บทที่ 52 วิกฤตของการแต่งงาน
ขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน
หานหยู่เยนถามขึ้นว่า: “คุณคงไม่ขับรถคันนี้กลับบ้านหรอกใช่ไหม? ”
“แล้วแต่คุณเลย คุณคิดจะขับกลับบ้าน ฉันก็ไม่ปฏิเสธ”
“อย่างงั้นก็คงไม่ต้องหรอก เกินหน้าเกินตาเกินไปมันไม่ดีสำหรับคุณ อีกทั้ง สถานะของฉันในตอนนี้ ก็คงไม่เหมาะสมที่จะนั่งรถยนต์โรลส์-รอยซ์”
โล่เฉินรู้อยู่แล้วว่าหานหยู่เยนเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ง่าย เขายิ้มแล้วพูดว่า: “งั้นก็ขายมันแล้วกัน อย่างน้อยคงจะขายได้ที่ราคาประมาณสิบห้าล้าน รวมกับเงินในธนาคารอีกสิบล้าน ก็เป็นยี่สิบห้าล้าน ฮิฮิ ตอนนี้คุณก็กลายเป็นเศรษฐินีน้อย ๆ แล้ว”
“ที่ไหนกัน”
หานหยู่เยนพูดออกมาแบบนี้ แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มอ่อนหวานที่ตื่นเต้น “เป็นสิ่งที่คุณเอาชนะกลับคืนมาได้ มันเป็นของคุณต่างหาก”
“คู่สามีภรรยาจำเป็นจะต้องแบ่งสันปันส่วนกันอย่างชัดเจนขนาดนี้เลยเหรอ ของฉันก็คือของคุณเช่นกัน”
“อย่าคิดว่าจะเอาเงินมาหลอกล่อฉันได้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นสักหน่อย”
หานหยู่เยนเหลือบตาขาว ย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ชิงเฟิงซานจวน เธอมีคำถามอยู่ในใจมากมาย
โล่เฉินเหมือนพอที่จะมองออกอะไรบางอย่าง จึงพูดขึ้นว่า: “ตอนนี้ไม่สามารถที่จะอธิบายอะไรให้คุณฟังได้ อนาคตฉันจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังอย่างละเอียด”
“ฉันทราบแล้ว”
หานหยู่เยนสูดลมหายใจลึก พูดด้วยสีหน้าที่แปลกประลาดว่า: “ใคร ๆ ก็พูดกันว่าคุณคือคนที่ไม่ได้เรื่องได้ราว แต่กลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วคุณคือคนที่มีความสามารถเก่งกาจมากกว่าคนทั่วไป”
“คนอื่นหัวเราะฉันว่าเป็นคนบ้า ฉันหัวเราะคนอื่นว่ามองตัวตนจริงของฉันไม่ออก”
เมื่อเหลือระยะห่างจากหมู่บ้านประมาณหนึ่งสถานีรถประจำทาง หานหยู่เยนก็ลงจากรถ โล่เฉินก็ขับรถต่อไปที่ตึกซิงหยุนเพื่อพบกับฟ่านหงชาง
ภายในสำนักงาน
ฟ่านหงชางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ รู้สึกว่าตนเองเชิดหน้าชูตาได้ “อาจารย์ ฉันรับทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่ชิงเฟิงซานจวนแล้ว สะใจจริง ๆ”
“เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย” โล่เฉินถามว่า: “ท่านคุณปู่ล่ะ”
“ออกไปที่อื่นแล้ว ฉันสั่งให้คนไปส่งเขาที่หมู่บ้านเหอฮัว”
โล่เฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว รถยนต์โรลส์-รอยซ์คันนั้นยังคงเป็นของคุณชายโล่ อีกทั้งฉันไม่ชอบที่จะเอิกเกริก นายช่วยจัดการขายทิ้งหน่อย แล้วโอนเงินเข้าบัญชีของฉัน”
“ตกลงอาจารย์”
