กลุ่มเมฆม้วนตัว สายฟ้าลั่นเป็นประกายไฟวาววับ
ม่านฝนที่ตกหนักบดบังสายตา
บนท้องถนน มีรถคันหนึ่งกำลังเร่งเครื่องราวกับโบยบิน คนขับคือถังหมิงกวง ข้างๆคือชายในชุดคลุมนักพรต และข้างหลังคือฟ่านหงชางที่กำลังร่อแร่
เขายังไม่ตาย!
เขายังไม่ตาย!
เขายังไม่ตาย!
ในขณะนี้ สมองของชายในชุดคลุมนักพรตยังคงครุ่นคิดถึงคำเหล่านี้อยู่ข้างใน ในขณะเดียวกันเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจบแทบจะเป็นบ้า
เมื่อสิบปีที่แล้ว เขาเป็นเพียงนักพรตตัวเล็กๆ
ชายคนนั้น คือการดำรงอยู่เบื้องบนของเขาหรือพูดให้ถูกคือ เขาคือการดำรงอยู่ที่น่าสยดสยองที่สุดของโลกแห่งการฝึกฝนในจีน
คืนนั้น สงครามบนภูเขาเย่นหลิง
ทุกอย่างถูกทำลายลงเป็นผุยผง
ชายคนนั้นล้มลงจากเบื้องบน และเสียชีวิต
ไม่
“ยังไม่ตาย? ดี ดี ดี”
ชายในชุดคลุมนักพรตเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง “ช่วงอ่อนแอหรือ พลังยังไม่ฟื้นคืนสินะ ยังคงหายใจอยู่ หดหัวอยู่ในมุมหนึ่ง…จุ๊บจุ๊บ คนที่เคยเป็นถึงราชาเองก็มีทางล้มลงมาถึงจุดนี้เหมือนกัน”
“คิดไม่ถึงเลยว่าฉันฟางหยุนซิวจะโชคดีขนาดนี้ได้”
“รอให้ได้วิธีฝึกฝนจิต เป็นราชาแห่งการบำเพ็ญ อีกไม่นานฉันก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทียนเซียน จากนั้นก็กลายเป็นราชาแห่งการฝึกฝน!”
ฟางหยุนซิวตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น เขามองไปข้างหน้า ดวงตาเป็นประกายแก่กล้าราวกับกำลังทะลุทะลวงม่านฝน
ในเวลานี้ สวนสาธารณะหลิงหู
ในศาลาหลังหนึ่ง
โล่เฉินมีสีหน้าเย็นชา ยืนสองมือไพล่หลัง และมองไปยังทะเลสาบที่อยู่ตรงหน้าตน
สิบนาทีที่แล้ว โทรศัพท์จากฟ่านหงชางนั้นแปลกอย่างมาก น้ำเสียงของเขาผิดปกติไป โล่เฉินรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณ
ดังนั้น เขาจึงส่งข้อความไปหาฟ่านหงชาง บอกว่าตนอยู่ที่สวนสาธารณะหลิงหูไม่ได้ขับรถ ฝนตกหนักขนาดนี้ไม่สามารถไปที่ตึกซิงหยุนได้และให้ฟ่านหงชางมารับเขา
“เป็นใครกัน?”
โล่เฉินครุ่นคิดและพึมพำกับตัวเอง “เมืองหลวงหาเจอแล้วงั้นหรือ เป็นคนที่หลันโย่วเวยส่งมา?”
ครืนครืน
สายฟ้าคำรามขึ้น สายฟ้าพาดผ่านแยกเมฆออกเป็นช่องว่าง
เพียงชั่วครู่ เมฆดำก็รวมตัวกัน
“มาเร็วเกินไปแล้ว ฉันยังไม่ได้จัดการเอาไว้ก่อน หยู่เยนจะทำยังไง เรื่องที่บ้านจะทำยังไง? ฉันยังอยากจะอยู่เป็นเพื่อนหยู่เยนอีกสักหน่อยแท้ๆ”
โล่เฉินกำหมัดและกัดฟัน
“หลันโย่วเวย ทำไมเธอต้องบังคับฉันแบบนี้!”
เปรี้ยง
สายฟ้าแลบหลายสิบลูกกำลังโหมกระหน่ำ กลุ่มเมฆซัดสาด
สิบห้านาทีต่อมา
โล่เฉินรับโทรศัพท์ เขาเอ่ยตอบ “มีทะเลสาบอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสวนสาธารณะ ฉันอยู่ที่ศาลาริมฝั่ง รีบมาเถอะ”
ในไม่ช้า ร่างสามร่างก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายฝน
“มาแล้ว”
“โล่เฉิน?!”
ฟางหยุนซิวที่มีใบหน้าที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขามองไปที่ชายคนนั้นในศาลาสัญชาตญาณของจนเกิดความหวาดกลัวขึ้น จนแทบจะคลานลงไปเสียให้ได้
ในตอนนั้น พลังอันน่าเกรงขามของผู้ชายคนนั้นน่ากลัวมากเกินไป
เขากดโลกแห่งการฝึกฝนลงไปจนสิ้น
“ตอนนี้เขากำลังอ่อนแอ และความแข็งแกร่งของเขายังไม่ฟื้น ฉันกลัวอะไร! ไม่ต้องไปกลัว รอให้ฉันได้วิถีฝึกจิตอัศจรรย์ของเขามา ต่อไปฉันก็จะเป็นราชาในอนาคต”
ฟางหยุนซิวกัดริมฝีปากของตน และเตือนสติตัวเอง
“นายยังไม่ตาย!”
โล่เฉินถอนหายใจ เป็นไปตามที่คาดไว้ ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว
เขาหันกลับมา
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “หงชาง นาย….”
“อา… อาจารย์…”
ฟ่านหงชางลมหายใจรวยริน แม้ว่าทวารทั้งเจ็ดจะไม่มีเลือดไหลออกมาแต่กลับมีรอยคราบเลือดอยู่ แขนขวาเหลือเพียงกระดูกขาว น่าอนาถสุดขีด
“อาจารย์…ศิษย์…เปิดเผยตัวตนของท่าน…มีโทษสมควรตาย…สมควรตาย….”
ฟ่านหงชางน้ำตาไหลริน
ถังหมิงกวงเองก็คุกเข่าลงและพูดว่า “นายท่าน ความผิดนี้อยู่ที่ผม ผมผิดสัญญา เปิดเผยตัวตนของนายท่าน หากจะฆ่าจะแกง ถังหมิงกวงคนนี้จะไม่แม้แต่กะพริบตา”
โล่เฉินเงียบลงทันที
ความโกรธที่ไร้จุดสิ้นสุดกำลังสั่นไหว รังสีสังหารพุ่งขึ้นท้องฟ้าทำเอาอุณหภูมิลดลง
ฟ่านหงชางเป็นลูกศิษย์ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขา ที่จริงแล้ว โล่เฉินได้ถือว่าเขาเป็นญาติสนิทของตนมานานแล้ว แค่ตอนนี้ กลับต้องมาถูกทรมานอย่างน่าสังเวชเหลือเกิน
เขาไม่โทษฟ่านหงชางที่เปิดเผยตัวตนของเขา
โล่เฉินมองออกว่านักพรตผู้นี้แข็งแกร่งอย่างมาก และอยู่ห่างจากเทียนเซียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฟ่านหงชางเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่อาจต่อกรได้เลยแม้แต่น้อย
“พวกนายมานี่” โล่เฉินเอ่ยปาก
ถังหมิงกวงแบกความกล้า ประคองฟ่านหงชางไปที่ศาลา
ฟางหยุนซิวไม่สนใจพวกเขา ในสายตาของเขา สองคนนี้เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น เป้าหมายของเขาก็คือโล่เฉิน
“สิบปีมาแล้ว นายมาหลบอยู่ที่นี่ ต่อลมหายใจ? ช่างน่าเศร้าเสียจริง”
“หลันโย่วเวยส่งนายมาเพื่อฆ่าฉัน?”
ฟางหยุนซิวเยาะเย้ย “ไม่ เทพหญิงยังไม่รู้ว่านายมีชีวิตอยู่ ฉันมาที่มณฑลซีหนันก็เพราะมีนักพรตที่สามารถทำลายคาถาเฮยสื่อของอาจารย์ของฉัน อาจารย์ของฉันจึงขอให้ฉันมาตรวจสอบ”
“อาจารย์ของนาย ใคร?”
“ยี่ชุนชิว เมื่อสิบปีก่อนก็เป็นเทียนเซียนแล้ว นายสมควรจำไว้” ฟางหยุนซิวเอ่ย
โล่เฉินนึกคิด และมีภาพเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของเขา
“จำได้แล้ว”
ดูเหมือนว่าฟางหยุนซิวจะต้องการทำให้โล่เฉินเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขายังคงอธิบายต่อไป “พลังอันแข็งแกร่งของอาจารย์ฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก คนที่สามารถทำลายคาถาเฮยสื่อของเขาได้จำเป็นต้องเป็นนักพรตที่ยิ่งใหญ่แก่กล้าเท่านั้น ที่ฉันมามณฑลซีหนันก็เพราะได้ยินเรื่องที่บ้านตระกูลป๋ายแห่งหลิงสุ่ยถูกทำลายในชั่วข้ามคืน ”
“เบาะแสบางอย่างบอกฉันว่าการฆ่าล้างตระกูลป๋ายไม่ใช่คำสั่งของรัฐบาล แต่จะต้องเป็นผู้ฝึกฝน ฉันคิดว่าคนที่ทำลายล้างตระกูลป๋ายและคนที่ทำลายคาถาเฮยสื่อนั้นจะต้องเป็นนักพรตคนเดียวกันแน่ ดังนั้นจึงมาหาตระกูลถังและสืบเนื่องมาจับลูกศิษย์ของนายเข้าได้!”
