จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี – บทที่ 184 แต่งตั้งเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหาน

บทที่ 184 แต่งตั้งเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหาน

“คุณปู่บอกฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะต้องเป็นฉันนำตระกูลหานให้ฟื้นฟูขึ้นมา กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษ อีกทั้งยังบอกว่าฉันจะมีผู้สูงส่งช่วยเหลือ ให้ฉันอย่าได้กลัวและก้าวไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่”

“คุณปู่บอกว่าในอนาคตตระกูลหานจะต้องพึ่งพาฉัน!”

“ฉันละทิ้งตระกูลหานไม่ได้ ตระกูลหานจะล่มสลายไปไม่ได้ พวกเราทุกคนล้วนเป็นคนตระกูลหาน ทำไมเราถึงรวมกันเป็นหนึ่งไม่ได้ ทำไมเราต้องต่อสู้กันเอง”

หานหยู่เยนพูดไปก็ปิดหน้าและร้องไห้

โล่เฉินและหานเจี้ยนเย่มองหน้ากัน ในที่สุดก็รู้ว่าทำไมหานหยู่เยนถึงมีความกดดันมากขนาดนี้ ที่แท้เธอแบกรับมากเกินไป

ช่างน่าปวดใจ

โล่เฉินโอบหานหยู่เยนเอาไว้ เขาตัดสินใจและเอ่ยปลอบโยน “หยู่เยน ผมสามารถทำให้ตระกูลหานผ่านหายนะนี้ไปได้ คุณสมควรรู้ดีถึงความสามารถของผม”

“หา?” หานหยู่เยนเงยหน้าขึ้น นึกถึงคฤหาสน์ยอดจื่อเช่วอันสูงศักดิ์หลังนั้น เธอเอ่ยขึ้น “โล่เฉิน คุณต้องการขาย…”

“ไม่ใช่”

โล่เฉินส่ายหัวและพูดว่า “ค่าชดเชยการบาดเจ็บล้มตายมีคนช่วยจ่ายให้ ผมจัดการเอาไว้ให้แล้ว ตอนนี้ พวกเราต้องเล่นละครกันสักฉาก”

“เล่นละคร ละครอะไร?” หานเจี้ยนเย่เอ่ยถาม

“ละครเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหาน”

ห้านาทีต่อมา โล่เฉินก็ลุกขึ้น

หานเจี้ยนกั๋วสองพ่อลูกและหลิวเซียงหลันยังคง “กล่าวสุนทรพจน์” อยู่ ขณะที่เหล่าญาติๆถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ทะเลาะกันไม่รู้จบ

“ทั้งหมดเงียบลงหน่อย”

โล่เฉินตะโกน

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็หันมาหาเขา และได้ยินโล่เฉินพูดขึ้นอีกครั้ง “ทุกคนฟังผม ผมอยากพูดความจริงที่โหดร้ายเรื่องหนึ่ง”

“พวกคุณล้วนต้องการบริษัท ล้วนอยากได้เงิน 15 ล้านนั่น แต่พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่า เงินนั่นถูกลงทุนโดยตระกูลเจิ้ง พวกเราแบ่งมัน ตระกูลเจิ้งโกรธขึ้นมา ผลที่ตามมาคืออะไร?”

บางคนสีหน้าเปลี่ยนไป แต่บางคนก็ไม่หวาดกลัวอะไร

“กลัวอะไร? ได้เงินแล้วพวกเราก็จะหนีไป หนีไปจากเมืองเจียง”

“ได้ งั้นฟังเรื่องที่สองของผม”

เสียงของโล่เฉินราวกับฟ้าร้อง ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมอย่างน่าประหลาดใจ “รัฐบาลเป็นคนโง่หรือไง จะปล่อยให้พวกเราแบ่งเงินแล้วหนีงั้นหรือ?”