ฟ่านหงชางหยุดชั่วครู่ แล้วรายงานว่า: “อาจารย์ หงเหลยถิงได้ฮุบส่วนที่เหลือของต้ายเหรินจงแล้ว ตอนนี้เป็นผู้ที่มีอำนาจที่สุดในสังคมอิทธิพลมืดแห่งเมืองเจียง คาดว่าเขานั้นจะตัดสินใจมาอยู่กับท่านแล้ว”
“นายคิดง่ายดายเกินไปแล้ว เขาคิดที่จะออกจากภายใต้การควบคุมของเสี้ยงจื้อสง แล้วทำไมจะมาอยู่กับฉันติดตามฉันได้ง่าย ๆ ล่ะ อย่างน้อย ก่อนที่ฉันจะมีอิทธิพลเหนือกว่าตระกูลเสี้ยง
หงเหลยถิงคงจะเพียงแค่ร่วมมือทำงานกับพวกเราเท่านั้น”
ฟ่านหงชางฮัมอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา อาจารย์ ฉันจะหาโอกาสสร้างความกดดันให้กับเขาเล็กน้อย”
“ไม่จำเป็น”
โล่เฉินโบกมือ “ฉันไม่ค่อยที่จะให้ความสำคัญกับหงเหลยถิงมากเท่าไหร่ หากมาติดตามฉันก็ถือว่าเป็นเรื่องดี หากไม่มาติดตามฉันก็ไม่นับว่าจะเป็นอันตราย นายช่วยฉันจับตาดูความเคลื่อนไหวของฉู่เฟิง”
“อาจารย์ ท่านให้ความสำคัญในตัวเขางั้นเหรอ? ”
“ห้าพันปีมานี้ ฉันมองคนไม่ผิดมาโดยตลอด นอกเสียจากคนทรยศในเมืองหลวงผู้นั้น”
“คิดไม่ถึงว่าเรื่องดังกล่าว จะทำให้โล่เฉินมีอารมณ์แปรปรวนถึงเพียงนี้”
“ฉู่เฟิงผู้นั้นคือสิงห์ร้าย หรือจะพูดว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะขึ้นมาเป็นสิงห์ร้าย ก่อนหน้านี้เขามี
ความกังวล แต่ตอนนี้ภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว ไม่มีพันธนาการอะไรอีกแล้ว อีกทั้งฉันเคย
ให้การรักษาพ่อที่ป่วยของเขา ฉันเชื่อว่าอีกไม่นาน เขาคงจะมาพบฉันแน่”
โล่เฉินมั่นใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มแรกที่เห็นบัตรประจำตัวประชาชนของฉู่เฟิง เขาก็มีลางสังหรณ์แล้ว
ฉู่เฟิงผู้นี้สุดยอดมาก
ณ บ่อนพนันใต้ดินในร้านสปา ถูกทุบตีขนาดนั้น ยังไม่มีเสียงร้องครวญครางออกมาแม้แต่นิดเดียว
ความอาฆาตแค้นที่ฆ่าภรรยา ก็จัดการล้างแค้นในที่แห่งนั้น สังหารอย่างเด็ดขาด
อารมณ์ที่เจ็บปวดทรมานสามารถอดกลั้นเก็บอาการได้ในฉับพลัน จิตใจลุ่มลึกคาดเดาได้ยาก
ลักษณะนิสัยทุก ๆ อย่าง ทำให้โล่เฉินชื่นชอบ มีความคิดที่จะต้องการเลี้ยงดูฝึกฝน
ฟ่านหงชางอายุมากแล้ว และคร่ำหวอดในวงการธุรกิจ เขาต้องการหนึ่งคนที่มาเป็นฮ่องเต้ในสังคมอิทธิพลมืด
หงเหลยถิงเจ้าเล่ห์เพทุบาย มักใหญ่ใฝ่สูง มีความคิดขัดแย้งทรยศ ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
หลังเคยผ่านประสบการณ์ที่ถูกหักหลังมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้โล่เฉินระมัดระวังอย่างมากในการคัดเลือกคน
“งั้นตามนี้ก็แล้วกัน”
ออกจากตึกซิงหยุน โล่เฉินนั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้าน
เมื่อเดินเข้าประตูบ้าน ก็พบว่ามีบรรยากาศบางอย่างที่ผิดปกติ
หานหยู่ถิงแอบส่งสายตาชำเลืองให้เขา โล่เฉินไม่เข้าใจ เขามองไปที่หานเจี้ยนเย่ที่หมอบฟุบอยู่ที่โต๊ะ และหลิวเซียงหลันที่นั่งพริ้มตาหน้าแดงอยู่บนโซฟา
นึกว่าจะมีเรื่องดีงามอะไรเกิดขึ้น
“คุณพ่อคุณแม่ ฉันกลับมาแล้ว”
“โล่เฉิน”
หลิวเซียงหลันลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้ามา “กลับมาก็ดีแล้ว ฉันจะบอกคุณว่า รีบหย่ากับหานหยู่เยนเดี๋ยวนี้ เมื่อสักครู่ซิงเฉินได้โทรศัพท์มาหา หากภายในสามวันยังไม่ทำการหย่า จะนำสินสอดแต่งงานกลับ”
“เออ……” โล่เฉินมุมปากกระตุก
เดิมทีคิดว่าแม่ยายหน้าแดงก่ำจะมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นซะอีก แต่ตอนนี้ดูแล้วว่า คงน่าจะทะเลาะกับหานหยู่เยนมา จึงโมโหอย่างรุนแรง
หานหยู่ถิงเอามือกุมที่หน้าผาก แอบด่าพี่เขยของตนเองว่าช่างโง่เขลาสิ้นดี
โล่เฉิน ฉันทราบดีว่านายคงไม่ต้องการที่จะทำแบบนี้ แต่นายต้องคำนึงถึงหยู่เยน คำนึงถึงตระกูลหาน และคำนึงถึงตัวเองด้วย
หานเจี้ยนเย่ขยับแว่นตาเล็กน้อย และเริ่มที่จะวิเคราะห์ด้วยเหตุผลอย่างตรงไปตรงมา
“หานหยู่เยนอยู่กับนายคงไม่มีความสุขอย่างแน่นอน แต่กับซิงเฉินจะไม่เป็นอย่างนี้ ฉันรับทราบแล้วว่า เขาคือคุณชายตระกูลโล่แห่งจีนหลิง สถานะแบบนี้ และยังชอบถูกใจหานหยู่เยน จึงเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อตระกูลหานและตัวของเธอเอง นายอย่าได้มาพัวพันอีกเลย ยิ่งจะถ่วงเวลาความสุขของหยู่เยน”
“ข้อที่สอง คุณย่าให้ความสำคัญอย่างมากต่อเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นไปไม่ได้ที่จะคืนสินสอดให้ นอกจากนี้ หากเธอทราบถึงสถานะของผู้ที่ยื่นสินสอด คงเห็นด้วยที่จะให้พวกคุณทั้งสองหย่ากันอย่างแน่นอน”
“สำหรับข้อที่สาม นายไม่มีภูมิหลังไม่มีคนคอยสนับสนุน ไม่มีกำลังอำนาจ หากยืนกรานที่จะไม่หย่า คงจะเป็นการยั่วยุให้ซิงเฉินไม่พอใจ เขาแค่เพียงกดโทรศัพท์ก็สามารถที่จะเอาชีวิตของนายได้ นายต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวนายด้วย! ”
เมื่อพูดจบ ดูเหมือนว่าหานเจี้ยนเย่จะรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองนั้นสวยงามฟังดูดีอย่างมาก
แปะแปะแปะ
เขาปรบมือให้กับตัวเอง ยิ้มและพูดว่า: “บทสรุปก็คือ การหย่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และจากที่นายได้เคยช่วยดูแลเอาใจใส่งานบ้านมาเป็นเวลากว่าสามปีมานี้ พวกเราได้ปรึกษาพูดคุยกันแล้ว จะให้เงินนายสามแสนเป็นค่าสำหรับการเริ่มต้นสร้างตัวใหม่”
โอ้โห่ ยังมีค่าสำหรับการเริ่มต้นสร้างตัวใหม่ด้วย
โล่เฉินอยากจะร้องไห้และหัวเราะ แต่ในจิตใจ ยังมีบางเรื่องที่สงสัยคลางแคลงใจอยู่
หากคุณย่าทราบถึงภูมิหลังของตระกูลโล่ ไม่แน่อาจจะจับแยกทั้งสองคนออกจากกันโดยที่ไม่คำนึงถึงเกียรติและศักดิ์ศรีเลย
ทำอย่างไรดี?
ทำอย่างไรจึงจะสามารถเปิดโปงคำโกหกของคนลวงโลกผู้นั้นได้ และเขาไม่ได้เป็นผู้ยื่นสินสอดนี้สักหน่อย?
“คุณพ่อคุณแม่ พวกคุณหยุดพูดได้แล้ว ทำให้พี่เขยหัวหมุนไปหมดแล้ว ฉันจะพูดเกลี้ยกล่อมพี่สาวและพี่เขยเอง เรื่องนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการ”
หานหยู่ถิงเดินเข้ามา จูงมือโล่เฉินเข้าไปยังห้องของหญิงสาว
หานหยู่เยนนอนอยู่บนเตียง หน้าผากประคบด้วยผ้าขนหนูเย็น
“เป็นอะไรไป ไม่สบายเหรอ? ”
“เปล่า โมโหมากจนปวดหัว”
หานหยู่เยนลุกขึ้นนั่ง มองไปที่หานหยู่ถิงด้วยหน้าตาที่สงสัย “ทำไมถึงขนาดต้องจูงมือพี่เขยด้วยเลยเหรอ”
“เชอะ” หานหยู่ถิงแลบลิ้นปลิ้นตา “หึงหวงเหรอ? ”
“ไม่ใช่แบบนั้น ความสัมพันธ์ของพวกพี่ทั้งสองดูเหมือนว่าจะไม่ราบรื่นอยู่ตลอด ไม่กี่วันก่อนคุณพี่ยังใส่ร้ายโล่เฉินว่าละเมิดสิทธิ์ เอาภาพลับส่วนตัวของคุณพี่ไปไม่ใช่เหรอ”
โล่เฉินก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ นั่งลงไปบนพื้นไม้เอนพิงกับเตียง หัวเราะแหะแหะแล้วพูดว่า: “สามปีแล้ว วันนี้เหมือนว่าเป็นครั้งแรกที่เรียกพี่เขยใช่ไหม ยอมรับฉันแล้วใช่หรือเปล่า”
“อย่าคิดมากจนเกินไป”
หานหยู่ถิงก็นั่งลงเช่นกัน กอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ บีบจมูกแล้วพูดว่า: เปรียบเทียบนายกับคุณชายโล่ผู้นั้น ฉันค่อนข้างที่จะไม่ชอบเขา ฉันรู้สึกว่าเขาจอมปลอมเกินไป และยังเป็นเพลย์บอยอีกด้วย หากพี่สาวอยู่กับเขา ไม่เพียงไม่มีความสุขแล้วกลับจะถูกรังแกทรมานอย่างหนักด้วย!
“สำเร็จ! ” (“bingo! ”)
โล่เฉินดีดนิ้วหนึ่งครั้ง พูดชมว่า: “ไม่เลวทีเดียว คุณยังไม่ถึงกับโง่เขลา”
หานหยู่ถิงเหลือบตาขาว แล้วถามว่า: “คุณพี่ แต่คุณพ่อคุณแม่และคุณย่า พวกเขาไม่ได้สนใจว่าชายผู้นั้นจะจริงใจหรือไม่จริงใจ พวกเขาให้ความสำคัญแค่เรื่องเงินทองและภูมิหลังของตระกูลเท่านั้น จะทำอย่างไรกันดี? ”
“ฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หานหยู่เยนมองไปที่โล่เฉิน เม้มกัดริมฝีปากแดง
“ฉันคิดก่อนนะ”
“โล่เฉินก็หมดหนทาง ใครจะทราบได้ว่าคนจอมปลอมผู้นั้นจะมาไม้นี้”
“แสดงสถานะตัวตนที่แท้จริง และบอกว่าสินสอดนี้เขาเป็นผู้มอบให้? ”
ไม่ได้ คงไม่มีใครเชื่อหรอก
ให้ฟ่านหงชางเป็นผู้ออกหน้าให้?
เป็นการกระทำที่ดูจะเกินไปหน่อย
จัดการสังหารคนจอมปลอมผู้นั้น?
วิธีการนี้เหรอ……
โล่เฉินครุ่นคิดหาวิธีในหัวสมอง วิธีการของเขา หากแอบลอบสังหารคนคนหนึ่งมันง่ายเกินไป โดยเฉพาะในเมืองเจียงด้วยแล้ว ฟ่านหงชางสามารถที่จะเก็บร่องรอยการลงมือกระทำต่าง ๆ ได้อย่างหมดจดง่ายดาย
แต่ว่า ตระกูลโล่คงไม่หยุดที่จะจองล้างจองผลาญเป็นแน่
ตระกูลครอบครัวใหญ่ระดับแนวหน้าของจีนหลิง ไม่สนว่าจะมีหรือไม่มีหลักฐาน หากคุณเป็นที่ต้องสงสัยก็สามารถจับกุมได้ทันที จับกุมผิดนับพันคนก็ไม่สนเพียงแค่ไม่ปล่อยให้ผู้ที่ทำความผิดลอยนวล
หรือจะต้องสังหารทั้งตระกูลโล่เลยเหรอ? !
“คิดออกแล้ว! ”
ประเดี๋ยว หานหยู่ถิงก็ร้องตะโกนขึ้น ลูกตาขนาดใหญ่กลอกกลิ้งไปมา พูดอย่างลึกลับว่า: “หรือไม่พวกคุณพี่ทั้งสองคนก็หนีตามกันไป”
“โอ๊ย”
หานหยู่ถิงกุมที่หน้าผาก “คุณพี่ มาตีฉันทำไม ฉันก็เพียงคำนึงเพื่อพี่เท่านั้น”
“โครงการที่ปินหูยังคงดำเนินการอยู่ ฉันจะไปได้อย่างไรกัน ไม่เอาคุณพ่อคุณแม่ ไม่เอาแกแล้วเหรอ หากฉันไปแล้ว ครอบครัวจะเป็นอย่างไร! ” หานหยู่เยนต่อว่าอย่างไร้อารมณ์
“ฮิฮิ คุณพี่ฉันก็เพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”
หานหยู่ถิงมุดเข้าไปในอ้อมอกของหานหยู่เยน พูดว่า: “ก็เป็นเพราะโล่เฉินไม่ได้เรื่องได้ความ หากเขาแข็งแกร่งมีอำนาจมากพอก็คงจะสามารถปกป้องคุณพี่ได้แล้ว”
“ห้ามพูดแบบนี้นะ” หานหยู่เยนหน้าแดง
อำนาจและความสามารถของโล่เฉิน มากเกินกว่าที่แกจะจินตนาการได้ หากไม่ได้ที่จะปกปิดเอาไว้ เพลย์บอยผู้นั้นก็คงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น
ก๊อกก๊อกก๊อก
ขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
หลิวเซียงหลันตะโกนเรียกเสียงดังอยู่ด้านนอก “ออกมาให้หมด ทุกคนออกมาให้หมด พวกเรารีบไปที่บ้านเก่าแก่กัน ได้ยินข่าวมาว่า ซิงเฉินไปบ้านเก่าแก่พบกับคุณย่า เพื่อพูดคุยเรื่องสินสอด”
อะไรกัน!
หานหยู่เยนตื่นตระหนกเล็กน้อย “โล่เฉิน ทำอย่างไรดี? ”
“ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่”
สีหน้าของโล่เฉินค่อนข้างหดหู่ คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้ที่ต่ำทรามถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นการเปิดหูเปิดตา
“ไปกันเถอะ ไปที่บ้านเก่าแก่ ดูสิว่าเขาจะมาเสแสร้งไม้ไหนอีก หากว่าเข้าตาจนจริง ๆ แล้ว ฉันไม่รังเกียจที่จะให้ตระกูลโล่แต่งตั้งคุณชายโล่คนใหม่ขึ้นมา