เมื่อโล่เฉินมาถึงมหาวิทยาลัยฉู่โจวก็เกือบสามโมงเย็นแล้ว
เขาขับรถไปส่งหานหยู่ถิงที่หอพักชั้นล่าง ขณะที่กำลังเอาสัมภาระลงมาจากรถ จู่ๆ ก็มีสาว ๆ กลุ่มหนึ่งออกมาจากหอพัก
“เกิดอะไรขึ้น?”
โล่เฉินคิดว่ามีอันตรายอะไร และรีบดึงหานหยู่ถิงมาไว้ข้างตัวอย่างรวดเร็ว
เตรียมตัวระวังขึ้นมา
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว!”
“คุณชายทั้งสองกำลังจะต่อสู้กันแล้ว ยากที่จะได้เห็นสักครั้ง”
“เอ๊ะ นั่นหานหยู่ถิงไม่ใช่เหรอ?”
สาวๆพูดคุยกันไป มีบางคนที่สีหน้าหยิ่งยโส หน้าตาถือว่าไม่เลวหยุดฝีเท้าลงและเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“หานหยู่ถิง”
“อู๋ฉิน เธอมาได้เวลาพอดี เกิดอะไรขึ้น ใครกำลังต่อสู้กัน?” หานหยู่ถิงถามอย่างสับสน
ผู้หญิงที่ชื่ออู๋ฉินอายุไม่มากเช่นกัน ราวๆยี่สิบปี น่าจะอยู่ในชั้นเรียนอาชีพกับหานหยู่ถิง
เธอขมวดคิ้ว ก่อนจะแค่นเสียงอย่างอิจฉาริษยา “ก็เป็นเพราะเธอไง”
“หา? เพราะฉัน?”
“นิ่งจื่อซวนและโม่หานต่อสู้กันเพราะเธอ แต่ละชมรมมี 50 คน 100 คนกำลังต่อสู้กันที่เชิงเขาด้านหลัง อาจารย์ใหญ่ก็ยังไม่สามารถห้ามได้ ตอนนี้ทางนั้นมีคนมากมาย แค่ผู้คนที่ไปดูการต่อสู้ที่นั่นก็เกือบพันคนแล้ว ”
หานหยู่ถิงปิดปากของเธอด้วยความตกใจ
โล่เฉินเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าน้องสะใภ้จะเป็นที่นิยมในฉู่โจวขนาดนี้
แต่ว่า นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอ
หญิงสาวสวยควรมีเรื่องราวเกี่ยวกับวัยเยาว์ของเธอบ้าง เพื่อที่เธอจะได้รู้สึกมีความสุขเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านั้นในภายหลัง
ดังนั้น โล่เฉินจึงไม่เข้าไปยุ่ง
“หยู่ถิง เอาสัมภาระไปที่หอพักก่อนเถอะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันกลับก่อน”
“พี่เขย คุณอย่าเพิ่งไป”
หานหยู่ถิงออกแรงคล้องแขนของโล่เฉินเอาไว้ ก้อนเนื้ออ่อนนุ่มสองก้อนถูกบีบเข้าหากัน
ฉากนี้ ทำให้ให้อู๋ฉินแอบขมวดคิ้ว
ผู้หญิงหลายคนถึงค่อยสังเกตไปที่โล่เฉินและพบว่าเขาหล่อมาก บุคลิกโดดเด่น และมีเสน่ห์อย่างบรรยายไม่ถูก สาวๆก็รู้สึกดีด้วยในทันที
“เขาเป็นพี่เขยของเธอ?”
“ทำไม คิดจะดึงความสนใจของพี่เขยฉันหรือไง?” หานหยู่ถิงถลึงตาใส่
อู๋ฉินเอ่ยเรียบๆ “เธอเป็นเนื้อหอมของพวกคุณชายพวกนั้น หากพวกเขาเห็นเธอสนิทสนมกับพี่เขยของตัวเองแบบนี้ ก็เท่ากับนำหายนะมาให้พี่เขยของเธอแล้ว”
หานหยู่ถิงตกใจและปล่อยมือของเธอทันที
การกระทำนี้ทำให้โล่เฉินขมวดคิ้ว
เนื้อหอม?