“บอกตามตรง เมื่อวานตำรวจไปที่บริษัทแล้ว โชคดีที่เจิ้งข่ายมาถึงทันเวลา บริษัทจึงยังไม่ได้ถูกยึดไปตรวจสอบ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้บริษัทกำลังถูกตำรวจจับตามองไปแล้ว หากมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ตำรวจก็จะออกหน้าขึ้นมาทันที”

“จุดนี้ ผมคิดว่าทุกคนคงไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม”

ฝูงชนเริ่มขยับเขยื้อนขึ้นมา

สิ่งที่ทุกคนกลัวมากที่สุดคือตำรวจ กังวลว่าจะโดนจับ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทตระกูลหานตอนนี้อยู่ในสถานีตำรวจมาสามวันแล้ว

อีกทั้งยังไม่สามารถไปเยี่ยมได้

เกิดอะไรขึ้นในสถานีตำรวจใครจะไปรู้กัน!

“โล่เฉิน นายคิดจะพูดอะไรกันแน่?”

มีคนตะโกนขึ้น

โล่เฉินเอ่ย “คนส่วนใหญ่ในตระกูลหานล้วนอยู่เพื่อกินและดื่ม ไม่ร่ำเรียนไร้วิชาความรู้ ตระกูลหานล่มสลาย พวกคุณจะคืนวันที่ดีหรือไง? ไม่แน่ว่าบางทีคุณอาจหางานไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะเลี้ยงดูครอบครัวได้ยังไง”

“ดังนั้น ตระกูลหานจะล่มสลายไม่ได้”

“มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ทุกคนจึงจะมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องกังวลกับการหาเลี้ยงชีพ”

หานหยุนเทาหัวเราะเยาะ “โล่เฉิน ไอ้หมูโง่ ฉันเกือบคิดไปว่านายมีความคิดที่ลึกซึ้งอะไร ที่แท้นายก็ยังคงพูดเรื่องไร้สาระ”

หานหยางเอ่ยสำทับ “ตระกูลหานไร้ทางไปต่อแล้ว ค่าชดเชยการบาดเจ็บล้มตายมากมายขนาดนั้นจะแก้ไขยังไง? หน้าประตูบ้านยังมีสมาชิกในครอบครัวของคนตายกำลังร้องไห้และเผากระดาษเงินอยู่เลยด้วยซ้ำ!”

“ทิ้งเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว ผมมีคำถามอยากถามพวกคุณข้อหนึ่ง ถ้าตระกูลหานรอดพ้นจากความยากลำบากนี้ไปได้ และยังคงกำรงอยู่ พวกคุณจะออกจากตระกูลหานไหม?”

บรรดาญาติๆ กระซิบกระซาบกัน

คนส่วนใหญ่กังวลอย่างมาก สายตามองดูหญิงชราบนเตียงเป็นครั้งคราว

“ผมรู้ว่าพวกคุณคิดอะไร ไม่อยู่ในตระกูลหานก็ยากจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่หากอยู่ต่อในตระกูลหานก็เกรงกลัวหญิงชรา เพราะเมื่อครู่นี้ พวกคุณโกรธเกลียดเธอจนแทบอยากจะฆ่าหญิงชราด้วยซ้ำ”

ชายร่างใหญ่กำหมัดแน่นแล้วถามว่า “โล่เฉิน พูดประเด็นสำคัญ อย่าพูดถึงเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้”

โล่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณลุงไม่ต้องรีบร้อน ผมจะเซอร์ไพรส์พวกคุณอย่างหนึ่ง แต่ก่อนหน้านั้น เราจะต้องตัดสินใจเรื่องที่ควรตัดสินใจให้เรียบร้อยก่อน”

“หากตระกูลหานผ่านความยากลำบากนี้ไปได้ ทุกคนต้องการอยู่ในตระกูลหาน หญิงชราไม่มีทางเป็นเจ้าบ้านตระกูลหานได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะถูกกดขี่อย่างรุนแรงและอาจถึงขึ้นถูกขับไล่ออกจากตระกูล”

“วิธีเดียวที่เหลืออยู่ คือสร้างกำหนดเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหาน!”

“ผมพูดถูกรึเปล่า?”