ก่อนหน้านี้หลินชิงอี๋ลูกสาวของอัยการหลินหยุนเซียวเก็บรากยู่หลงมาได้และโดนคาถาที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝีมือของยี่ชุนชิว
สิ่งที่น่าแปลกใจที่สุดก็คือ คาถาเฮยสื่อถูกทำลายลง ยี่ชุนชิวที่อยู่ในเมืองหลวงกลับจับได้แล้ว
สิบปี คนผู้นั้นล้ำลึกจนเกินคาดเดา
แปะๆๆ
โล่เฉินปรบมือ เขาพยักหน้าเอ่ย “สมกับที่เป็นเทียนเซียน ฉลาดยอดเยี่ยม ดังนั้นนายคิดว่า ฉันเป็นคนทำลายคาถาเฮยสื่อของยี่ชุนชิว?”
ฟางหยุนซิวขมวดคิ้ว
ดวงตาของเขาเป็นประกายและมองไปที่โล่เฉินอย่างประเมิน ราวกับว่าต้องการจะมองทะลุผ่านตัวเขาไป บนตัวของโล่เฉิน ยกเว้นรังสีสังหารและความโกรธแล้ว ไม่มีพลังอันแก่กล้าใดๆอยู่
ช่วงอ่อนแอ…..
ไม่ผิด จะต้องแค่ทำตัววางมาดโตแน่ๆ
“อาจารย์ของฉันมีโชค ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ในเมืองหลวง คนที่สามารถทำลายคาถาเฮยสื่อของเขาได้ จะต้องเป็นเทียนเซียนที่แก่กล้าทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่ใช่นาย”
“ดังนั้น?”
ฟางหยุนซิวแค่นเสียง “โล่เฉิน นายไม่จำเป็นต้องมาแสร้งทำเป็นเก่ง พลังของนายเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งในสิบ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน รีบส่งวิถีฝึกจิตอัศจรรย์มาให้ฉันซะ ฉันจะให้นายได้ตายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์”
โล่เฉินหัวเราะในใจ
เขากำลังแสดงว่าอ่อนแออให้ศัตรูเห็นจริงๆ แต่เดิมเขาคิดว่าผู้มาเป็นพวกปรมาจารย์และเทียนเซียน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแค่คนที่กำลังเตรียมเข้าสู่ขั้นเทียนเซียนคนหนึ่ง
สำหรับเขาแล้ว นี่ไม่มีน่ากลัวอะไรมากนัก
สิ่งเดียวที่น่ากังวลก็คือ ผู้ชายคนนี้ได้ส่งข่าวว่าเขายังมีชีวิตอยู่กับยี่ชุนชิวผู้เป็นอาจารย์
เมื่อสิบปีก่อนยี่ชุนชิวก็เป็นเทียนเซียนที่ทรงพลังแล้ว เขาสถิตอยู่มาเป็นสิบปี ตอนนี้จะก้าวไปสู่ขั้นไหนแล้ว?
อันที่จริง หากต้องการประเมินความแข็งแกร่งจริงๆ โล่เฉินนั้นทำได้แค่ปะทะกับผู้เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์หรือเทียนเซียนเท่านั้น หากต้องฆ่าคนพวกนี้ถือเป็นการยาก
แม้ว่าว่านเห้อของตระกูลป๋ายนั่นจะเป็นปรมาจารย์ แต่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทำลายไปถึงแก่นฐาน ดังนั้นเขาจึงตายภายใต้น้ำมือของโล่เฉิน
หากยี่ชุนชิวตามฆ่า โล่เฉินจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง
“มีประโยชน์หรือ?”
“นายพูดอะไร” ฟางหยุนซิวถาม
โล่เฉินเยาะเย้ย “ต่อให้นายได้วิถีฝึกจิตอัศจรรย์ไป นายก็ต้องให้มันกับยี่ชุนชิวแต่โดยดี เป็นได้แค่คนส่งมอบชุดแต่งงานอะไรเทือกนั้น แถมไม่แน่ว่าเขาอาจจะกำจัดนายอย่างโหดเหี้ยมเพื่อเก็บเป็นความลับด้วย”
ฟางหยุนซิวพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “นายคิดว่าฉันโง่หรือไง ฉันคิดได้มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเรื่องของนายฉันจึงไม่ได้เปิดเผยออกไปให้ใครรู้ รอให้ได้มรดกของนายมาแล้วกำจัดนายซะ ฉันย่อมไม่กลับไปเมืองหลวงอีก ฉันจะหาที่ฝึกฝนซะ รอให้ฝึกฝนสำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ ฉันก็จะกลายเป็นราชาของใต้หล้า!”
“โล่เฉิน นายวางใจเถอะ”
“เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉันจะฆ่านางมารหลันโย่วเวยนั่นแน่ เพราะเธอคืออุปสรรคขัดขวางการเป็นราชาของฉัน และถือเป็นการแก้แค้นให้นาย