นั่นไม่ใช่คำที่ดีอะไรนัก
“หยู่ถิง มีคนแกล้งเธอที่มหาวิทยาลัยเหรอ?”
โดยไม่รอให้หานหยู่ถิงได้พูด อู๋ฉินก็เอ่ยเยาะเย้ย “ทำไม คุณคิดจะมาจัดการเรื่องให้น้องเมียคุณหรือไง! ฉันคิดว่าคุณคงเป็นคุณชายของตระกูลไหนสักตระกูลเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของคุณแข็งแกร่งเกินไป ”
“ตระกูลนิ่งรู้จักไหม? ตระกูลโม่รู้จักหรือเปล่า?”
“พวกนี้เป็นตระกูลชั้นหนึ่งในฉู่โจว และมีชื่อเสียงแม้กระทั่งในระดับมณฑลซีหนัน หานหยู่ถิงมาจากเมืองเจียง ฉันเดาว่าคุณคงเป็นคุณชายสักคนในเมืองเจียงสินะ ในฉู่โจว ตัวตนของคุณทำอะไรไม่ได้”
โล่เฉินเอ่ยถาม “ช่วยอธิบายละเอียดสักหน่อยได้หรือไม่”
อู๋ฉินรู้สึกว่าทัศนคติของโล่เฉินนั้นไม่เลว ดังนั้นเธอจึงอธิบายว่า “นี่ง่ายมาก หานหยู่ถิงถูกคุณชายตระกูลนิ่งและตระกูลโม่ถูกตาต้องใจพร้อมๆกัน คุณชายทั้งสองเคยประกาศเอาไว้ว่า รอให้หานหยู่ถิงเรียนปีสามเมื่อไหร่ ก็จะยืนยันความสัมพันธ์เป็นแฟนกับเธอ”
“ตระกูลนิ่งไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ส่วนตระกูลซูก็เป็นตระกูลแรกในฉู่โจว คุณชายระดับท็อปทั้งสองคนต่างประกาศออกมาแล้ว ดังนั้นหานหยู่ถิงย่อมกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยาย”
“นักเรียนชายไม่กล้าเข้าใกล้เธอ เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนหญิงก็อิจฉาริษยาเธอ ดังนั้นเธอจึงแทบจะโดดเดี่ยวในมหาวิทยาลัย และเพราะเหตุผลนี้ก็เลยทำให้เธอขอสถานะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนและไปเรียนต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งปี”
ใบหน้าของโล่เฉินดูมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของหานหยู่ถิงเปลี่ยนเป็นสีแดงและเธอกอดแขนของเขาอีกครั้ง
อู๋ฉินกล่าวต่อ “เมื่อพูดถึงโม่หานคุณชายตระกูลโม่ เขาและคุณชายตระกูลซู ซูโม่ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับนิ่งจื่อซวน โม่หานท้าต่อสู้กับนิ่งจื่อซวนก็เพื่อซูโม่ ใครแพ้จะต้องล้มเลิกความคิดแล้วถอยไปซะ ส่วนคนที่ชนะก็จะได้หานหยู่ถิง”
“ฉันพูดชัดเจนขนาดนี้ คุณเข้าใจแล้วยัง”
ฟิ้วว ฟิ้วว
ทันใดนั้น ลมเย็นก็พัดผ่านมา
“อึ๊ย หนาวจัง!”
“ลมเย็นมาจากไหนกันเนี่ย”
“ขนลุกไปหมดแล้ว”
เด็กผู้หญิงหลายคนกอดแขนของตนเอง ไม่รู้สาเหตุ
ใบหน้าของโล่เฉินดูเย็นชาเป็นพิเศษ ในใจของเขาร้อนรุ่มด้วยความโกรธ น้องเมียของเขากลายไปเป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง ใครชนะคนนั้นได้ไป ช่างพูดจาโอหังอะไรเบอร์นี้!
“จะพูดไปแล้ว หานหยู่ถิงฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ คุณชายนิ่งสนใจเธอก็แล้วไปเถอะ แต่นี่คุณชายซูก็ชอบเธอด้วย นั่นเป็นถึงบุคคลที่โดดเด่นอันดับแรกในฉู่โจวเชียวนะ ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงกี่คนที่อยากจะปีนขึ้นไปบนเตียงเขา แต่เธอกลับไม่ต้องการ ”
หานหยู่ถิงพูดด้วยความรังเกียจ “หน้าตาฉันก็ยังไม่เคยเห็นเขาเลยด้วยซ้ำ จะไปชอบเขาได้ยังไง เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครน่ะ แค่ประโยคเดียวก็เป็นคนของเขาแล้ว ผายลม!”
