จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – ตอนที่ 104

ตอนที่ 104

เฟอร์รารีคันหนึ่งกำลังขับอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำหลิงสุ่ย

“ฮัลโหล พ่อ พ่อ ได้ยินไหม พ่อ … ”

ป๋ายอู๋จี้ตะโกนใส่มือถือ แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ จากนั้นเสียง “ตู๊ดตู๊ดตู๊ด” ก็ตามมา

ข้างคนขับมีชายอายุประมาณสามสิบปี ชื่อว่าฟางเหยียน เป็นนักบู๊กำลังภายในขั้นกลาง และเป็นลูกศิษย์ที่ว่านเห้อรับเอาไว้ มีหน้าที่ปกป้องป๋ายอู๋จี้โดยเฉพาะ

“คุณชาย โทรศัพท์ของท่านอาจารย์ก็โทรไม่ติด ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ พวกเรากลับไปไม่ได้ ต้องออกจากหลิงสุ่ยทันที ไปจีนหลิงเถอะ”

ฟางเหยียนกังวล “เมื่อครู่มีเสียงคำรามกึกก้อง ทั่วทั้งหลิงสุ่ยล้วนน่าจะได้ยินหมดแล้ว อีกทั้งทิศทางก็มาจากบ้านตระกูลป๋าย”

“เวรเอ้ย”

ป๋ายอู๋จี้ไม่กล้าเสี่ยง เมื่อนึกถึงน้ำเสียงหวาดกลัวของพ่อของเขาเมื่อครู่นี้ เขาจึงไม่กล้าลังเลอีกต่อไปและเลี้ยวรถไปทันที

……

บ้านตระกูลป๋าย ในซากปรักหักพัง

ป๋ายเจิ้งหรงตัวสั่นงกๆ โทรศัพท์มือถือตกลงบนพื้นและถูกโล่เฉินเหยียบขยี้

ว่านเห้อตายไปแล้ว

นี่คือไพ่ตายและที่พึ่งพาของเขา ตอนนี้กลับถูกชายหนุ่มตรงหน้าฆ่าทิ้ง เขาเองก็กลายเป็นปลาบนเขียงแล้วเช่นกัน

ไม่

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ทั้งตระกูลป๋ายกำลังจะถูกเชือด

“นายท่าน ผมไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้คุณขุ่นเคือง ได้โปรดช่วยแจ้งให้กระจ่าง หากเป็นตระกูลป๋ายของผมที่ทำไม่ถูก ผมจะต้องลงโทษจนกว่าคุณจะพอใจแน่นอน”

“ยังจะมาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ลูกชายนายทำอะไร นายไม่รู้หรือไง!”

ป๋ายเจิ้งหรงนึกขึ้นมาได้

ลูกชายของเขานิสัยยังไง เขาย่อมรู้ย่างแจ่มแจ้ง ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นว่า “ส่งหยู่ถิงมา” หรือว่าไอ้เด็กนั่นจะไปปล้นสาวชาวบ้านที่ไหนมาอีกแล้ว

ไอ้เวรนี่

ตนเตือนเขามาตลอดว่าอย่าทำอะไรประมาทเลินเล่อ ทำตัวให้ต่ำเอาไว้ ครั้งนี้ถึงกับก่อหายนะครั้งใหญ่ให้กับตระกูลแล้ว

แน่นอนว่าไป่เจิ้งหรงเองก็ไม่เคยดุด่าอะไรมากเกินไปเช่นกัน

ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะร้ายกาจถึงขนาดนี้ แม้กระทั่งตนเองยังมองพลาดไป ดังนั้นยิ่งต้องไม่พูดถึงป๋ายอู๋จี้

ได้แต่ต้องบอกว่าโชคร้ายเข้าเสียแล้ว ดันเตะเจอตอเข้าให้

“นายท่านอย่าเพิ่งโกรธ คุณหยู่ถิงจะต้องอยู่ในบ้านแน่ ผมจะให้….”