ในห้อง เงียบสงบ

ไม่ต้องพูดถึงหานเจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ แม้แต่คนที่รู้ว่าโล่เฉินต้องการจะพูดเรื่องพวกนี้อย่างหานเจี้ยนเย่สองพ่อลูก มาถึงตอนนี้พอได้ยินทั้งหมดเข้าจริงๆ ก็ยังตกใจอย่างมาก

ผ่านความเงียบสงัดเนิ่นนาน

หลิวเซียงหลันเป็นคนเริ่มเอ่ยปากขึ้นก่อน เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “โล่เฉินนายกำลังพูดไร้สาระอะไร ตระกูลหานกำลังจะล่มสลายแล้ว กำหนดเจ้าบ้านคนใหม่ขึ้นมาแล้วมีประโยชน์บ้าอะไรกัน”

“จุ๊จุ๊ ยังคิดจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลหานอยู่อีก ถ้านายต้องการ ฉันจะให้ก็ได้” หานหยุนเทาเยาะเย้ย

โล่เฉินสีหน้าเคร่งขรึม เขาใช้เสียงที่ดังเพียงพอตะโกนขึ้นมา “สงบลงก่อน ตอบผม หากมีเจ้าบ้านคนใหม่ พวกคุณถึงค่อยอยู่ต่อในตระกูลหาน ใช่หรือไม่ พูด!

ราวกับว่ามีพลังครอบงำบางอย่าง

เหล่าญาติๆพยักหน้าลงอย่างอึกๆอักๆ

“ใช่!”

“แต่ว่าพูดเรื่องพวกนี้ไปแล้วมีประโยชน์อะไร”

“พวกเราจะมาเสียเวลาคิดเรื่องพวกนี้ไปทำไม มาหาวิธีว่าทำยังไงให้ได้เงินมาแล้วรีบหนีไปก่อนตำรวจจะตามจับเถอะ”

โล่เฉินโบกมือ เป็นท่าทีบอกให้ทุกคนเงียบลง

เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “คุณลุงคุณน้า พี่น้องทั้งหลาย ตอบผมมาอีกครั้ง หากต้องตั้งเจ้าบ้านตระกูลคนใหม่ขึ้น ใครกันที่เหมาะสมที่สุด?”

เงียบไปหมดอีกครั้ง

หานหยุนเทาขมวดคิ้วแน่น เขาบอกพ่อของตน หานเจี้ยนกั๋วนิ่งเงียบไม่พูดจา ในใจของเขายังคงตะลึงสงสัยและเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง

ดังนั้น หานเจี๋ยนกั๋วจึงเอ่ยปากขึ้นคนแรก “หยุนเทาเป็นหลานชายคนโต เขามีคุณสมบัติมากที่สุด”

“เมื่อกี้เขาไม่ได้ไม่สนใจมันเลยหรือไง แถมยังบอกว่าจะยกให้ผมด้วยซ้ำ!”

“นั่นเป็นแค่คำพูดล้อเล่น หากว่ากันตามกฎจริงๆ อย่างนั้นย่อมต้องเป็นหยุนเทา เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องถกเถียงอีก” หานเจี้ยนกั๋วเอ่ยอย่างแน่วแน่

โล่เฉินหัวเราะหึหึ “ทุกคนเองก็คิดว่าเป็นหานหยุนเทาหรือไม่?”

ทันใดนั้น หานเจี้ยนเย่ก็ลุกขึ้นยืน ท่าทีแฝงความหมายลึกซึ้ง น้ำเสียงเย็นชา “ทุกคนต้องคิดให้ดีๆ หานหยุนเทาถูกหญิงชราตามใจ หากเขาเป็นเจ้าบ้านคนใหม่แล้วนี่จะต่างอะไรกับหญิงชรา ถึงตอนนั้น พวกคุณก็จะถูกกดขี่ คนส่วนมากจะต้องถูกขับไล่ออกจากตระกูล”

“ไอ้บัดซบ นี่แกพูดบ้าอะไร!”

หานเจี้ยนเย่ยิ้มเย็น ไม่ยอมถอยให้ “พี่ใหญ่ น้องชายยอมให้คุณมาตั้งนานหลายปี แต่ตอนนี้ผมไม่มีทางถอยอีกต่อไปแล้ว”

“แก!” หานเจี้ยนกั๋วโกรธจัด

ดวงตางดงามของหลิวเซียงหลันเป็นประกายขึ้นมา เธอคล้องแขนของหานเจี้ยนเย่เอาไว้แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “สามี ในที่สุดคุณก็ฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว ดีดีดี สมแล้วที่เป็นสามีของฉัน เท่มาก”

“พวกเราฟังโล่เฉินพูดเถอะ” สายตาของหานเจี้ยนเย่ทำให้หลิวเซียงหลันใจสั่นสะท้าน เธอมองไปที่โล่เฉินและคิดอย่างลับๆ

โล่เฉินตะโกนขึ้น “สิ่งที่พ่อตาของผมพูดพวกคุณควรคิดให้ชัดเจน หานหยุนเทาเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ ทุกคนไม่มีวันได้มีชีวิตที่ดีแน่ มีเพียงหยู่เยนเป็นเจ้าบ้านคนใหม่เท่านั้นที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม”

“นิสัยใจคอของหยู่เยนทุกคนล้วนรู้ดี อ่อนโยนจิตใจดี ไม่เหมือนใครบางคนที่ไร้หัวใจ หยู่เยนกลายเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลหาน เธอจะปฏิบัติต่อทุกคนเป็นอย่างดีแน่นอน”

“ผมพูดถูกไหม?”

หานเจี้ยนกั๋วด่าลั่นทันที “พูดบ้าอะไรของแกวะ!”

“หานเจี้ยนกั๋ว หุบปาก!”

ชายร่างใหญ่กระโดดออกมาและตะโกนอย่างโกรธเคือง “แกไม่ใช่คนตระกูลหานเสียด้วยซ้ำ มีคุณสมบัติอะไรมาพูดไร้สาระที่นี่”

“ใช่ ทำตัวให้มันดีๆหน่อย”

“ถ้ายังกล้าพูดมากอีก อย่าโทษว่าฉันโหดร้าย หักขาสุนัขสองข้างนั่นของแก”

ใบหน้าของหานเจี้ยนกั๋วเกรี้ยวกราด เขาโกรธเป็นไป แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรแล้วจริงๆ

หานหยุนเทาดูเฉยเมย รู้สึกว่าโล่เฉินกำลังพูดเอาใจมวลชน

มีคนถามขึ้น “โล่เฉิน นายพูดถูก หยู่เยนเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ตระกูลหานมาถึงจุดนี้แล้ว การตั้งเจ้าบ้านคนใหม่นั้นไม่มีความหมายอะไรมากอีกแล้ว”

“ไม่แน่”

มุมปากของโล่เฉินยกยิ้ง ท่าทางเต็มไปด้วยความลึกลับ

เขาเดินมาถึงเตียง จากนั้นก็ค่อย ๆ แตะมือของหญิงชราอย่างเงียบๆ และเอ่ยปากขึ้น “คุณย่า คุณน่าจะตื่นแล้ว ลุกขึ้นมาเถอะ”

“แค่กแค่ก”

หญิงชราไออย่างรุนแรง เธอคว้าข้อมือของโล่เฉินอย่างกะทันหันแล้วตะโกนด้วยเสียงแหบห้าวเย็นชาว่า “ไอ้คนสมควรตาย แกทำให้จิตใจของทุกคนสับสน ต้องการให้หยู่เยนเป็นเจ้าบ้านคนใหม่ เรื่องของตระกูลหาน ไหนเลยจะต้องให้คนนอกอย่างแกเข้ามาร่วมด้วย ไสหัวไปซะ!”

จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี

ได้รับความลำบาก เพื่อได้อยู่ต่อ ผมทนความอัปยศอดสู แต่งเข้าตั้งสามปี ถูกดูถูกและเยาะเย้ย ในสายตาของพวกเขา ผมเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ใครๆก็สามารถก้าวเหนือหัวผมได้ ใช้ชีวิตอยู่อย่างหมา จนถึงวันนี้ ภัยพิบัติทุกๆอย่างผ่านไป…….เมื่อยิ่งใหญ่ขึ้นมา ทำให้คนบนโลกผวา!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท