บทที่48 รีบไปเชิญโล่ไต้ซือ
“คุณท่าน พวกเราดูแล้ว คิดว่าโล่เฉินแค่มีเส้นสายกับตระกูลเสี้ยง แต่ตอนนี้ดูแล้ว เขามีกำลังมาก อีกอย่างอาจจะไม่ได้น้อยไปกว่าตระกูลเสี้ยงเลย”
พี่เป้ามีเสียงหนักแน่น ใบหน้ามีความเคารพ “เจ้าสัวของเจียงโจวเป็นนักเรียนของเขา ถ้าเกิดว่าเรื่องมันเผยออกไป เกรงว่าเจียงโจวจะกลับตาลปัตร ตระกูลหานอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ได้”
“คุณกล้าพูดเหรอ?” หงเหลยถิงปรายตามอง
พี่เป้าตัวสั่น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย: “คุณท่าน เมื่อครู่โล่เฉินบอก ถ้าเกิดว่าพวกเรากล้ำกลืนส่วนที่พิการของต้ายเหรินจง ก็ต้อง……”
“เหอะๆ โล่เฉินคนนี้ทะเยอทะยานจริงๆ เลย ให้ฉันไปติดตามเขา”
หงเหลยถิงเบ้ปาก รอยยิ้มนั้นกลับเย็นชาเป็นอย่างมาก
“คุณท่าน คุณอยากจะออกจากภายใต้ตระกูลเสี้ยง ก็ไม่สามารถเป็นลูกน้องของโล่เฉินได้ งั้นก็ไม่ได้แล้วหรือเปล่า?” พี่เป้ารู้สึกเสียดายมาก
ต้ายเหรินจงมีธุรกิจใหญ่มาก แค่บ่อน แต่ละปีก็ได้กำไรเยอะกว่าตระกูลชั้นหนึ่งของเมืองเจียงเสียงอีก
ในขณะเดียวกัน ต้องมีเส้นสาย
เป็นไปตามที่บรรพบุรุษพูดกัน ว่าคนเก่าคนแก่สร้างร่มเงาไว้ให้ลูกหลาน
ต้ายเหรินจงสร้างเส้นสายมากมาย อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจมาก เพราะผู้มีอิทธิพลอำนาจพวกนั้นไม่ได้สนใจต้ายเหรินจง แต่สนใจกำไร
หงเหลยถิงเป็นตัวแทนต้ายเหรินจง เมื่อมีเส้นสายแทน ขอแค่กำไรไม่เปลี่ยนแปลง ผู้มีอิทธิพลอำนาจพวกนั้นก็ไม่มีทางเอ่ยปากถาม
“ต้องรวมกันสิ”
“คุณท่าน ฉันไม่เข้าใจ” พี่เป้ามีสีหน้าไม่เข้าใจ
หงเหลยถิงพึมพำ พลางพูดเสียงเบาๆ : “ถึงแม้ว่าโล่เฉินจะมีชื่อของเจ้าสัวอยู่ แต่ว่าเขาขาดกำลังของเขา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงอยู่กับเขา เขาไม่บังคับฉัน แต่ว่าฉันไม่มีทางไม่ไว้หน้าได้ ลองร่วมมือกันก่อนได้”
“อะเป้า เริ่มรับส่วนที่ใช้การไม่ได้ของต้ายเหรินจง รีบสร้างเส้นสาย ผู้มีอิทธิพลอำนาจพวกนั้นฉันต้องเข้าไปเยี่ยมทีละคน ให้พวกเขาคุ้นชิน เจ้าของบ่อนคนใหม่อย่างฉัน”
……
เมืองเจียง เขตด้านนอก
“แม่งเอ้ย น่ากลัวจริงๆ”
เฉินไต้ซือมีชื่อเสียงตั้งแต่ทางตะวันออกไปจนถึงตะวันตกเลย โล่เฉินรู้สึกกับเขามากเกินไป เป็นปรมาจารย์ไร้คู่ปรับ
“สัตว์ประหลาด”
“เด็กขนาดนี้ก็เป็นปรมาจารย์เลย อาจารย์ของเขาอาจจะเป็นเทพ!”
เฉินไต้ซือหายใจแรง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา จากนั้นโทรหา “ฮัลโหล เดี๋ยวฉันจะไปที่ชิงเฟิงซานจวน รีบอะไร”
“รบกวนอาจารย์รีบหน่อย งานวันเกิดจะเริ่มแล้ว”
“รู้แล้ว”
วางสายไป เฉินชางรีบเร่ง
หลังจากนั้นสิบหน้านาทีก็ไปที่ชิงเฟิงซานจวน จากนั้นโจวไท่ก็รอต้อนรับที่ประตู มีทางเดินยาวเข้าไปที่งานในร่ม
ในตอนนั้นเองล็อบบี้นั้นครึกครื้นดี
เฉินชางมานั่งข้างๆ โล่เฉิง ก่อนจะหยิบไวน์ขึ้นมา แล้วกระดกดื่มเข้าไป
“อาจารย์มีความสุขมากแล้ว ลิปสติกบนใบหน้ายังลบไม่ออกเลย” โล่เฉิงยิ้มเบาๆ ก่อนจะทักทายพนักงาน
พนักงานเช็ดลิปสติกให้เฉินชางอย่างละเอียด โล่เฉิงเงยคางขึ้น จากนั้นก็มองไป “อาจารย์ คนแก่กับวัยรุ่นคู่นั้นเป็นคนที่คุณท่านเสี้ยงเชิญมา”
“อ๋อ?”
เฉินชางกำลังสังเกต พลางส่ายหัว “ไก่อ่อนสองตัว ไม่ต้องคิดมาก”
“อาจารย์พูดแบบนี้ ฉันก็วางใจ”
โล่เฉิงเชื่อมั่นอย่างมาก แววตาเขานั้นมองเสี้ยงฉ่ายเอ่อกับเสี้ยงเหยาเหยา พลันรู้สึกใจลุกขึ้นเป็นไฟ
สามสาวสวยจีนหลิง ตระกูลเสี้ยงก็มีสองคนแล้ว
ทั้งสองคนมีเสน่ห์
พี่เสี้ยงฉ่ายเอ่อฝึกฝนบู๊ เป็นนักบู๊คนหนึ่ง เลยมีเสน่ห์มาก น้องสาวเสี้ยงเหยาเหยาเป็นคนที่สวยงาม และสง่างามของประเทศเลยล่ะ
ไม่ต้องพูดถึงโล่เฉิงว่าคิดอะไร ขนาดผู้มีอิทธิพลอำนาจอายุสี่ห้าสิบในงาน ยังมองหญิงสองคนนี้ตลอด จนติดตาเลยล่ะ
“ติ๊ง”
ตอนนั้นมีเสียงนาฬิกาดังขึ้น จากนั้นทั้งงานก็เงียบลง
“มีแขกมา”
เสี้ยงหยวนลุกขึ้น ก่อนจะกระแอม
ท่าทีแบบนี้ ทำให้โล่เฉิงยิ้มไม่หยุด
“ทุกคนเดาถูกแล้ว ข้างล่างนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิด ไม่พูดพร่ำทำเพลง อยากวัดกัน ก็ขึ้นมาประลองได้ แต่ว่าต้องเตือนก่อนนะ ว่าไม่ถึงการบาดเจ็บหรือถึงขั้นถึงชีวิต”
เมื่อพูดไป บอดี้การ์ดคนหนึ่งของผู้มีอิทธิพลอำนาจในจีนหลิงก็ขึ้นเวที
“ใครจะมาสู้กับฉัน”
“คุณปู่ ฉันอยากจะขึ้นไป เพื่อสู้ให้ตระกูลเสี้ยง” เสี้ยงฉ่ายเอ่อพูด
เสี้ยงหยวนไม่ปฏิเสธ “ได้สิ แต่ว่าต้องระวังนะ คุณเป็นหญิงสาว ไม่ต้องหักโหมมาก”
“วางใจเถอะ คุณปู่”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อตัวเบามาก เบากว่านี้หน่อย แล้วก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลอง
เมื่อบอดี้การ์ดผู้แข็งแกร่งเห็น ก็หัวเราะ: “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคุณหนูเสี้ยง ฉันเป็นคนโหดร้าย ถ้าทำให้คุณหนูบาดเจ็บมันจะไม่ดี คุณหนูลงไปเถอะ ให้พวกท่านชายมาสู้กับฉัน”
“คุณดูถูกฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่ ก็ได้ ในเมื่อคุณหนูสนใจ ฉันก็จะเล่นกับคุณหนู”
บอดี้การ์ดผู้แข็งแกร่งเองก็เป็นนักบู๊ ฝึกร่างมามากมายแล้ว และฝึกกำลังภายในได้แล้วด้วย
เสี้ยงฉ่ายเอ่อรู้สึกว่าถูกดูถูก เลยโกรธเล็กน้อย ก่อนจะลงมือไปก่อน
“ทำได้ดี!”
ชายผู้แข็งแกร่งนั้นเก่งจริงๆ เมื่อเดาว่าเสี้ยงฉ่ายเอ่อจะลงมืออย่างไรนั้น เขาก็หลบได้ ถึงจะมีการรับแรงได้บ้าง เสี้ยงฉ่ายเอ่อเองก็ถอยออก
เสี้ยงหยวนที่นั่งอยู่ด้านหน้าพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างขมขื่น “ฉ่ายเอ่อคนนี้ แข็งแรงเกินไปหรือเปล่า เธอเพิ่งฝึกกำลังภายในไม่นาน ยังไม่มั่นคง แต่ศัตรูเธอนั้นฝึกกำลังภายในมาปีสองปีแล้ว ออมมือให้แล้ว แต่ฉ่ายเอ่อยังดึงดันอยู่”
“โอ๊ย!”
ในตอนนั้นเอง เสี้ยงฉ่ายเอ่อถูกต่อยจนถอนไป เลยเซล้มลงไป
“คุณหนูฉ่ายเอ่อ”
ฉีหงร้องขึ้น ก่อนจะขึ้นไปที่เวทีประลอง
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อกัดฟัน หน้าแดง เหมือนจะสู้ให้ตระกูลเสี้ยงได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกแกล้งแบบนี้ จนทำให้คนอื่นหัวเราะได้
“คุณหนูฉ่ายเอ่อไม่ต้องลังเล อายุคุณยังน้อยเพิ่งยี่สิบต้นๆ ก็ฝึกกำลังภายในแล้ว มันยากมากเลย คนนั้นอายุสามสิบกว่าแล้ว ถึงจะมีกำลังแบบนี้ เหมือนพวกโง่เง่าจริงๆ เลย!”
ฉีหงมีปากเสียง ความหมายนั้นชัดเจนมาก
เสี้ยงฉ่ายเอ่อขมวดคิ้ว คิดว่าฉีหงพูดเกินไปหน่อย ถึงเธอจะแพ้ แต่ว่าก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไร
แค่ทักษะไม่ดีเท่า มันเป็นเรื่องปกติ
“คุณกล้าดูถูกฉันเหรอ!”
“คุณหนูฉ่ายเอ่อ คุณลงไปเถอะ ฉันน่าจะต้องล้มไอนี่ให้ได้ ให้เขาได้รู้บ้างว่าตระกูลเสี้ยงเก่งขนาดไหน!”
คำพูดของฉีหงทำให้เสี้ยงฉ่ายเอ่อไม่พอใจ ทำไมถึงทำให้ตัวเองเป็นคนของตระกูลเสี้ยง
ชายผู้แข็งแกร่งโกรธมาก เลยตะโกนด่าออกมา
“ไอสวะ!”
ฉีหงยิ้มมุมปาก เขานิ่งลง เท้าซ้ายอยู่ด้านหน้า เท้าขวาอยู่ด้านหลัง มือซ้ายอยู่ด้านหน้า ส่วนมือขวากำหมัดอยู่ด้านข้างเอว
ทันใดนั้น
เขาเตะเท้าทั้งสองข้าง ร่างก็กระเด็นออกไป ในขณะเดียวกัน ก็ต่อยออกไปด้วย
“โอ๊ย!”
วินาทีถัดมา ก็เห็นชายผู้แข็งแกร่งก็กระอักเลือดออกมาจากเวทีประลอง ก่อนจะลงไปกองอยู่ที่พื้น
เหิ้
ทุกคนหายใจด้วยความเยือกเย็น แข็งแกร่งจริงๆ
โล่เฉิงหันไป พบว่าเฉินชางกำลังกอดผู้หญิงแล้วดื่มเหล้า แล้วเดาได้ว่ากำลังวังชาไม่น้อยเลยทีเดียว และแน่วแน่มาก
“อ่อนแอเกินไปแล้ว จะมีใครมาประลองอีกไหม”
ฉีหงเอามือประสานไว้ข้างหลัง ก่อนจะขึ้นไปบนเวทีประลอง
เสี้ยงฉ่ายเอ่อไม่พอใจ คิดว่าคนคนนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว ความสำเร็จนั่นมีขีดจำกัดเช่นกัน
จากนั้น นักบู๊หลายๆ คนก็ขึ้นไปบนเวที ก่อนจะถูกฉีหงทำร้ายทั้งหมด
โล่เฉิงเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว เลยพูดเบาๆ ว่า: “อาจารย์ ตระกูลเสี้ยงหยิ่งผยองขึ้นมา ลงมือตอนนี้เลย”
“ก็ดี”
เฉินชางสนุกสนาน กินอิ่มสบายใจ
ปัดแขนเสื้อออก ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง
เขามองผ่านฉีหงไปมองหยางไต้ซือ พลางเรียก: “นี่คือลูกศิษย์ของคุณใช่ไหม ไม่เห็นเท่าไหร่ คุณลงมาเถอะ มาสู้กับฉันสักครั้ง”
“เว่อร์เกินไปแล้ว กล้ามาไม่เคารพอาจารย์ของฉัน ฉันอยากจะรู้สักหน่อยว่าคุณเก่งขนาดไหน!”
ฉีหงกำหมัดขึ้นมา
พลางรีบปรี่เข้ามา
เฉินชางไม่ได้ไปมองตรงๆ เขาตบทีเดียว ก็ทำให้ฉีหงกระเด็นไปไกล ก่อนจะชนเข้ากับกำแพง หัวเลือดไหล
“อาจารย์คุณไม่ได้เก่งเท่าไหร่ในสายตาฉัน คุณกล้ามาลงมือกับข้า ถ้าอยากฆ่าจริงๆ คุณก็ตายไปแล้ว!”
“คนเก่งของตารางจัดอันดับดิน!”
หยางไต้ซือที่อยู่ข้างๆ เสี้ยงหยวนตกตะลึง มีสีหน้าแน่นิ่งไป
เสี้ยงหยวนตกใจ พลางมองเฉินชาง แล้วถาม: “อาจารย์ คุณมั่นใจเหรอ?”
“น่าจะใช่”
หยางไต้ซือลุกขึ้นมา พลางพูดด้วยความจริงจัง: “ฉันไม่กลัว แต่ทำไมฉันถึงอยู่หนึ่งในตารางจัดอันดับดินล่ะ ถึงคนพวกนั้นจะแข็งแกร่ง ก็ไม่เป็นหนึ่งในสิบหรอก แต่ถ้าถัดลงไป ก็ห่างไม่เยอะแล้ว”
“งั้นก็ขอร้องอาจารย์ล่ะ”
หยางคือพยุงตัวเองเข้ามาที่เวทีประลอง ก่อนจะกำหมัดขึ้นมา “หยางคือ กล้าสงสัยใจชื่อเสียง ของผู้กล้าในตารางจัดอันดับดินงั้นเหรอ?”
“เฉินชาง”
“ตารางจัดอันดับดินไม่มีคนชื่อนี้ คนคนนี้ไม่ได้อยู่ในตารางจัดอันดับดิน” หยางคือวางใจลงเล็กน้อย
“ตารางจัดอันดับดินอะไร การจัดอันดับอะไรกัน มันเลื่อนลอยทั้งนั้นเลย”
เฉินชางไม่แยแส เมื่อคิดถึงตอนที่เจอปรมาจารย์ที่บ่อน เขาก็รู้สึกซึ้งใจขึ้นมา
“โลกนั้นกว้างใหญ่ มีคนแข็งแกร่งไม่น้อยเลย ส่วนคนที่แข็งแกร่งจริงๆ นั้นไม่สนใจชื่อเสียงหรอก ในสายตาพวกเขาพวกตารางจัดอันดับฟ้าและตารางจัดอันดับดินเป็นแค่เรื่องตลก”
หยางคือพูดออกมา
จิตวิญญาณนี้ ทำให้เขาถ่อมตัวลง
อันที่จริง เขารู้แล้วว่าไม่ใช่ศัตรู แต่ว่าตอบตกลงกับตระกูลเสี้ยง แถมยังรับการประโยชน์ของตระกูลเสี้ยง เขาไม่ลงมือไม่ได้แล้ว
“ไม่พูดเยอะแล้ว สอนฉันด้วยหมัดสิ”
“เข้ามา!”
เฉินชางทำเป็นเหมือนปรมาจารย์ ยืนไขว้หลัง
หยางคือไม่พอใจเล็กน้อย เขารู้ดีว่ามันเป็นคนที่แข็งแกร่งของตารางจัดอันดับดิน เลยแข็งแรงขนาดนี้ และใช้เคล็ดลับของพวกนักฆ่าอย่างตรงไปตรงมา
หมัดปืนใหญ่
ตามชื่อเลย มันทั้งเร็ว ทั้งแม่นยำ และโหดร้าย
บวกกับกำลังภายใน ที่กระจายออกมา
เฉินชางตกใจเล็กน้อย ก่อนจะจริงจังขึ้นมา
ทั้งสองคนต่อยกันราวๆ สิบกว่าครั้ง มันยากที่จะรบรากันได้ สุดท้ายเฉินชางก็ต่อยไปที่หน้าอกของหยางคือ จนกระเด็นลอยไปไกล
“แค่กๆ”
หยางคือกระอักเลือดออกมา ก่อนจะลุกขึ้นกำหมัดขึ้นมา “ขอบคุณพี่ที่ยังออมมือให้”
“ลงไปเถอะ คุณยังต้องฝึกอีกมาก”
เฉินชางทระนง
โล่เฉิงทรงนงเป็นอย่างมาก พลางหันไปมองตระกูลเสี้ยง แต่กลับเป็นใบหน้าเย็นชา
“ขอโทษด้วย ที่ทำให้พี่หยวนผิดหวัง”
เสี้ยงหยวนถอนหานใจ พลางโบกมือ “ไม่หรอก พี่หยางไม่บาดเจ็บก็ดีแล้ว”
“พ่อ ทำอย่างไรดี?” เสี้ยงจื้อสงใจเต้นแรง ทั้งหมดนี้เป็นเศรษฐีของจีนหลิง ถ้าเกิดว่าไม่ต้อนรับนักบู๊ที่ตระกูลโล่เชิญมาได้ ตระกูลเสี้ยงก็จะขึ้นไปเป็นอีกระดับหนึ่ง
ไม่เพียงแค่ระหว่างนักบู๊ด้วยกัน แต่รวมไปถึงทั้งสองตระกูลด้วย
“แพ้ก็แพ้สิ จะมีวิธีอะไรอีก” เสี้ยงหยวนรู้สึกปวดใจ
“ไม่ ยังมีหวัง”
ทันใดนั้น เสี้ยงฉ่ายเอ่อก็ร้องออกมา
“อะไร?”
“คุณปู่ คุณลืมแล้วเหรอ ยังมีโล่ไต้ซือ ฉันเชื่อว่าขอแค่เชิญเขามา ก็ต้องชนะเฉินชางได้แน่นอน”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อพูดอย่างมั่นใจ แน่วแน่เป็นอย่างมาก