“นายท่าน ผมเห็นว่าตอนตกเย็นมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกพากลับมา และวางอยู่ในห้องทางฝั่งตะวันตก”

บนพื้น ศิษย์ของตระกูลป๋ายที่ศีรษะแตกเอ่ยปากขึ้น

ป๋ายเจิ้งหรงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เร็วเข้ารีบไปพาคุณหยู่ถิงมา ไปเดี๋ยวนี้!”

บ้านตระกูลป๋ายที่ใหญ่โตขนาดนี้ แค่คนรับใช้ก็เกินกว่าร้อยแล้ว ทุกคนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บเมื่อครู่ล้วนเป็นคนสำคัญของตระกูลป๋ายทั้งสิ้น ขณะที่คนรับใช้กลับไม่เป็นอะไร

ไม่นานนัก ชายสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเปลหามบนไหล่

บนเปลหานหยู่ถิงยังไม่ได้สติ แต่เสื้อผ้ากลับไม่เรียบร้อย ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง

เมื่อเห็นดังนั้น ดวงตาของโล่เฉินก็แทบจะปริแตก

ยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง

หยู่ถิงเธอถูก…..

“วูบ!”

เสียงคำรามดังขึ้น เศษหินดินทรายพัดปลิว รังสีสังหารปกคลุมทั่ว

ผมสีดำขลับของโล่เฉินตั้งขึ้น

ป๋ายเจิ้งหรงคลานไปบนพื้นด้วยความกลัว ราวกับสุนัขใกล้ตายตัวหนึ่ง

“นายท่านโปรดไว้ชีวิต”

“ไว้ชีวิต? ช่างไร้เดียงสา นายคิดว่าฉันจะปล่อยเสือกลับภูเขาหรือ”

ดวงตาของโล่เฉินปรากฏประกายวาบผ่าน เขาชี้ไปที่ด้านบนของดวงตาเล็กน้อย ราวกับกำลังดึงพลังอะไรบางอย่างจากนั้นจึงลงผนึกไปบนอากาศ

ฉึบฉึบฉึบ

ผู้คนพบว่าบนความว่างเปล่านั้นมีรูปแบบที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนไหวไปและส่องแสงสว่าง

“ตามหารกราก”

รูปแบบนั้นปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากนั้นก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน

สีหน้าของโล่เฉินยังคงราบเรียบไร้การแสดงออก ฝ่ามือใหญ่จับหัวของป๋ายเจิ้งหรงและเอ่ยเสียงเย็น “ใช้เลือดนำทาง”

“กรี๊ด!”

จากระยะไกล ถังหวั่นเอ๋อส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตะลึง

คนรับใช้ตระกูลป๋ายมีสีหน้าซีดขาวเช่นกัน จนถึงกับมีบางคนที่เป็นลมสลบไปทันที

นั่นเพราะ ร่างกายของป๋ายเจิ้งหรงเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว เลือดในร่างกายทั้งหมดถูกดึงออกอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าสู่รูปแบบที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดนั่น

“ตุบ”

เมื่อถูกดึงเลือดออกมาจนหมด ป๋ายเจิ้งหรงที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกก็ถูกทิ้งลงไปกับพื้นทันที แต่เขายังไม่ตาย ดวงตาทั้งสองทำเพียงจ้องมองไปที่ลวดลายขนาดใหญ่ในอากาศอย่างแน่นิ่ง

ร่างกายของ โล่เฉิน สั่นรู้สึกถึงความรู้สึกอ่อนแอที่แข็งแกร่งจิตใจเจ็บปวดมาก เขาหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นบีบนิ้วของเขาแล้วชี้ไปที่ตรงกลางของรูปแบบ

“วิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสาย เปิด!”

ตูม

ท่ามกลางความมืด ดูเหมือนจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวกำเนิดขึ้น

“สาปฆ่าคนที่หนึ่ง”

โล่เฉินเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม

เสียงก้องกังวานไปทั่วฟ้าดินอย่างชั่วกาลนาน

……

หลิงสุ่ย อยู่ในคลับระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่ง

ชายหนุ่มคนหนึ่งกอดสาวสวยสองคนและเสพสมกับการปรนนิบัติรับใช้

“วันนี้ เป็นวันเกิดของพี่อู๋หัว ทุกคนจะต้องปรนนิบัติให้ดีๆ ได้ยินรึเปล่า” ลูกเศรษฐีคนหนึ่งเอ่ยตะโกน

ในห้อง มีหญิงสาวหลายสิบคนร้องขึ้นพร้อมกัน

ถึงกับมีหลายคนในนั้นที่อยากเอาชนะใจของป๋ายอู๋หัวและเริ่มเต้นระบำเปลื้องผ้า จนสุดท้ายก็เต้นอย่างเปลือยเปล่าต่อหน้าฝูงชนอย่างไม่มีความละอาย

“พี่หัว มา ดื่มกันเถอะ”

“ฮ่าฮ่า ดื่ม”

ป๋ายอู๋หัวหัวเราะดังลั่น

เขาเป็นถึงคุณชายรองของตระกูลป๋าย ลูกชายของป๋ายเจิ้งเฉียง แม้ว่าจะไม่มีอำนาจอะไรในตระกูล แต่ก็ยังคงเป็นถึงคุณชายรองอยู่ดี

ในหลิงสุ่ย เขาสามารถเดินอวดเบ่งได้

เมื่อมองดูพวกพี่น้องขี้ประจบสอพลอ และบรรดาพี่สาวคุกเข่าเลียแข้งราวกับสุนัข ป๋ายอู๋หัวก็ต้องถอนหายใจ

ชาติกำเนิดถือทักษะพิเศษรูปแบบหนึ่ง

สิ่งที่คนเหล่านี้ใฝ่ฝันอยากได้มา ทันทีที่เขาเกิดมาก็ได้มันมาแล้ว

เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของผู้คนในโลกนี้ล้วนกังวลเรื่องเงิน ส่วนเขาทุกๆวันล้วนตื่นขึ้นมาและต้องกังวลว่าวันนี้จะใช้เงินเพื่อความบันเทิงแบบไหนดี

มองดูสาวสวยตรงหน้า

เธออาจเป็นเทพธิดาในสายตาคนอื่น แต่ต่อหน้าเขาก็เป็นแค่หญิงไร้ยางอาย ที่อยากจะได้รับความโปรดปรานจนแทบจะทนไม่ไหว

วันเวลาเช่นนี้ ช่างสบายเสียจริง

ป๋ายอู๋หัวยิ่งคิดก็ยิ่งภูมิใจ เสียงหัวเราะก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ

เพียงแต่ ไม่นานนักเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ทำไมบรรดาพี่น้อง พี่สาวเหล่านั้นดวงตาถึงได้ดูตกอกตกใจราวกับกำลังเห็นอะไรบางอย่าง….

ป๋ายอู๋หัวก้มหน้า ก่อนจะตกใจพบว่าหน้าอกของตนกำลังลุกเป็นไฟอย่างไร้สาเหตุ ในวินาทีถัดมาก็กระจายไปทั่วร่างกาย

“อ๊าก!”

ในห้องส่วนตัวมีเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น

ป๋ายอู๋หัวถูกกองไฟแผดเผาเป็นขี้เถ้าสลายไปในอากาศ แม้กระทั่งเศษซากใดๆก็ไม่เหลือ แต่ที่น่าแปลกก็คือ กองไฟนี้มีผลแค่เพียงป๋ายอู๋หัวเท่านั้นคนอื่นๆกลับไม่ได้มีผลอะไร

ฉากดังกล่าว ปรากฏขึ้นทั่วทุกที่ในหลิงสุ่ย

บริษัท วิลล่า อาคาร คลับเฮาส์ รถยนต์…..

ไม่เพียงแต่หลิงสุ่ย จีนหลิง และฉู่โจวเองก็มีเรื่องคล้าย ๆ กันเกิดขึ้น แม้กระทั่งคนของตระกูลป๋ายที่ตอนนี้กำลังพูดคุยเจรจาธุรกิจอยู่กับบริษัทในต่างประเทศ ก็กลายเป็นขี้เถ้าสลายไปในอากาศ จนเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากต่างประเทศถึงกับต้องตกใจจนเป็นลมไป

บ้านตระกูลป๋าย

“สาปฆ่าคนที่ห้าสิบแปด”

น้ำเสียงของโล่เฉินหยุดลง หมายถึงชีวิตที่เพิ่งดับไปอีกหนึ่งชีวิต

บนพื้น นิ้วทั้งสิบของป๋ายเจิ้งหรงจมลงไปในดิน

นั่นเพราะ

ทุกๆการตายของคนในตระกูลป๋าย รูปแบบในอากาศจะปรากฏภาพที่สอดคล้องกันขึ้นมา

คนในตระกูลป๋ายค่อยๆตายไปทีละคนๆ ในใจป๋ายเจิ้งหรงก็คล้ายมีเลือดไหลออกมา

ไม่

เขาไม่มีเลือดเหลือแล้ว มีเพียงลมหายใจเฮือกหนึ่งแขวนอยู่

สีหน้าของโล่เฉินไร้อารมณ์ใดๆ

ราวกับความตายของคนห้าสิบแปดคนต่อเนื่องกัน เป็นเพียงแค่มดห้าสิบแปดตัวเท่านั้น

ช่วยไม่ได้ ไม่มีทางที่จะไม่ให้เขาทำแบบนี้

หากเขาไม่ตัดรากถอนโคน ผลที่ตามมาก็ยากจะคาดคิด

หากตระกูลป๋ายต้องการแก้แค้น อาศัยเครือข่ายของพวกเขาย่อมต้องสามารถสร้างกองกำลังได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้กลัว แต่ว่าหานหยู่เยน หานหยู่ถิง พ่อตาแม่ยาย และพวกอู่จื่อเยว่ล่ะ

ต่อให้ตระกูลป๋ายจะมีคนดี ก็ได้แต่บอกว่าพวกเขาโชคไม่ดีแล้ว

ความคิดของโล่เฉินในตอนนี้คือ ต่อให้ต้องฆ่าผิดไปเป็นพันก็ไม่อาจปล่อยไปเพียงหนึ่งได้ แม้ว่าอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหล แต่ก็ไร้ซึ่งความลังเล

ครอบครัวของหานหยู่เยน จะต้องไม่มีอันตรายใด ๆ

“ต่อไปก็”

โล่เฉินหรี่ตาลง ราวกับประกาศิตของพญามัจจุราช

“ป๋ายอู๋จี้”

……

บนถนนทางด่วนสู่จินหลิง

มือถือของป๋ายอู๋จี้ดังขึ้นไม่หยุด เขาไม่สนใจและรีบเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้น

เขาไม่ใช่ไม่มีเวลารับ แต่เขาไม่กล้ารับ

“คุณชาย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

โทรศัพท์มือถือของฟางกางได้รับข้อความติดๆกัน ใบหน้าของเขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็ปรากฏความตื่นตระหนก “ตระกูลป๋ายหมดสิ้นแล้ว”

ตึง

หัวใจของป๋ายอู๋จี้จมดิ่งสู่ก้นแหว จนแทบไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้

“ทุกๆที่ล้วนมีข่าวการตายเกิดขึ้น คนที่ตายล้วนเป็นเลือดเนื้อของตระกูลป๋าย คุณชายคุณ… ”

ฟางกางยังไม่ทันได้พูดต่อ นั่นเพราะเขากำลังตื่นตระหนกที่พบว่าหน้าอกของป๋ายอู๋จี้กำลังเกิดเปลวไฟสีเขียวเข้มแผดเผาขึ้น

“ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ในเวลานี้ ป๋ายอู๋จี้เหยียบคันเร่งสุดชีวิต

เฟอร์รารีพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดมากกว่า 400กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราวสายฟ้าแลบ

“เสียงสุดท้ายที่พ่อเอ่ยกับฉัน ฉันได้ยินเสียงแผ่วเบาดังขึ้น…เสียงนั้นฉันคุ้นเคยดีอย่างยิ่ง เป็นไอ้แมงดานั่น!”

“ไม่ เขาไม่ใช่แมงดา แต่เป็นผู้แข็งแกร่งจริง ๆ นักกระบี่ในเสื้อดำตายในเงื้อมมือของเขา คืนนี้บ้านตระกูลป๋ายถูกบุกก็เป็นเขา สาวงามทั้งสองติดตามเขาก็เพราะเหตุนี้ น่าเสียดาย ที่ตอนนี้รู้ก็สายไปแล้ว”

“คิดไม่ถึงเลยว่า ตระกูลป๋ายของเราจะตกอยู่ในมือของเขา”

เปลวไฟกำลังลุกลามไปทั่วราวกับงูที่กำลังเลื้อยไป

รอยยิ้มของป๋ายอู๋จี้บ้าคลั่งขึ้นไปเรื่อยๆ เขาตะโกนขู่อย่างเกรี้ยวกราด “แต่ว่า ฉันไม่เสียใจ ยี่สิบปีมานี้ เรื่องอะไรฉันก็ทำมาแล้วทั้งนั้น อะไรที่สมควรเสพสมฉันก็เสพสม ถึงตายก็คุ้มค่า! ”

“ถ้ารู้ล่วงหน้า ฉันไม่น่าไปร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นเลย น่าจะเล่นกับน้องเมียของเขาให้ตายไปซะ ให้เขาลิ้มรสความเจ็บปวด!”

“ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

บนถนนทางด่วน เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้น

รถเฟอร์รารี่มูลค่ากว่ายี่สิบล้านระเบิดออก ส่วนป๋ายอู๋จี้เสียชีวิตคาที่

ในขณะเดียวกันที่บ้านตระกูลป๋าย

ในช่วงวินาทีที่รถเฟอร์รารีระเบิดออก ป๋ายเจิ้งหรงก็รับไม่ไหวอีกต่อไป ลมหายใจขาดสะบั้นลง

ตอนนี้ ตระกูลป๋ายดับสลายลง

นี่คือการทำลายล้างที่แท้จริง เลือดเนื้อเชื้อไขล้วนถูกฆ่าอย่างสิ้นซาก

ถังหมิงกวงและลูกศิษย์ตระกูลถังคนอื่น ๆ ล้วนมองจนเป็นบื้อไปอย่างสิ้นเชิง นี่มันทักษะแบบไหนกัน ใช้เลือดฆ่าคนได้อย่างไร้ระยะทางขัดขวาง

นี่มันน่ากลัวขนาดไหนกัน!

ลองคิดดู ถ้าหากคุณไปทำให้คนแบบนี้โกรธเข้า ขอแค่เขาจับป้าเจ็ดน้าแปดใครก็ได้สักคนเอาไว้ แค่อาศัยเลือดก็สาปฆ่าผู้คนทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ในบ้านได้แล้ว

แม้กระทั่งตายคุณก็ยังไม่รู้ว่าตายยังไง

“เทียน…เทียนเซียน”

เป็นเวลานาน กว่าที่ปากของถังหมิงกวงจะเอ่ยพูดสองคำนี้ออกมาได้ ถังหวั่นเอ๋อและคนอื่น ๆ ตาสว่างในทันที

