่อเขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของเจียงโจว แต่ไม่ใช่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในเมืองเอก
เพียงแต่ เมื่อมาคิดถึงความน่ากลัวของโล่เฉิน ฟ่านหมิงก็ไม่กลัวแล้ว พูดอย่างเด็ดขาด: “ขอโทษด้วยคุณผู้หญิง เห็ดหลินจือนี้ผมก็ต้องการเหมือนกัน ยี่สิบห้าล้าน หากคุณต้องการก็เพิ่มราคาได้เลย ผมยินดีตาม!”
“คุณ!”
หญิงสาวโกรธมาก สุดท้ายก็พูดอย่างคนแพ้: “ถือว่าคุณโหด”
“ป้าง!”
ชายชราไม่ได้ย้ำเลย ก็ทุบค้อนลงมาทันที “ยินดีกับท่านที่อยู่ห้องอักษรสวรรค์หมายเลขสองด้วย ได้เห็ดหลินจือพันปีของเราไป”
ในห้องประมูล ผู้คนต่างถอนหายใจ
โล่เฉินตื่นเต้นเล็กน้อย ลุกขึ้นก็เดินไปเลย “หยู่ถิง เธอกลับไปก่อน ฉันยังมีธุระอีกนิดหน่อย”
“อย่าคิดจะทิ้งฉัน!”
หานหยู่ถิงจับโล่เฉินไว้อย่างแน่นๆ ทั้งสองคนเดินมาถึงด้านหลังเวที
ชายชราผมขาวก็เดินเข้ามา หัวเราะกล่าว: “คุณชาย ไม่ทราบว่าจะเรียกคุณว่าอะไร?”
“แซ่โล่”
คุณชายโล่ ตามผมมา คนขายรอท่านนานแล้ว
เดินโค้งไปโค้งมา ก็ได้มาถึงห้องส่วนตัวสไตล์โบราณห้องหนึ่ง
ชายชราผมขาวหันหน้ามากล่าว: “ขอโทษครับ คุณชายเข้าไปได้เพียงคนเดียว คุณผู้หญิงท่านนี้โปรดรออยู่ข้างนอก”
หานหยู่ถิงจำยอม ที่นี่เป็นบริษัทจัดการประมูลเฟยสื้อ เธอไม่กล้าที่จะแสดงอารมณ์โมโห
โล่เฉินผลักประตูเข้าไป แล้วก็ปิดมัน
ในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม บนโต๊ะเป็นผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าทะมัดทะแมง
สีหน้าเย็นชา รูปร่างสูงเพรียว ลมหายใจแข็งแรง สิ่งที่ทำให้โล่เฉินประหลาดใจก็คือ เธอคือนักบู๊คนหนึ่ง
อย่าชักช้าเลย รีบเอาออกมาเถอะ
ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถมาก จีบชาอยู่ ชำเลืองมองมาทางโล่เฉิน “คุณเป็นคนพูดเอง รับรองว่าฉันจะพอใจ หากฉันไม่พอใจ ผลลัพธ์คุณต้องรับผิดชอบเอง”