“เธอไม่เคยเจอหน้ามาก่อน?” โล่เฉินถาม
“ใช่น่ะสิพี่เขย ฉันไม่เคยเจอซูโม่อะไรนั่นเลยสักครั้ง แต่เขากลับประกาศว่าต้องการฉัน นี่มันไม่เท่ากับเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันหรือไง ปฏิบัติกับฉันเหมือนอะไรกัน”
โล่เฉินยิ่งโกรธมากขึ้น
หานหยู่ถิงพึมพำ “นอกจากนี้ โม่หานนั่นก็น่ารำคาญมากเช่นกัน เขาแสร้งทำเป็นกร่าง อาศัยว่าตนเองเป็นประธานชมรมเทควันโด มีฝีมือและมีอำนาจก็แสร้งทำเป็นคนพาลในโรงเรียน กลับเป็นนิ่งจื่อซวนที่ให้ความประทับใจที่ดีกับฉันอยู่บ้าง แต่ว่าฉันก็ไม่ได้ชอบเขาเหมือนกัน ”
“เรื่องที่เธอไม่ชอบ ไม่มีใครบังคับเธอได้”
โล่เฉินพูดอย่างเคร่งขรึม
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
อู๋ฉินหัวเราะจนตัวโยน ขณะที่ผู้หญิงสองสามคนที่อยู่ถัดมาก็ดูถูกเหยียดหยามเช่นกัน
“คุณไปเอาความกล้ามาจากไหน? หรือว่านายจะเป็นคุณชายจากจีนหลิง? ถ้าไม่ใช่ นายจะไปมีอำนาจอะไรมาต่อกรกับตระกูลซูและตระกูลนิ่ง”
“หานหยู่ถิงถูกพวกเขาชอบถือเป็นโชคดีของเธอแล้ว อย่ามาดิ้นรนอีกเลย ถ้าเกิดไปทำให้คุณชายซูโมโหเข้า ผลที่ตามมานั้นคงเกินจะคาดคิด”
“พวกเราจะไปที่เนินเขาด้านหลัง แล้วเธอล่ะ?” อู๋ฉินถาม
โล่เฉินเอ่ยปากก่อน “วางสัมภาระของเธอไว้บนรถก่อนเถอะ พวกเราไปดูที่ภูเขาด้านหลัง”
หานหยู่ถิงเป็นกังวลอยู่บ้าง เธอเอ่ยกระซิบ “พี่เขย ฉันไม่เป็นไร อย่างมากฉันก็แค่ไปต่างประเทศอีกครั้ง คุณอย่าหุนหันพลันแล่น ตระกูลซู ตระกูลนิ่ง และตระกูลโม่ล้วนเป็นจอมเผด็จการในฉู่โจว ถ้าคุณไปยั่วยุพวกเขาเข้า คุณอาจจะออกจากฉู่โจว ไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วง พี่เขยรู้จักหนักเบา”
“ไปกันเถอะ”
อู๋ฉินเรียก ก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มาถึงเนินเขาด้านหลัง
ที่นี่แออัดมากจริงๆ
ดูเหมือนว่าสงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ดังขึ้นอย่างไม่ขาด นอกจากนี้ยังมีตำรวจโรงเรียนคอยรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันความโกลาหล
“หลบหน่อย หลบไปให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“นางเอกมาแล้ว!”
“หลีกทางให้หานหยู่ถิง พวกเราจะไปด้านหน้าสุด”
อู๋ฉินและเหล่านักเรียนสาวตะโกนขึ้น
และทุกคนก็ดันหลีกทางให้พวกเธอจริงๆ
หานหยู่ถิงก้มหน้าลง ใบหน้าแดงก่ำ
ร้อยละเก้าสิบเก้าล้วนเป็นดวงตาที่ไม่เป็นมิตร สายตาของเหล่านักเรียนผู้หญิงล้วนมีแต่ความรังเกียจ อิจฉาริษยาและไม่พอใจ
ส่วนนักเรียนผู้ชายส่วนใหญ่ก็ดูถูกเหยียดหยาม
ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ล้วนคิดไปว่า สินค้าเน่าเสียชิ้นหนึ่ง ยังกล้าคิดไปว่าตัวเองจะเข้าตระกูลเศรษฐีได้รอให้ลูกเศรษฐีเล่นจนเบื่อแล้วเดี๋ยวก็ถูกเตะทิ้ง
นี่เป็นความคิดของผู้ชายธรรมดาทั่วไป
โล่เฉินกำหมัดแน่น เขาไม่คิดเลยว่าหานหยู่ถิงจะไม่เป็นที่นิยมและไม่ได้รับการต้อนรับในมหาวิทยาลัยขนาดนี้
แต่ว่าเด็กหญิงตัวน้อยไม่เคยกลับไปบ้านและบอกอะไร มีแต่อดทนไว้เงียบๆ ไม่ปล่อยให้ครอบครัวต้องกังวล
ในขณะนี้ โล่เฉินรู้สึกประทับใจมาก
“หนุ่มหล่อคนนี้เป็นใครกัน? หานหยู่ถิงถึงได้กอดแขนเขาไว้”
“คงไม่ใช่แฟนของเธอหรอกนะ”
“หน้าตาดีไม่เลว แถมบุคลิกก็ดี แต่ว่าสมองคงไม่ดีแน่ มาที่นี่เพื่อดูการต่อสู้ หากคุณชายโม่เห็นว่าหานหยู่ถิงมีท่าทางสนิทสนมขนาดนี้ จะต้องถูกเขาทุบตีปางตายแน่”
“น่าสนใจ รอดูใบหน้าขาวๆ นี้คุกเข่าขอความเมตตาทีหลังเถอะ”
ชายหญิงรอบๆ กระซิบกระซาบกัน น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามดังขึ้น
โล่เฉินเพิกเฉยโดยสิ้นเชิง
เขาเดินไปที่ด้านหน้าและมองดูการต่อสู้
มีคนจำนวนร้อยคนกำลังสู้กัน สถานการณ์กำลังระอุ มีผู้คนครึ่งหนึ่งล้มลงกับพื้น ส่วนที่เหลือยังคงต่อสู้อยู่
“คุกเข่าลง!”
“อาศัยแกน่ะหรือ!”
ในด้านหนึ่ง ชายหนุ่มสองคนที่กำลังต่อสู้กันก็คือนิ่งจื่อซวนและโม่หานนั่นเอง
แฟนๆของทั้งสองฝ่ายต่างสงเสียงเชียร์
อู๋ฉินเอ่ยแนะนำ “คนชุดดำคือนิ่งจื่อซวน และคนในเสื้อกล้ามขาวคือโม่หาน… หานหยู่ถิงทางที่ดีเธอปล่อยมือออกซะ อย่าให้มันสนิทสนมมากนัก ไม่อย่างนั้นพี่เขยของเธอคงต้องโชคร้ายแล้ว”
“เอ๋? อือ…”
หานหยู่ถิงรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมาก แต่เมื่อเธอเพิ่งจะปล่อยมือออก โล่เฉินก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
ฟืด
ชายหญิงด้านหลังต่างสูดลมหายใจดัง สีหน้าหลากหลายอย่างยิ่ง
ช่างเต็มไปด้วยพลังของแฟนหนุ่ม
ช่างน่าเสียดาย
อู๋ฉินสีหน้าสับสน แต่เมื่อเห็นการกระทำของโล่เฉิน ใบหน้าของเธอก็แข็งค้าง และสูดจมูกทันที
แต่เดิมเธอยังรู้สึกดีกับโล่เฉิน แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว
พวกไม่มีกำลังแต่ยังชอบทำเป็นเก่ง สมองกลวงจริงๆ นิสัยแบบนี้ต้องไม่ใช่คุณชายใหญ่อะไร น่าจะเป็นพวกคุณชายตระกูลชั้นสามมากกว่า
กล้าหาญไปเถอะ อีกเดี๋ยวนายก็ถึงเวลาร้องไห้แล้ว
อู๋ฉินแอบส่ายหัวและไม่สนใจโล่เฉินอีกต่อไป