ใช่ มีเพียงเทียนเซียนเท่านั้นที่สามารถมีวิชาอาคมน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้

เมื่อเทียบกับปรมาจารย์ เทียนเซียนนั้นหายากเสียยิ่งกว่า นอกจากนี้ เทียนเซียนยังยิ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัวเสียยิ่งกว่า

นั่นเพราะวิธีการของเทียนเซียนนั้นไร้ที่สิ้นสุด

ทำให้ปรมาจารย์ขุ่นเคืองย่อมต้องตายอย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยๆคุณยังได้เห็นปรมาจารย์ลงมือ แต่หากทำให้เทียนเซียนขุ่นเคือง เช่นนั้นก็ได้แต่ขวัญหนีดีฝ่อไปทุกเมื่อเชื่อวัน ไร้ที่สิ้นสุด

“พ่อ ที่แท้แล้วเขาเป็นปรมาจารย์หรือเทียนเซียนกันแน่?”ถังหวั่นเอ๋อเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วเอ่ยถาม

“อาจเป็นการฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน”

“อะไรนะ การฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน!”

ถังหวั่นเอ๋อแทบจะเป็นลม

อายุเพิ่งจะเพียงยี่สิบกว่าเป็นปรมาจารย์ก็ถือเป็นเรื่องน่ากลัวแล้ว แต่เขาถึงกับเป็นเทียนเซียนด้วย นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน!

โล่เฉินไม่สนใจคนอื่น ๆ เขามาข้างหานหยู่ถิง ก่อนจะตรวจดูสภาพร่างกายเธอและพบว่าไม่มีอาการบาดเจ็บ

“หืม?”

ทันใดนั้น โล่เฉินก็พบว่าต่างหูของหานหยู่ถิงแตกไปแล้ว เมื่อคิดได้ว่าหยกชิ้นนี้ถูกแกะสลักโดยฉินต้าวจื่อและมีผลในการปกป้องเขาก็ค่อยโล่งใจ

“ดูเหมือนว่า จะยังไม่มีการละเมิดใด ๆ เกิดขึ้น”

โล่เฉินอุ้มหานหยู่ถิงเอาไว้ ในขณะลุกขึ้นโล่เฉินก็เกิดอาการหน้ามืดและเกือบล้มลง

พรูด

เลือดกระอักออกมา ความอ่อนแอและความเหนื่อยล้าอย่างยิ่งส่งผ่านขึ้นมา

วิชาสาปฆ่าโดยเชื้อสายนั้นรุนแรงอย่างมาก สำหรับโล่เฉินในตอนนี้การใช้วิชานี้กินพลังมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะต้องการตัดรากถอนโคน ตัดไปตั้งแต่ต้นลม เขาคงไม่มีทางใช้วิชาระดับสูงเช่นนี้

ระยะอ่อนแรงยังคงต้องมีต่อไปอีกสักพัก ในช่วงเวลานี้ เขาไม่สามารถลงมืออะไรได้

“ นายท่าน โปรดช้าก่อน”

ทันใดนั้น จู่ๆก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมา

โล่เฉินแอบขมวดคิ้ว เขาลืมไปว่ายังมีนักบู๊กำลังภายในขั้นสุดยอดอยู่อีกคน เวลานี้หากชายผู้นี้ลงมือ เขาคงต้องฝังอยู่ที่นี่แน่ มี

จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

ได้รับความลำบาก เพื่อได้อยู่ต่อ ผมทนความอัปยศอดสู แต่งเข้าตั้งสามปี ถูกดูถูกและเยาะเย้ย ในสายตาของพวกเขา ผมเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ใครๆก็สามารถก้าวเหนือหัวผมได้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างหมา จนถึงวันนี้ ภัยพิบัติทุกๆอย่างผ่านไป…….เมื่อยิ่งใหญ่ขึ้นมา ทำให้คนบนโลกผวา!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท